การทำงานของเครื่องยนต์ Bi-Turbo และเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ

ข่าว รถ วันนี้ : การทำงานของเครื่องยนต์ Bi-Turbo และเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ

ข่าว : แอนโทนี ฮอลล์ และร็อบ ชาร์เพิลส์ สองวิศวกร ผู้ผลักดันขีดจำกัดของรถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ขึ้นไปอีกระดับด้วยบททดสอบการทำงานของเครื่องยนต์ใหม่แบบBi-Turbo (เทอร์โบคู่) และระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ในฟอร์ด เรนเจอร์ และ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ซึ่งทีมผู้ทดสอบต่างปลาบปลื้มกับผลทดสอบเป็นอย่างยิ่ง

 

[su_pullquote align=”right”][su_button url=”https://carinner.com/video-channel/” target=”blank” style=”flat” background=”#000″ color=”#fff” size=”10″ center=”yes” title=”test”]คลิ๊ก[/su_button][/su_pullquote]ติดตาม ! ทดสอบรถ รีวิวรถ รูปแบบ วีดีโอ ทางช่อง Carinner Channel

 

 

“มหัศจรรย์มาก” ฮอลล์ กล่าว “พวกเราทดสอบรถบนเส้นทางวิบากด้วยความเร็วสูง ผลคือการทำงานของระบบส่งกำลังและระบบเกียร์น่าทึ่งมาก ไม่มีอะไรเทียบได้เลย”

ฮอลล์พูดถูก เรนเจอร์ แร็พเตอร์เป็นรถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูงที่ได้ยกระดับวงการยานยนต์ขึ้นไปอีกระดับ อีกทั้งยังเป็นรถที่ยากที่จะเลียนแบบอีกด้วย แม้ว่าสมรรถนะของแร็พเตอร์จะเป็นผลมาจากการพัฒนาโครงรถและระบบกันสะเทือน แต่ระบบส่งกำลังใหม่ในเรนเจอร์ แร็พเตอร์ก็เป็นหัวใจสำคัญซึ่งได้ถูกนำไปใช้กับฟอร์ด เรนเจอร์ และ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ด้วย

“เครื่องยนต์เทอร์โบคู่และระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ มีลักษณะการทำงานที่หลากหลาย” ฮอลล์ กล่าว “ถ้าใช้กับเรนเจอร์ แร็พเตอร์ ซึ่งโหมดการขับขี่มีอิทธิพลต่อพลังการขับเคลื่อนและระดับแรงบิด จะทำให้สามารถขับขี่ออฟโรดแบบความเร็วสูงได้ ถ้าใช้กับฟอร์ด เอเวอเรสต์ คุณก็จะพบกับประสบการณ์การขับขี่ที่ผ่อนคลาย เหนือระดับ และประหยัดเชื้อเพลิง ถ้าใช้กับฟอร์ด เรนเจอร์ รถจะมีกำลังสูงพร้อมลุยในการขับขี่แบบออฟโรด”

 

 

ทั้งเครื่องยนต์และระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ได้ผ่านการพิสูจน์มาแล้ว ระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด เป็นระบบเกียร์ของรถระดับตำนานอย่าง ฟอร์ด แร็พเตอร์ เอฟ-150 และฟอร์ด มัสแตง ซึ่งผ่านการทดสอบบนถนนและการทดสอบที่หนักหน่วงมามากกว่า 5 แสนกิโลเมตร ในส่วนของเครื่องยนต์ Bi-Turbo ซึ่งพัฒนาในสหราชอาณาจักรนั้น ก็ผ่านการทดสอบเทอร์โมไซเคิล (thermo-cycle) สุดหฤโหดมาแล้วเช่นกัน ผลของการรวมตัวระหว่างเครื่องยนต์และระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด จึงน่าประทับใจอย่างยิ่ง

ร็อบ ชาร์เพิลส์ หัวหน้าวิศวกรด้านระบบส่งกำลังของฟอร์ด กล่าวว่าการรวมตัวกันระหว่างเครื่องยนต์กับระบบเกียร์ที่มาพร้อมวิศวกรรมด้านอิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่และระบบขับเคลื่อนต่างๆ ทำให้รถสามารถรองรับการเดินทางได้ดีเหมือนกันทุกสภาพการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการขับรถฝ่าทะเลทราย การขับรถในเมือง หรือจะเป็นการลากพ่วง

 

 

“เมื่อเครื่องยนต์เทอร์โบคู่มารวมตัวกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ จะส่งผลทันทีกับพลังในการขับเคลื่อนและแรงบิด ผนวกกับสไตล์การขับขี่ของแต่ละคน เช่น การใช้เกียร์ทุกสปีดเพื่อประสิทธิภาพในการประหยัดเชื้อเพลิงขั้นสูงสุด หรือการเหยียบคันเร่งแรงๆ ระบบจะชิฟต์ข้ามเกียร์ เพื่อมอบสมรรถนะการขับขี่ระดับสูง เป็นต้น ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงขุมพลังที่อยู่ในฟอร์ด เรนเจอร์ สุดยอดสมรรถนะในเรนเจอร์ แร็พเตอร์ และประสบการณ์การขับขี่ชั้นเลิศในฟอร์ด เอเวอเรสต์ ช่างเป็นประสบการณ์ที่มหัศจรรย์จริงๆ”

แอนโทนี ฮอลล์ เห็นด้วย เขายินดีที่จะเปิดเผยข้อมูลอันน่าประทับใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การทำงานของระบบส่งกำลังที่หลากหลาย ความสามารถในการมอบกำลังสูงสุดถึง 213 แรงม้า ระดับแรงบิดมากถึง 500 นิวตันเมตร แรงลากจูงถึง 3.5 ตันสำหรับฟอร์ด เรนเจอร์และฟอร์ด เอเวอเรสต์

 

 

“ถ้าคุณไม่ได้ลองขับเอง คำว่าเครื่องยนต์เทอร์โบคู่และระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะก็จะเป็นเพียงแค่คำพูดและตัวเลขทั่วไป แต่การได้ลองสัมผัสด้วยตัวคุณเอง คุณจะสัมผัสได้ถึงประสบการณ์ที่น่าจดจำกับเทคโนโลยีเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังที่เหนือระดับ ทั้งยังมอบการขับขี่ที่เพลิดเพลินอีกด้วย”