ปอร์เช่ คาเยนน์ เอสยูวีเจเนอเรชั่นที่ 3

ปอร์เช่  เปิดตัว คาเยนน์ (Cayenne) เจเนอเรชั่นที่ 3 SUV สายพันธุ์แกร่ง อีกหนึ่งความสำเร็จอันยอดเยี่ยมของบริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตจากสตุ๊ทการ์ท ตัวตนที่ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่อย่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ก่อกำเนิดบนการผสมผสานอันลงตัว ระหว่างสมรรถนะการขับขี่สุดร้อนแรงสไตล์ปอร์เช่ รวมเป็นหนึ่งเดียวกับอัจฉริยภาพในการสนองตอบต่อความสะดวกสบายเหนือระดับของการใช้งานเพื่อทุกวันของชีวิต

คาเยนน์ ใหม่  พัฒนาจากเทคโนโลยีและอัตลักษณ์ของรถสปอร์ตระดับตำนาน ปอร์เช่ 911: ยนตกรรม SUV พันธุ์แรง เจเนอเรชั่นที่ 3 เพียบพร้อม ด้วยคุณลักษณะชั้นเลิศ ไม่แค่เพียงความสง่างาม แต่รวมถึง ประสิทธิภาพการขับขี่ที่ล้ำหน้าไปอีกขั้น

รูปลักษณ์ภายนอกของ คาเยนน์ ใหม่  ได้รับอิทธิพลจาก DNA ปอร์เช่ ในทุกกระเบียดนิ้ว ขยายขนาดช่องดักอากาศด้านหน้า เสริมความดุดันน่าเกรงขาม บ่งบอกถึงสมรรถนะที่ไม่ธรรมดา ไฟส่องสว่างมุมกันชนที่วางตัวตามแนวขนานให้ความรู้สึกถึงรูปทรงตัวถังที่กว้างและแข็งแกร่งราวกับมัดกล้ามของนักกีฬา แม้ในขณะจอดนิ่งอยู่กับที่ก็ตาม ความยาวตัวรถเพิ่มขึ้น 63 มิลลิเมตร โดยยังคงระยะฐานล้อเดิม (2,895 มิลลิเมตร) แนวหลังคารถวางตัวต่ำลง 9 มิลลิเมตร เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า เส้นสายของโครงสร้างภายนอกไหลลื่น ต่อเนื่อง ด้วยมิติตัวถังความยาว 4,918 มิลลิเมตร และ ความกว้าง 1,983 มิลลิเมตร (ไม่รวมกระจกมองข้าง)  ปริมาตรความจุของพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถขนาด 770 ลิตร เพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมถึง 100 ลิตร ขยายขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางวงล้ออัลลอยด์เพิ่มขึ้นอีก 1 นิ้ว พร้อมติดตั้งล้อและยางคู่หลังขนาดใหญ่กว่าคู่หน้าเป็นครั้งแรก สร้างสมรรถนะการบังคับควบคุมให้ยอดเยี่ยม ตราสัญลักษณ์ตัวอักษรปอร์เช่ 3 มิติขนาดใหญ่บริเวณไฟท้าย ซึ่งเชื่อมต่อจรดกันทั้งสองฝั่งด้วยแผงทับทิมสามมิติ LEDs เรียวยาว ตลอดแนวตัวถังด้านหลัง

ระบบไฟส่องสว่าง three-stage lighting concept  พัฒนาขึ้นใหม่ล่าสุด  ติดตั้งไฟหน้า  LED เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ติดตั้งระบบ Porsche Dynamic Light System (PDLS) เป็นอุปกรณ์พิเศษ เสริมประสิทธิภาพการทำงานที่หลากหลาย อาทิ cornering light และ motorway light  เทคโนโลยีส่องสว่างด้วยโคมไฟคู่หน้าแบบ LED พร้อมระบบ PDLS Plus กระจ่างชัดทุกสถานการณ์จากการกระจายทิศทางและความหนาแน่นของแสงโดยการทำงานของชุด light-emitting diodes จำนวนถึง 84 ตำแหน่ง อย่างอิสระ ผลลัพธ์ที่ได้คือความล้ำหน้าซึ่งมีเพียง คาเยนน์ ใหม่เท่านั้นที่ตอบสนองให้ ผู้ขับขี่ได้ ไม่ว่าจะเป็น การทำงานของไฟสูงที่ไม่ส่งผลกระทบกับรถที่วิ่งสวนทาง

สำหรับตัวถังใหม่ล่าสุดของ คาเยนน์ ประกอบขึ้นจากการผสานระหว่างโลหะผสมและเหล็กกล้าคุณภาพสูง ชิ้นส่วนภายนอกผลิตจากวัสดุอลูมิเนียม พื้นตัวถัง โครงสร้างด้านหน้า และส่วนต่างๆ ของตัวถังเกือบทั้งหมด ล้วนแล้วแต่ผลิตขึ้นด้วยโลหะผสมทั้งสิ้น หนึ่งในเทคโนโลยีที่เป็นจุดเด่นสำคัญ คือนวัตกรรมแบตเตอรี่ lithiumion polymer เฉพาะอุปกรณ์ดังกล่าวเพียงอย่างเดียว สามารถลดน้ำหนักลงได้ถึง 10 กิโลกรัม เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดยรวมแล้วน้ำหนักตัวรถเปล่าของ คาเยนน์ ลดลงจาก 2,040 เหลือเพียง 1,985 กิโลกรัมเท่านั้น ถึงแม้ในรถยนต์รุ่นใหม่จะได้รับการติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มเติมอีกมากมาย อาทิ ไฟหน้า LED ล้ออัลลอยด์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น หรือ ระบบช่วยจอด ParkAssist (ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง)

จอควบคุมระบบสัมผัสและแสดงผลความละเอียดสูงขนาด 12.3 นิ้ว full-HD เชื่อมต่อกับระบบติดต่อสื่อสารล้ำยุครุ่นล่าสุด Porsche Communication Management (PCM) ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้วใน พานาเมร่า (Panamera) ใหม่ เสริมศักยภาพการใช้งานที่เปี่ยมอรรถประโยชน์ยิ่งขึ้น สามารถสั่งงานด้วยเสียงหรือ voice control ร่วมกับการควบคุมผ่านปุ่มต่างๆ บนแผงคอนโซลกลางในส่วนของฟังก์ชั่นหลักในตัวรถ ทางด้านของปุ่มควบคุมอื่นๆ ได้รับการจัดวางในลักษณะเดียวกับ smartphone แผงควบคุมระบบสัมผัสพร้อมมุมมองที่สวยงามชัดเจนสไตล์ glass-look touch surface พร้อมคุณภาพในการตอบสนองและเสียงตอบรับจากการทำงานที่เป็นลักษณะเฉพาะตัวของปอร์เช่เท่านั้น ผู้ขับขี่สามารถสังเกตเห็นรอบการทำงานของเครื่องยนต์ได้อย่างชัดเจนและแม่นยำจากเกจ์วัดรอบบนแผงหน้าปัทม์แบบเข็มสุดคลาสสิก ประกบทั้ง 2 ฝั่งด้วยหน้าจอแสดงผลความละเอียดสูง full-HD ขนาด 7 นิ้ว รับหน้าที่ในการสื่อสารข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่ทั้งหมด รวมทั้งข้อมูลอื่นๆ ที่ผู้ขับขี่ต้องการทราบผ่านสวิทช์ควบคุมบนพวงมาลัย multi-function

