ทดสอบสมรรถนะ ซูซูกิ สวิฟท์ รุ่นท็อป 1.2 GLX-Navi CVT

 

#สิ่งที่ประทับใจ

-การออกแบบภายนอก  
-ห้องโดยสารดูสปอร์ต เบาะนั่งสบายกว่ารุ่นเดิม
-เครื่องยนต์ใหม่ อัตราเร่งและการตอบสนองดี
-ช่วงล่างนุ่มหนึบ เบรกมั่นใจไม่ต้องเซ็ทเพิ่ม

#สิ่งที่อยากให้มี

-ไฟส่องสว่างบนเพดาน
– กรุปิดแก้มซ้าย/ขวาในห้องเครื่องยนต์

 

แอดมินนำ ซูซูกิ สวิฟท์ 1.2 GLX-Navi CVT  อีโคคาร์  รุ่นท็อปโฉมใหม่ ที่ได้รับการออกแบบและพัฒนาโครงสร้างใหม่ พร้อมเครื่องยนต์ เบนซิน Dual Jet รหัส K12M บล็อคใหม่ มาทำการทดสอบเพื่อวัดสมรรถนะและขับใช้งานจริงทั้งในและนอกเมือง

มิติตัวรถยาว 3,840 มม. เมื่อเทียบกับรุ่นที่แล้วสั้นลง 10 มม. ความกว้าง 1,735 มม. กว้างขึ้น 40 มม. ส่วนความสูง 1,495 มม. ต่ำลงกว่ารุ่นเดิม 15 มม. ส่วนระยะฐานล้อ 2,450 มม. ยาวขึ้น 20 มม. ระยะความสูงจากพื้น 120 มม. ต่ำลง 20 มม. ช่วงล้อหน้า/หลังกว้าง 1,520/1,525 มม. กว้างขึ้น 30 มม. ส่งผลให้ ซูซูกิ สวิฟท์ ใหม่มีสัดสัดส่วนที่เพรียวกระชับและสปอร์ตขึ้น แพลทฟอร์ม Heartect ทำให้รถมีน้ำหนักน้อยลง 85 กก.ช่วยให้ประหยัดน้ำมัน และมีโครงสร้างตัวรถที่แข็งแกร่งมากขึ้น

ไฟหน้าดูเข้มทรงสปอร์ต แบบแอลอีดี โปรเจ็คเตอร์ และ ไฟเดย์ไทม์รันนิงไลท์ หรือ DRL (Daytime Running Light) เป็นไฟส่องสว่างขณะวิ่งกลางวันที่ทันสมัย ต่างจากเดิมที่ยังเป็นมัลติรีเฟลคเตอร์ แบบจานสะท้อนดั้งเดิม แม้ช่วงหลังในรุ่น RX จะปรับมาเป็นแบบ Projector แต่ยังไม่ได้ใช้หลอดแบบ แอลอีอี ส่วนโคมก็ไม่มี ไฟ DRL แบบบิล์อิน แต่ติดตั้งบริเวณกันชนหน้าแทน กระจังหน้าแบบตระแกรง รังผึ้งสีดำสไตล์สปอร์ต คาดตัดด้วยเส้นสีแดงแนวขวางทำให้ดูโดดเด่นเตะตา ออกแบบซุ้มล้อหน้าขนาดใหญ่ดุมีมัดกล้าม มือเปิดประตูหลังย้ายไปติดตั้งบริเวณเสาซี ทำให้ดูเผลิน ๆ เหมือนรถคูเป้ ส่วนไฟท้ายสไตล์ใหม่ แบบแอลอีดี เช่นกัน ด้านล้ออัลลอยเป็นล้อขนาด 16 นิ้ว ขนาดเท่าเดิมมาพร้อมกับยาง ขนาด 185/55R16

ห้องโดยสารออกแบบใหม่ เมื่อเข้ามานั่งขับพบว่า มีการติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย แผงคอนโซลกลางด้านหน้า ออกแบบให้มีมุมเอียงเข้าหาคนขับเล็กน้อยช่วยให้ใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ ได้สะดวกสบาย ออกแบบเรือนไมล์ใหม่ มาตรวัดทรงกลมดูสปอร์ต พร้อมกรอบสีเงินตัดด้วยลายเส้นสีแดง ตรงกลางเป็นจอแสดงข้อมูลขับขี่แบบ LCD บอกทั้งเวลา อุณหภูมิ อัตราสิ้นเปลือง ระยะทาง ไว้ครบ

ด้านระบบเสียง เป็นหน้าจอแบบทัชสกรีน (สัมผัส) ขนาด 7 นิ้วที่เรียกว่า Suzuki Smart Connect สามารถควบรวมระบบนำทางและฟังค์ชั่นเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่าน Bluetooth รองรับ Apple CarPlay สำหรับ iOS สามารถสั่งงานง่าย ๆ ผ่านระบบเสียง รองรับการโทรเข้า/ออก และเล่นเพลงจากการเชื่อมต่อโทรศัพท์ได้ ซึ่งมีเฉพาะในรุ่นท็อป GLX-NAVI

พวงมาลัย 3 ก้านทรงสปอร์ต D-Shape ออกแบบใหม่เพิ่มพื้นที่ระหว่างเบาะและพวงมาลัยมากขึ้น สามารถปรับได้แบบ 4 ทิศทาง ขึ้น/ลง เข้า/ออก พร้อมทั้งใส่โมดูลไว้ในชุดมอเตอร์ และใช้มอเตอร์ 60 แอมพ์ แบบไม่มีแปรงถ่าน ติดตั้งระบบมัลติฟังค์ชั่นควบคุมเครื่องเสียงและครูสคอนโทรล มีควบคุมความเร็วอัตโนมัติ มีรัศมีวงเลี้ยว 4.8 ม. ที่แคบกว่าเดิม (5.2 ม.) จึงใช้งานในเมือง ถอยจอดหรือกลับรถได้คล่องตัว ส่วนระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แบบทรงกลม 3 วง หมุนปรับใช้งานง่ายตรงกลางเป็นจอแอลซีดี บอกสถานะการใช้งานชัดเจน

เบาะนั่งพัฒนาขึ้นมาก ทั้งเบาะนั่งคู่หน้าและเบาะนั่งหลัง นั่งแล้วรู้สึกกระชับแน่น นั่งสบายมากขึ้น ไม่เมื่อยล้าโดยเฉพาะเมื่อต้องนั่งนาน ๆ พนักพิงหน้าและหลังดีไซน์รับกับสรีระ มีเพียงไฟส่องสว่างในห้องโดยสารด้านหลังหรือไฟหลังคาบนเพดานที่ขาดหายไป ยามค่ำคืนทำให้ผู้โดยสารด้านหลังจะค้นหาของลำบาก

วัดระดับเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร จากความเร็วคงที่ 0/60/80/100 กม./ชม. ทำการวัดโดยเปิดแอร์เบอร์1 อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส อยู่ที่ 45/62/66/68 เดซิเบล ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ย ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ

เครื่องยนต์เบนซิน Dual Jet รหัส K12M แบบ 4 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 83 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 11.0 กก.-ม. หรือ 108 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รตน. ติดตั้ง EGR COOLER คอยลดอุณหภูมิไอเสีย ก่อนวนกลับเข้าห้องเผาไหม้ ช่วยลดมลพิษและส่งผลให้การเผาไหม้ดีขึ้น ผ่านมาตรฐาน อีโคคาร์ เฟส 2 ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ที่พัฒนาใหม่ เช่นกัน หัวฉีด Dual Jet คือระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีดคู่ ที่เพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ให้สมบูรณ์ ส่งผลในการตอบสนองอัตราเร่งที่ดีขึ้น

สำหรับเครื่องยนต์บล็อคใหม่ในสวิฟท์ มีความจุ 1,197 ซีซี เทียบกับรุ่นเดิมพบว่า มีความจุลดลง 45 ซีซี แต่เพิ่มอัตราส่วนกำลัง จาก 11.0 :1 เป็น 11.5 :1 กระบอกสูบ 73 มม. เท่าเดิมแต่ใช้ช่วงชักสั้นกว่า 2.7 มม. จึงให้กำลังน้อยลง 8 แรงม้า รวมถึงแรงบิด ที่น้อยลง 10 นิวตัน-เมตร เมื่อเทียบกับ สวิฟท์ โฉมที่แล้ว แต่ได้เทคโนโลยีหัวฉีดคู่ Dual Jet และการอัตราส่วนกำลังอัดที่มากขึ้น ทำให้สมรรถนะโดดเด่นขึ้นกว่าเดิมเยอะ

จากการทดสอบสามารถทำอัตราเร่งช่วงออกตัว 0-100 กม./ชม. ได้ 12.2 วินาที ขณะที่สวิฟท์เดิมทำได้เกือบ 15 วินาที อัตราเร่งในช่วง 0-402 กม./ชม. ทำได้ 18.5 วินาที ดีกว่าสวิฟท์เดิมที่ทำไว้เกือบ 20 วินาที อัตราเร่งทางยาว เหยียบแช่ 0-1000 ม. หรือ 1 กม. ทำได้ 35.6 วินาที ที่ความเร็ว 141.6 กม./ชม. ช่วงเร่งแซง ในเมือง 60-100 กม./ชม.ทำได้ 7.2 วินาที และช่วงเร่งแซงนอกเมือง 80-120 กม./ชม. ทำได้ 10.4 วินาที ดีกว่าสวิฟท์เดิมอยู่เล็กน้อย

เทียบกับคู่แข่งในกลุ่มอีโคคาร์ อัตราเร่งอยู่หัวแถว การตอบสนองการขับขี่ โดยเฉพาะจังหวะเร่งออกตัวและจังหวะการเร่งแซง ไหลลื่น เรียกว่าให้มาเพียงพอตามสไต์รถอีโคคาร์ ที่ขับสนุกและคล่องตัว มีระบบ Idling Stop ที่ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันขณะรถหยุดนิ่ง ซึ่งผู้ขับสามารถเลือกระยะเวลาที่ดับเครื่องยนต์ได้ 3 แบบ คือ Standard 90 วินาที Economy 120 วินาที และ Comfort 50 วินาที แต่ถ้าไม่ต้องการใช้งานก็สามารถปิดได้ โดยกดปุ่มค้างไว้ 5 วินาที

ช่วงล่างของสวิฟท์ใหม่เซ็ทได้ลงตัวมาก  ด้านหน้าแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมคอยล์สปริง โช้คอัพ ด้านหลังเป็นทอร์ชั่นบีม คอยล์สปริงและโช้คอัพ ที่มีการพัฒนาใหม่ พร้อมทั้งติดตั้งระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS ช่วยควบคุมการขับขี่บนถนนลื่นหรือในทางโค้ง และจุดเด่นอีกอย่างใน สวิฟท์ ใหม่ คือ ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP มีระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Hold Control ช่วยออกตัวขณะขับขึ้นเนินและถอยหลังขึ้นทางลาดชัน ติดตั้งถุงลมนิรภัย SRS 6 ตำแหน่ง

ระบบเบรกแบบดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ ดิสก์เบรกหน้าพร้อมช่องระบายความร้อน พร้อมระบบป้องกันล้อล็อคเอบีเอส ABS และระบบกระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ EBD

จากการทดสอบเบรก 60-0 กม./ชม. หรือระยะเบรกในเมือง ทำได้ 15.7 ม. ระยะเบรกที่ 100-0 กม./ชม. หรือระยะเบรกนอกเมือง ทำได้ 40.9 ม. ทำได้ดี มีระยะหยุดที่มั่นใจมาก เทียบกับสวิฟท์เดิม พบว่า ระยะเบรกนอกเมือง 0-100 กม./ชม. มีระยะหยุดที่สั้นกว่ามาก ซึ่งอาจะเป็นเพราะได้รับการติดตั้งดิสก์เบรกหลังมาช่วย

บทสรุป ซูซูกิ สวิฟท์ 1.2 GLX-Navi CVT รุ่นท็อป โฉมใหม่ เจนเนอร์เรชั่นที่ 3 ราคา 629,000 บาท ฟันธงได้เลยว่ารถคันนี้ไม่ใช่แค่ไมเนอร์เชนจ์ แต่เป็นการพัฒนาใหม่ทั้งคัน ทั้งในเรื่องหน้าตา ภายนอก/ภายใน รวมถึงเครื่องยนต์ที่ทันสมัย ตอบสนองอัตราเร่งดีและประหยัดน้ำมันกว่าเดิม ขับคล่องตัว มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ทันสมัยและอุปกรณ์ความปลอดภัยครบ สมรรถนะและอุปกรณ์จัดเต็มแบบนี้ เทียบกับคู่แข่งเจ้าอื่น ไม่เป็นรองใครแน่นอน.

 

Leave a Reply