นิสสัน ชวนมาเรียนรู้เรื่องการขับขี่ปลอดภัย ณ ศูนย์วิจัยพัฒนายานยนต์
นิสสันชวนมาเรียนรู้เรื่องการขับขี่ปลอดภัย ณ ศูนย์วิจัยพัฒนายานยนต์ มอบความรู้ด้านการขับขี่แก่ผู้หญิง ผ่านแนวคิด นิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี พร้อมพาชมศูนย์วิจัยพัฒนายานยนต์ เพื่อเพิ่มความเข้าใจในเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนนและการขับขี่ที่สอดคล้องกับผู้หญิง
“นิสสันตระหนักถึงความสำคัญและพลังของผู้หญิง อีกทั้งยังเป็นการร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลวันแม่ที่กำลังจะมาถึงในปีนี้อีกด้วย” นาย ปีเตอร์ แกลลี รองประธานสายงานสื่อสารองค์กร นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว “ผู้ขับขี่นิสสันจะรู้สึกได้ถึงการขับขี่ที่ปลอดภัย และมั่นใจมากยิ่งขึ้น ด้วยกิจกรรมให้ความรู้เสริมความเข้าใจในเรื่องการขับขี่ปลอดภัย ผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัยของเรา”
บริษัท เอิร์นสท์ แอนด์ ยัง หรือ อีวาย หนึ่งในบริษัทตรวจสอบบัญชีชั้นนำ คาดการณ์ว่าภายในปี พ.ศ. 2561 รายได้ของผู้หญิงทั่วโลกทมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นมากถึง 18 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 576 ล้านล้านบาทไทย ดังนั้นผู้หญิงจึงมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ ทั้งทางด้านการตัดสินใจ หรือการเป็นผู้ชี้นำมากถึงร้อยละ 70 ถึง 80 ผู้ชี้นำในที่นี้หมายรวมถึงการที่ผู้หญิงไม่ได้เป็นผู้จับจ่ายเพื่อตนเอง แต่บ่อยครั้งที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจหรือปฎิเสธไม่ซื้อสินค้าของผู้อื่น
“ลูกค้าผู้หญิงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เราต้องตอบสนองทั้งการเป็นเจ้าของและความต้องการในการขับขี่พวกเธอได้ โดยกิจกรรมครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีของนิสสันที่จะเน้นย้ำถึงความโดดเด่นต่างๆของฟีเจอร์นิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี (Nissan Intelligent Mobility) อย่างเช่น กล้องอัจฉริยะมองรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor หรือ AVM) ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นภาพแบบเรียลไทม์รอบตัวรถ 360 องศา อีกทั้งฟีเจอร์ที่เพิ่มความปลอดภัยอื่นๆ ที่ยังไม่เป็นที่คุ้นเคยนัก” แกลลี กล่าวเสริม
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ เช่นระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent Trace Control) จะมอบสมรรถนะในการควบคุมที่มากกว่า ทำให้รถยนต์ตอบสนองได้เร็วขึ้น ทั้งยังทำให้การขับขี่ดีขึ้นอีกด้วย โดยนิสสันได้พัฒนาระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้งอัจฉริยะนี้ เพื่อทำหน้าที่เสมือนกับผู้ช่วยในการขับขี่ขณะเข้าโค้งที่อันตรายหรือฉับพลับ จึงทำให้มั่นใจได้ตลอดการขับขี่
ระบบช่วยปรับความนุ่มนวลในห้องโดยสารอัจฉริยะ (Intelligent Ride Control) จะช่วยทำให้การขับขี่บนเส้นทางที่ขรุขระนั้นราบรื่นและนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น ในขณะที่รถยนต์อยู่บนท้องถนน ผู้โดยสารอาจจะรู้สึกถึงการกระทบกระเทือนขณะการเคลื่อนที่ของตัวรถยนต์ ดังนั้นระบบช่วยปรับความนุ่มนวลในห้องโดยสารอัจฉริยะนั้นจะเข้ามาช่วยในการควบคุมเครื่องยนต์ เบรก ซึ่งจะมอบประสบการณ์ในการขับขี่อย่างนุ่มนวลขึ้น
“ที่นิสสันลูกค้าคือหัวใจหลักในการดำเนินธุรกิจ บริษัทได้ลงทุนในการวิจัยและค้นคว้าสำหรับภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย” นาย ซาโตรุ มิโซกุจิ รองประธานอาวุโส สายงานวิจัยและพัฒนา นิสสัน มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิค กล่าวว่า “เมื่อปี พ.ศ. 2558 เราได้ทำการลงทุนมากกว่าหนึ่งพันล้าน ในการสร้างห้องทดสอบยานยนต์ในศูนย์วิจัยและค้นคว้าแห่งนี้ เพื่อเครื่องตอกย้ำว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญของนิสสันในภูมิภาคนี้ ด้วยบุคคลากรมากกว่า 250 คนที่ประจำการอยู่ ณ ศูนย์ฯ ดังกล่าว วิศวกรชาวไทยที่ได้ผ่านการฝึกอบรมเพื่อการปฎิบัติงานแบบมืออาชีพขั้นสูงจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อมาควบคุมห้องทดสอบสัญญาณรบกวนทางคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Anechoic chamber) ห้องทดสอบคุณภาพเสียง (Acoustic chamber) และห้องทดสอบประสิทธิภาพความทนทานของชิ้นส่วนรถยนต์และสมรรถนะของระบบส่งกำลังในห้องควบคุมอุณหภูมิและสภาพแวดล้อม (Vibration simulator with Environment Chamber) ให้ได้คุณภาพเสมอ ”
ศูนย์ฯ ดังกล่าวตั้งอยู่ที่สมุทรปราการใกล้กรุงเทพฯ โดยเป็นศูนย์วิจัยและค้นคว้าหลักของภูมิภาค ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในตลาดของภูมิภาคนี้ได้อย่างดีเยี่ยม “หน้าที่ของศูนย์นี้มีตั้งแต่การประกันคุณภาพผลิตภัณฑ์ใหม่จนไปถึงขั้นตอนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นขั้นตอนเบื้องต้นของการทดสอบและการประเมินผลของการทดลอง โดยศูนย์นี้ยังมิได้เป็นเพียงศูนย์วิจัยและพัฒนาให้แก่ตลาดของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้น แต่ยังทดสอบผลิตภัณท์ให้มากกว่า 90 ประเทศทั่วโลกอีกด้วย” ซาโตรุ เสริม
“ศูนย์วิจัยและค้นคว้าในประเทศไทย เป็นหนึ่งในสามศูนย์ที่ตั้งอยู่นอกประเทศญี่ปุ่น ที่มีสนามในการทดสอบขับที่มีเอกลักษณ์ด้วยรูปแบบถนนที่แตกต่างกันทั้ง 5 แบบ เสมือนถนนจริงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ว่าจะเป็น ถนนขรุขระ ถนนเพื่อความเร็วสูง ถนนลูกคลื่น ถนนโค้ง และสะพาน ซาโตรุ กล่าวปิดท้ายว่า “ความพิเศษของศูนย์แห่งนี้คือ การที่ได้รวบรวมการทดสอบที่โดดเด่นไว้ด้วยกัน อาทิ การทดสอบประสิทธิภาพความทนทานของชิ้นส่วนรถยนต์ การทดสอบคุณภาพเสียง การทดสอบระบบโซล่าซิสเต็มส์ ซึ่งการทดสอบทั้งสามองค์ประกอบดังกล่าว สามารถเกิดขึ้นได้ในขณะเดียวกันจึงทำให้ศูนย์นี้มีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก”