นิสสัน ลีฟ ใหม่ นวัตกรรมนิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี้

LEAF_01

นิสสัน ลีฟ (Nissan LEAF) ใหม่ล่าสุด สร้างมาตรฐานให้แก่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้ากระแสหลักที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยนิสสันนำเสนอรถที่สามารถขับเคลื่อนได้ไกลมากขึ้น พร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย รูปทรงปราดเปรียว มาพร้อมเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติอัจฉริยะของนิสสัน ProPILOT, ProPILOT Park, และ e-Pedal เพิ่มกำลังในการขับเคลื่อนได้ไกลยิ่งขึ้น

นิสสัน ลีฟ ใหม่ มาพร้อมนวัตกรรม นิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี้ (Nissan Intelligent Mobility) ในสามด้านหลัก ได้แก่ เทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Driving), เทคโนโลยีพลังการขับเคลื่อนอัจฉริยะ (Intelligent Power),เทคโนโลยีการเชื่อมต่ออัจฉริยะ(Intelligent Integration)

ภายนอก ดีไซน์ของลีฟ ใหม่ เป็นการแสดงให้เห็นถึงแนวความคิดสุดล้ำของนิสสัน และความพยายามในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดขายสูงสุดของโลกให้ดียิ่งกว่า โดยอาศัยแรงบันดาลใจจากรถต้นแบบ IDS Concept ที่นำเสนอสู่สาธารณชนเป็นครั้งแรกในงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2015 ด้วยความสปอร์ต รูปทรงที่ดึงดูดสายตาสะท้อนตัวตนของยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต ปรัชญาของการออกแบบ คือ ต้องการแสดงถึงเส้นสายที่เรียบง่ายสะอาดตา แต่แฝงไปด้วยความดุดัน รวมไปถึงความโฉบเฉี่ยวของการเล่นแสงเงา ให้ทุกคนสัมผัสได้ถึงยานยนต์ที่เปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง นอกจากนี้เส้นสายหลักในแนวนอน กันชน และความโดดเด่นของตัวถังช่วงล่างเน้นย้ำให้เห็นถึงจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำของตัวรถ ทำให้สัมผัสได้ถึงการขับขี่ที่สนุกสนาน และคล่องตัว

การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในส่วนของกระจังหน้าแบบ V-Motion, ไฟรูปทรง “บูมเมอแรง” และการออกแบบหลังคาให้ดูสูงขึ้น แสดงให้เห็นการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะในแบบของนิสสัน เพื่อให้ลีฟรุ่นใหม่ มีความเชื่อมโยงกับรถยนต์รุ่นอื่นๆ ของนิสสัน อย่างเอ็กซ์-เทรลรถยอดนิยม ลวดลายตาข่ายสีน้ำเงินสว่างแบบสามมิติโดดเด่นสะกดทุกสายตา เสริมความโดดเด่นให้กับกระจังหน้าแบบ V-Motion เสริมความพิเศษเฉพาะตัวของลีฟในฐานะรถยนต์พลังงานไฟฟ้า

นิสสัน ลีฟ ใหม่ใช้ไฟหน้าโปรเจ็คเตอร์แบบคู่ รองรับการทำงานทั้งไฟต่ำ และไฟสูง และเป็นครั้งแรกที่ติดตั้งในรถยนต์ของนิสสัน รายละเอียดทางเทคนิคอื่นๆ การตำแหน่งการจัดวางที่ค่อนไปทางด้านบน ช่วยสร้างความรู้สึกทันสมัย พร้อมทั้งเพิ่มวิสัยทัศน์ในการมองเห็น และเพิ่มความปลอดภัยด้วยการเพิ่มระยะการส่องสว่างที่ครอบคลุมมากขึ้น ทำให้ตอบโจทย์ทั้งในเรื่องของดีไซน์ และการใช้งาน

ชุดไฟท้ายมีความโดดเด่นที่ทำให้ผู้คนที่พบเห็นสามารถจดจำลีฟรุ่นใหม่ได้จากระยะไกล การติดตั้งสปอยเลอร์ท้ายให้เป็นส่วนหนึ่งของลวดลายกระจกทำให้ลีฟรุ่นใหม่ มีความสปอร์ตและสะดุดตามากยิ่งขึ้น ฝากระโปรงหน้าที่ลาดต่ำผสมผสานอย่างลงตัวกับกระจกด้านหน้าที่ทอดยาวไปจนถึงหลังคา ก่อให้เกิดเส้นเงาที่โฉบเฉี่ยว และทำให้การระบายของอากาศดีขึ้น

การออกแบบใต้ท้องรถ และกันชนท้ายที่มีลักษณะคล้ายดิฟฟิวเซอร์ (Diffuser) ช่วยทำให้ลดแรงต้านอากาศ และอากาศที่ยกตัวรถ ช่วยให้มีรถมีความมั่นคงยิ่งขึ้น ตัวถังออกแบบตามหลักแอโรไดนามิกส์ รวมถึงกันชนหลังที่เป็นแนวโค้ง และการออกแบบล้อตามหลักอากาศพลศาสตร์ ทำให้นิสสัน ลีฟใหม่มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านทานของอากาศ เพียง 0.28 เท่านั้น

นอกจากนี้ช่องเสียบสายชาร์จไฟบริเวณด้านหน้ารถได้รับการออกแบบใหม่เพื่อให้มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยเจ้าของรถสามารถเสียบสายชาร์จโดยไม่ต้องก้มตัวลงมาเหมือนรุ่นก่อน ด้วยหลักการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ของนิสสัน แสดงให้เห็นว่าช่องเสียบสายชาร์จไฟใหม่ที่ถูกติดตั้งในระดับ 45 องศา ทำให้ผู้ใช้งานที่มีระดับความสูงต่างกันสามารถเสียบสายชาร์จไฟได้อย่างสะดวก

ห้องโดยสารของลีฟ ใหม่มีความกว้างขวาง และสะดวกสบายมากขึ้น ที่ยึดหลักการออกแบบของนิสสัน Gliding Wing เป็นแนวทางหลัก การปรับดีไซน์ให้หน้าจอและรูปแบบของไฟแสดงข้อมูลของคนขับเรียบง่ายขึ้น ทำให้สามารถมองเห็นได้ชัดเจน มีความเรียบหรู และตอบสนองด้านพื้นที่และการใช้งาน

ผู้ใช้งานลีฟรุ่นใหม่ทุกคนจะเห็นตะเข็บการเย็บสีฟ้า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของรถยนต์ไฟฟ้านิสสัน ทั้งบริเวณเบาะนั่ง ด้านข้างประตู ที่วางแขน และพวงมาลัย รวมทั้งการใช้โทนสีน้ำเงินกับปุ่มสตาร์ต และเกียร์ที่ให้ความรู้สึกถึงเทคโนโลยีล้ำสมัย

การออกแบบคอนโซลกลางและสวิทช์เกียร์ที่ผ่านกระบวนการคิดอย่างรอบคอบ ทำให้ผู้ขับขี่ลีฟรุ่นใหม่สามารถมองเห็นข้อมูลที่จำเป็นในตำแหน่งที่เหมาะสม ช่วยให้ผู้ขับขี่มีสมาธิกับการขับขี่ที่สนุกและเพลิดเพลิน เมื่อสตาร์ทรถ ลีฟรุ่นใหม่ จะมีการฉายภาพยนตร์แนะนำข้อมูล เพื่อสร้างความรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ขับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า

หน้าจอแสดงข้อมูล และสวิตช์ควบคุมต่างๆ ถูกปรับเปลี่ยนรูปแบบให้มีความฉลาด และใช้งานง่ายขึ้น โดยที่มีความโดดเด่นมากที่สุด คือ การผสมผสานระหว่างมาตรวัดความเร็วแบบอนาล็อกกับหน้าจอแสดงผลแบบ multi-information ด้านซ้าย หน้าจอสีแบบ Thin-film Transistor (TFT) ขนาด 7 นิ้ว บอกปริมาณกำลังไฟฟ้าที่ใช้ตามการกำหนดค่ามาตรฐาน โดยคนขับสามารถเลือกแสดงข้อมูลตามที่ต้องการ หน้าจอแสดงผลตรงกลางแบบ Flush-surface ช่วยให้ผู้ขับขี่สะดวกต่อการเลือกระบบความบันเทิง และใช้งานระบบนำทาง สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส รวมทั้งแสดงให้เห็นการทำงานของเทคโนโลยี Safety Shield ระดับการชาร์จไฟของรถ และพลังงานที่เหลืออยู่ รวมถึงระบบเสียง และข้อมูลระบบนำทาง

การใช้งานนิสสัน คอนเน็กต์ (NissanConnect) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออัจฉริยะ (Nissan Intelligent Integration) คนขับสามารถค้นหาข้อมูลอัพเดตล่าสุดของสถานีชาร์จไฟฟ้าทั้งสถานที่ตั้งหรือเวลาให้บริการ รวมทั้งสถานะว่างของสถานีชาร์จ และในระหว่างชาร์จไฟฟ้าเจ้าของรถสามารถดูสถานะการชาร์จผ่านสมาร์ทโฟนได้อีกด้วย

นอกจากนี้ Apple CarPlay ได้รับการเพิ่มลงในระบบอินโฟเทนเมนท์ ในรถที่มีระบบนำทาง ฟังก์ชั่นเสียงที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ด้วยการใช้สวิตช์บนพวงมาลัยโดยคนขับไม่ต้องยกมือออกจากพวงมาลัย คุณภาพภายในรถยนต์โดยรวมยังได้รับการปรับเปลี่ยนให้ดียิ่งขึ้น วัสดุโครเมี่ยมพื้นผิวด้านที่เปี่ยมด้วยคุณภาพให้ความรู้สึกหรูหรา ถูกนำมาตกแต่งขอบพวงมาลัยที่หุ้มด้วยหนังแท้ และตกแต่งบนหน้าจอแสดงผลตรงกลาง เพื่อให้เกิดความสว่างและคงคุณภาพที่เท่าเทียมของวัสดุโลหะตกแต่ง สีดำด้านและสีดำเงาถูกนำมาใช้อย่างพิถีพิถันในแผงควบคุมเครื่องปรับอากาศและช่องระบายอากาศเพื่อสร้างความรู้สึกที่ทันสมัยและมีความพิถีพิถัน เหมือนห้องนั่งเล่นที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดี พร้อมมอบความนุ่มนวล ผ่อนคลายผนวกกับความอบอุ่นที่ลงตัว

ความสะดวกสบายและความเงียบของนิสสัน ลีฟ ใหม่มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยม แม้ในความเร็วบนทางด่วน ห้องโดยสารของลีฟ ใหม่ยังคงรักษาความเงียบ แรงเสียดทานที่ลดลง การยกระดับระบบอากาศพลศาสตร์และการปรับแต่งภายนอกเพื่อช่วยลดเสียงรบกวนของลม

มาตรการลดเสียงรบกวนอื่นๆ ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพของความแข็งแกร่งของโครงสร้างอินเวอร์เตอร์ (inverter) และการป้องกันเสียงรบกวนบนโมดูลส่งต่อพลังงาน (PDM) รวมถึงการลดเสียงรบกวนจากตัวมอเตอร์ไฟฟ้า แม้ว่าจะส่งแรงบิดและมีกำลังมากกว่าเดิม

คอนโซลด้านหน้าได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ที่รองแก้วแบบคู่จัดวางตามแนวยาวที่นั่งระหว่างผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้า ทำให้มีพื้นที่จัดเก็บเพิ่มขึ้นที่ฐานของคอนโซลกลาง ซึ่งเหมาะสำหรับการวางสมาร์ทโฟนหรือกระเป๋าสตางค์ รวมทั้งการใช้งานสวิตช์ไฟฟ้า ช่องจ่ายไฟ 12 โวลต์และพอร์ตยูเอสบีที่สะดวกง่ายดายมากขึ้น การออกแบบคอนโซลกลางใหม่ที่เหมาะสมตามหลักการยศาสตร์ ช่วยให้สามารถเข้าถึงแผงควบคุมต่างๆ และสวิตช์ในส่วนล่างได้ง่ายขึ้น

เครื่องปรับอากาศและระบบทำความร้อนที่ประหยัดพลังงาน ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารสำหรับผู้โดยสารทุกคน แอพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนมาพร้อมฟีเจอร์อำนวยความสะดวก เช่น การปรับอุณหภูมิภายในรถยนต์ล่วงหน้าให้เหมาะสม และการชาร์จแบบไร้สาย

แม้ว่าความจุพลังงานของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนจะเพิ่มขึ้น แต่ขนาดของแบตเตอรี่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงดังนั้นห้องโดยสารจึงรองรับผู้โดยสาร 5 คนได้อย่างสบาย นอกจากนี้พื้นที่วางสัมภาระด้านหลังได้รับการออกแบบใหม่เพื่อเพิ่มพื้นที่มากขึ้น โดยมีความจุ 435 ลิตร (VDA) พื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีการเอาส่วนนูนออกมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นเพิ่มความสะดวกสบายและการใช้งาน พื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านหลังสามารถเก็บกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ 2 ใบ หรือกระเป๋าเดินทางขนาดกลาง หรือกระเป๋าสัมภาระพกพาขึ้นเครื่อง 3 ใบ นอกจากนี้ยังช่วยให้จัดเก็บสายชาร์จได้ง่ายขึ้น

เทคโนโลยีการขับขี่ (Intelligent Driving) รุ่นใหม่ คือ ProPILOT, ProPILOT Park, e-Pedal, และ Nissan Safety Shield

ProPILOT คือเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติในช่องจราจรเดียว เมื่อเทคโนโลยีนี้ทำงาน รถจะรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าได้โดยอัตโนมัติด้วยการใช้ความเร็วที่ผู้ขับขี่กำหนดไว้ล่วงหน้า (ระหว่าง 30 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง) เทคโนโลยีนี้ยังช่วยบังคับทิศทางและรักษาตำแหน่งอยู่กึ่งกลางช่องจราจร เมื่อรถคันหน้าจอด ProPILOT จะสั่งการระบบเบรกโดยอัตโนมัติเพื่อให้รถหยุดนิ่งเมื่อถึงเวลาจำเป็น เมื่อรถหยุดนิ่งแล้ว ตัวรถจะไม่เคลื่อนที่ แม้ผู้ขับขี่จะยกเท้าออกจากแป้นเบรกก็ตาม เมื่อการจราจรเคลื่อนที่อีกครั้ง ตัวรถจะเริ่มขับเคลื่อนไปข้างหน้าเมื่อผู้ขับขี่กดสวิทช์อีกครั้งหรือเหยียบคันเร่งเบาๆ เพื่อให้ระบบ ProPILOT เริ่มทำงาน ฟังก์ชั่นทั้งหมดนี้สามารถลดความกดดันขณะขับขี่ได้อย่างมากขณะขับขี่บนถนนทางไกลทั้งที่มีการจราจรหนาแน่นและเบาบาง

ProPILOT Park คือระบบจะช่วยเหลือผู้ขับขี่ในการจอดรถอย่างเต็มรูปแบบ โดยควบคุมการเร่ง เบรก พวงมาลัย การเปลี่ยนเกียร์ และเบรกมือเพื่อให้ตัวรถเข้าสู่ช่องจอดได้โดยอัตโนมัติ

ผสมผสานเทคโนโลยีประมวลผลภาพด้วยการใช้กล้องความละเอียดสูงจำนวน 4 ตัวและข้อมูลจากเซ็นเซอร์อัลตราโซนิค 12 ตัวที่ติดตั้งรอบคัน ProPILOT Park จะช่วยควบคุมรถให้เข้าสู่ช่องจอดได้อย่างปลอดภัยและแม่นยำ ระบบพวงมาลัย เบรก และคันเร่งทั้งหมดจะถูกควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติเพื่อการจอดหลากหลายรูปแบบ เช่น การจอดขนานกับทางเท้า ระบบจะคำนวณพื้นที่จอดรถได้โดยอัตโนมัติโดยที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องกำหนดเป้าหมายตำแหน่งที่จอด ด้วยการสั่งการง่ายๆ เพียง 3 ขั้นตอน เทคโนโลยีนี้ทำให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องเป็นกังวลกับการจอดรถซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเบื่อและบางครั้งอาจเป็นสิ่งที่ท้าทายที่สุดเช่นกัน

นิสสันยกระดับนวัตกรรมประสบการณ์ขับขี่ให้ลีฟ ใหม่ ด้วย e-Pedal ซึ่งจะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานใหม่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อเพิ่มความสะดวกง่ายดายให้ผู้ขับขี่ในการออกตัว เร่งความเร็ว ลดความเร็ว หยุดนิ่งและควบคุมตัวรถให้อยู่กับที่ด้วยการใช้แป้นคันเร่งอย่างเดียว ถือเป็นนวัตกรรมที่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบการขับขี่ได้อย่างสิ้นเชิง

เพียงยกเท้าออกจากคันเร่ง ตัวรถจะลดความเร็วจนหยุดนิ่งได้อย่างนุ่มนวล โดยไม่จำเป็นต้องแตะแป้นเบรก ด้วยอัตราการลดความเร็วที่ไม่เกิน 0.2 จี e-Pedal ทำให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องยกเท้าจากแป้นคันเร่งเพื่อเหยียบแป้นเบรกบ่อยครั้งเมื่อต้องการลดระดับความเร็วหรือหยุดรถ ซึ่งช่วยลดความเมื่อยล้าและเพิ่มความเพลิดเพลินในการขับขี่

ผลสำรวจของนิสสันในประเทศญี่ปุ่น ยุโรป และสหรัฐอเมริกา แสดงให้เห็นว่าระบบ e-Pedal ของนิสสัน ลีฟ ช่วยลดจำนวนการเหยียบแป้นเบรกขณะเดินทางในการจราจรที่ติดขัด แม้ว่าแป้นเบรกจะได้รับการใช้งานเช่นเดิม เมื่อต้องมีการเบรกอย่างกะทันหัน แต่ e-Pedal ก็สามารถช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถใช้แป้นคันเร่งเพียงหนึ่งเดียวในกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของการขับขี่

“ผู้ขับขี่ลีฟรุ่นใหม่จะเกิดความประทับใจใน e-Pedal อย่างรวดเร็ว เนื่องจากระบบนี้ช่วยเปลี่ยนประสบการณ์ขับขี่ในเมืองตามปกติให้กลายเป็นการขับขี่ที่นุ่มนวลและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น รวมถึงช่วยลดความเมื่อยล้าในการขับขี่” ฮิโรกิ อิโซเบะ หัวหน้าวิศวกรยานยนต์ของนิสสันกล่าว “การทดสอบของเราแสดงให้เห็นว่าผู้ขับขี่มีความเพลิดเพลินในการใช้ e-Pedal ซึ่งสามารถตอบสนองการใช้งานได้อย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังส่งเสริมให้ผู้ขับขี่มีสมาธิมากขึ้นเมื่ออยู่บนถนน ซึ่งส่งผลด้านบวกต่อความสนุกสนานในการขับขี่”

นอกจากระบบ ProPILOT, ProPILOT Park, และ e-Pedal นิสสัน ลีฟ ใหม่ยังมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยสุดล้ำ ทั้งระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องจราจร (Intelligent Lane Intervention) ระบบแจ้งเตือนเมื่อรถออกจากช่องจราจร (Lane Departure Warning) ระบบเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking) ระบบเตือนมุมอับสายตา (Blind Spot Warning) ระบบตรวจจับสัญญาณจราจร (Traffic Sign Recognition) ระบบเตือนการจราจรตัดขวางด้านหลัง (Rear Cross Traffic Alert) กล้องอัจฉริยะมองภาพ

รอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor) พร้อมการตรวจจับวัตถุเคลื่อนไหว และระบบช่วยเหลือฉุกเฉินขณะเหยียบคันเร่งโดยไม่ตั้งใจ (Emergency Assist for Pedal Misapplication)

 

เทคโนโลยีพลังการขับเคลื่อน ( Nissan Intelligent Power)

หัวใจหลักของเทคโนโลยีพลังการขับเคลื่อนอัจฉริยะในลีฟ ใหม่คือระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า (e-powertrain) ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน พร้อมกับมีแรงบิดและพละกำลังที่สูงขึ้น

ระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่มอบสมรรถนะที่ต่อเนื่อง และเร้าใจด้วยการส่งกำลังที่ 110 กิโลวัตต์ มากกว่าลีฟ เจนเนอเรชั่นก่อนหน้า 38 เปอร์เซ็นต์ มีแรงบิดเพิ่มขึ้น 26 เปอร์เซ็นต์เป็น 320 นิวตันเมตร ส่งผลให้มีอัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น

ผู้ขับขี่ลีฟ ชื่นชอบการตอบสนองที่ทันท่วงที และสมรรถนะที่เสถียรขณะเดินทางในเมือง แต่ลีฟรุ่นใหม่ที่ได้รับการพัฒนาเรื่องขุมพลังในการเร่ง จะเพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่มากขึ้นกว่าเดิม

แม้จะมีพละกำลังเพิ่มขึ้น ลีฟ ใหม่ยังเพิ่มระยะทางขับเคลื่อนไกลมากขึ้นด้วยเช่นกัน ชุดแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนชุดใหม่ให้ระยะทางขับเคลื่อนตามมาตรฐานของประเทศญี่ปุ่น ที่ 400 กม. ซึ่งตอบสนองต่อการขับขี่ในชีวิตประจำวันของลูกค้าส่วนใหญ่ของนิสสันได้อย่างน่าพึงพอใจ

แบตเตอรี่ที่ได้รับการพัฒนาและออกแบบให้มีความจุพลังงานที่ดีขึ้นโดยยังมีขนาดเท่าเดิม ชุดแบตเตอรี่ดังกล่าวมีมิติเท่าเดิมทุกด้านเหมือนกับลีฟรุ่นก่อนหน้า การปรับปรุงใหม่เกิดขึ้นภายในโครงสร้างแต่ละเซลล์ในแบตเตอรี่ลิเธีย-ไอออนชนิดอัดซ้อน (laminated lithium-ion battery) ทำให้มีความหนาแน่นของพลังงานเพิ่มขึ้น 67 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับรุ่นปี 2010 อีกหนึ่งพัฒนาการทางวิศวกรรมที่สำคัญของแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนชุดนี้คือการเพิ่มประสิทธิภาพวัสดุขั้วไฟฟ้าพร้อมการปรับปรุงเคมีใหม่ ทำให้มีความหนาแน่นของพลังงานสูงขึ้น พร้อมกับเพิ่มความทนทานของแบตเตอรี่ทั้งในขณะชาร์จและคลายประจุไฟ

สำหรับผู้ที่ต้องการขับขี่ลีฟในระยะทางที่ไกลมากขึ้น นิสสันจะเปิดตัวรุ่น e+ ภายในปีหน้า รุ่น e+ จะมีระยะทางขับขี่ที่ไกลยิ่งขึ้น และมาพร้อมกับราคาที่แตกต่าง เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้าที่มีความต้องการแตกต่างกัน

เทคโนโลยีการเชื่อมต่อ (Nissan Intelligent Integration)

นิสสัน ลีฟรุ่นใหม่ เชื่อมต่อผู้ขับขี่ รถยนต์ และการสื่อสารผ่านระบบนิสสันคอนเน็กต์ (NissanConnect) ที่ง่ายต่อการใช้งาน และระบบที่จัดสรรพลังงานไฟฟ้าระหว่างรถยนต์พลังงานไฟฟ้ากับที่พักอาศัย อาคาร และโครงข่ายไฟฟ้าต่างๆ

ระบบ Vehicle-to-Home ทำให้แบตเตอรี่สามารถสะสมพลังงานให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้จากพลังงานส่วนเกินของระบบพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Power) ในช่วงเวลากลางวัน เพื่อนำกระแสไฟฟ้ามาใช้งานภายในบ้านช่วงกลางคืน โดยผู้ใช้งานลีฟ สามารถชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่รถยนต์ในช่วงเวลากลางคืน ซึ่งเป็นช่วงที่มีอัตราค่าไฟฟ้าต่ำสุดในบางประเทศ เพื่อนำมาใช้ในช่วงกลางวันเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน

ในบางประเทศที่มีระบบ Vehicle-to-Grid (V2G) เจ้าของรถลีฟ จะได้รับประโยชน์ต่างๆ จากบริษัทพลังงานที่ต้องการสร้างโครงข่ายไฟฟ้าที่มีความเสถียร เพื่อรองรับความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้า

แอพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนของนิสสัน ลีฟ ใหม่ได้รับการดีไซน์ให้ผู้ใช้จะสามารถเรียกดูข้อมูลการชาร์จไฟฟ้าเข้าสู่รถยนต์ กำหนดเวลาชาร์จเพื่อความคุ้มค่าที่สุดในช่วงเวลาที่อัตราค่าไฟฟ้าต่ำ ค้นหาตำแหน่งสถานีชาร์จไฟฟ้า และการเปิดเครื่องปรับอากาศหรือฮีทเตอร์ไว้ล่วงหน้าก่อนขึ้นรถ

ลีฟ ใหม่ เพิ่มสมรรถนะ และความคล่องตัวในการขับขี่ที่ล้ำขึ้นอีกขั้น ทำให้สามารถรองรับการจ่ายพลังงานที่ดีขึ้นจากมอเตอร์ไฟฟ้า และระบบอินเวอร์เตอร์ (Inverter) ทีมวิศวกรของนิสสัน พัฒนาโครงสร้างของลีฟ ใหม่ ให้มีเสถียรภาพการทรงตัวที่ดีขึ้น โดยให้ชิ้นส่วนที่มีน้ำหนักมาก เช่น แบตเตอรี่จะถูกติดตั้งไว้บริเวณกลางตัวถัง เพื่อลดแรงเฉื่อย (Moment of Inertia) ได้ดีขึ้น หากเทียบกับรถยนต์ที่วางเครื่องยนต์ไว้ด้านหน้า จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุม และเข้าโค้งได้อย่างนุ่มนวล

นิสสัน ลีฟ ใหม่ มีระบบพวงมาลัยไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพมากขึ้น เพิ่มความมั่นใจให้ผู้ขับขี่ โดยเฉพาะการขับขี่บนทางด่วน รวมทั้งมีการตอบสนองต่อสภาพพื้นผิวถนนที่ดียิ่งขึ้น เนื่องมาจากการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ใหม่ ระบบควบคุมทำงานเชื่อมต่อกับเซ็นเซอร์วัดองศาการเลี้ยวของพวงมาลัย และระบบกันสะเทือนแบบทอร์สชั่น บาร์ (Torsion Bar) ที่มีอัตราการยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์ นอกเหนือจากนี้ชุดยางซับแรงกระแทกที่ใช้วัสดุยูรีเธนสำหรับระบบกันสะเทือนหลังได้ถูกแทนที่ด้วยวัสดุใหม่ที่ผลิตจากยางที่ช่วยลดแรงกระแทก และแรงสั่นสะเทือน เมื่อต้องขับขี่บนสภาพถนนที่ขรุขระ โดยลีฟ ใหม่ ยังมาพร้อมระบบควบคุมการขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Ride Control) เพื่อช่วยให้มอเตอร์ไฟฟ้ามีการทำงานที่แม่นยำมากขึ้นในการสร้างแรงบิดที่เหมาะสมเมื่อเข้าโค้ง ลดแรงสั่นสะเทือน พร้อมทั้งช่วยเพิ่มความสบายในการขับขี่ และการควบคุมพวงมาลัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สีของนิสสัน ลีฟ ใหม่ (อาจแตกต่างกันในแต่ละตลาด) มอบทางเลือกที่มากขึ้นให้แก่ลูกค้าตามความชอบที่ต่างกัน โดยตัวรถจะมีสีขาว เหลือง แดง และสีฟ้าอ่อนให้เลือก โดยหลังคาจะเป็นสีดำ สีใหม่ที่เพิ่มเข้ามาจากสีเดิม คือ สีเขียวอ่อนฤดูใบไม้ผลิ นอกจากนี้ นิสสัน ลีฟ ใหม่ ยังมาพร้อมกับสีทูโทน เพื่อให้ตอบโจทย์รสนิยมของผู้ใช้ในแต่ละตลาด สำหรับการตกแต่งภายใน การออกแบบที่มีความสะอาดตายังมาพร้อมตัวเลือกสีต่างๆ สีดำล้วนช่วยให้บรรยากาศเรียบหรู ยกระดับความสง่างามด้วยการใช้เบาะที่นั่งสีอ่อน และเย็บตะเข็บสีน้ำเงินที่พวงมาลัย เบาะที่นั่ง และที่วางแขนตรงกลาง ส่วนอีกหนึ่งทางเลือกคือสีเทาอ่อน ซึ่งใช้กับเบาะที่นั่ง การตกแต่งประตู และส่วนกลางของแผงแดชบอร์ด และที่วางแขนตรงกลาง ตัดกันกับสีเทาเข้มของคอนโซลกลาง แผงหน้าปัดส่วนล่างและบน และพวงมาลัย ทำให้บรรยากาศโดยรวมเบาสบายและโปร่งสบาย

นิสสัน ลีฟ ใหม่จะวางจำหน่ายในวันที่ 2 ตุลาคมที่ประเทศญี่ปุ่น โดยโมเดลนี้มีกำหนดการส่งมอบช่วงเดือนมกราคมในประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา และยุโรป ก่อนจะวางจำหน่ายในกว่า 60 ประเทศทั่วโลกต่อไป

ข้อมูลจำเพาะของนิสสันลีฟปี 2560 (รุ่นวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น)
ข้อมูลล่าสุดขณะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ สำหรับภูมิภาคอื่นจะมีการประกาศข้อมูลเมื่อเริ่มวางจำหน่าย

ภายนอก (มิลลิเมตร)
ความยาวของตัวรถ 4,480
ความกว้างของตัวรถ 1,790
ความสูงของตัวรถ 1,540
ฐานล้อ 2,700
ความกว้างระหว่างล้อ คู่หน้า/คู่หลัง 1,540/1,555
ความสูงจากพื้นรถ 150
สัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ
0.28
ยางรถยนต์
พื้นที่เก็บสัมภาระ 205/55R16 or 215/50R17 435 ลิตร
น้ำหนัก / ความจุ (กิโลกรัม)
น้ำหนักรถเปล่า 1,490-1,520
ความจุ 5 ที่นั่งผู้โดยสาร
น้ำหนักสุทธิของรถ 1,765-1,795
แบตเตอรี่
ประเภท Li-ion battery
ความจุ 40 กิโลวัตต์ชั่วโมง
มอเตอร์ไฟฟ้า
ชื่อ EM57
กำลังขับสูงสุด 110kw (150ps)/3283~9795rpm
แรงบิดสูงสุด 320N・m (32.6kgf・m)/0~3283rpm
สมรรถนะ
ระยะทางที่สามารถขับขี่ได้ 400 กิโลเมตร (JC08)
การชาร์จแบบปกติ (เวลาในการชาร์จ) 16 ชั่วโมง (3 กิโลวัตต์) 8 ชั่วโมง (6 กิโลวัตต์)
เวลาในการชาร์จ จากระดับแจ้งเตือนถึง 80 เปอร์เซ็นต์
(การชาร์จแบบเร็ว)