เครื่องยนต์ เทอร์โบ 6 สูบ ขนาดความจุ 3.0 ลิตร 340 แรงม้า (250 กิโลวัตต์) ให้กำลังมากกว่าเครื่องยนต์ในรุ่นเดิมถึง 40 แรงม้า (29 กิโลวัตต์) ตามด้วยเครื่องยนต์ V6 ไบเทอร์โบ ขนาดความจุ 2.9 ลิตร ใน คาเยนน์ เอส ซึ่งสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 265 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากพละกำลังสูงสุดกว่า 440 แรงม้า (324 กิโลวัตต์) เพิ่มขึ้นถึง 20 แรงม้า (15 กิโลวัตต์) เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า เติมเต็มความพิเศษมากยิ่งขึ้นด้วยอุปกรณ์พิเศษชุดแต่งเพิ่มสมรรถนะ สปอร์ต โครโน ปอร์เช่ คาเยนน์ เอส ใหม่ ให้อัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งไปยังความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาไม่ถึง 5 วินาทีเท่านั้น

เกียร์ Tiptronic S และ ระบบ PTM เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Tiptronic S ใหม่ล่าสุด ให้การตอบสนองที่รวดเร็ว แม่นยำ ด้วยอัตราทดที่ดียิ่งขึ้นในตำแหน่งเกียร์ต่ำ ถ่ายทอดพละกำลังเต็มประสิทธิภาพไม่ว่าบนถนนเรียบความเร็วสูงหรือเส้นทาง off-road หรืออาจเรียกได้ว่านี่คือจุดบรรจบของอรรถประโยชน์และความสนุกสนานในการบังคับควบคุม ด้วยการทำงานอันต่อเนื่อง เรียบเนียน ของชุดเกียร์ 8 จังหวะ สิ่งที่ผู้ขับขี่ได้รับคือความนุ่มนวลผ่อนคลายขณะโดยสาร พร้อมอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงที่ประหยัดอย่างเหลือเชื่อ

สวิทช์เลือก MODE ขับขี่ได้ตามต้องการทั้งแบบ Normal, Sport และ Sport Plus เพียงปลายนิ้วสัมผัสบนปุ่ม Sport Response บริเวณกึ่งกลางสวิทช์ เครื่องยนต์และระบบส่งกำลังจะได้รับการกระตุ้นให้ทำงานจนถึงขีดสุดของสมรรถนะ นอกจากนี้ชุดแต่ง สปอร์ต โครโน ยังได้รวมเอาระบบ PSM Sport ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่ ปอร์เช่ คาเยนน์ (Cayenne) ใหม่ เข้าถึงทุกความรื่นรมย์จากยอดยนตกรรม SUV ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

มีโปรแกรมการขับขี่แบบ Onroad ในส่วนของ 4 โปรแกรมที่เหลือ ถูกกำหนดเพื่อรองรับกับสภาวการณ์หลากหลายสไตล์ off-road ที่ต้องเผชิญ ประกอบด้วยโปรแกรม Mud, Gravel, Sand หรือ Rocks ระบบขับเคลื่อน ตัวถัง และระบบส่งกำลัง จะได้รับการปรับใช้งานตามสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ในส่วนของการกระจายกำลังขับเคลื่อนนั้น รับหน้าที่โดย ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ active all-wheel drive ซึ่งติดตั้งเป็นระบบมาตรฐานใน คาเยนน์ ทุกรุ่น เสริมด้วยระบบ Porsche Traction Management (PTM) รับบทบาทในการจัดสรรค์กำลังขับจากเครื่องยนต์ให้แบ่งไปยังเพลาคู่หน้าและคู่หลังอย่างเหมาะสมที่สุด

ติดตั้ง ระบบช่วยเลี้ยว ล้อหลัง หรือ rear-axle steering ซึ่งได้รับการติดตั้งเป็นครั้งแรก การควบคุมจึงไม่แตกต่างจากรถสปอร์ต ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ active all-wheel drive เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ระบบ Porsche 4D Chassis Control ระบบช่วงล่างถุงลม three-chamber air suspension และ ระบบ Porsche Dynamic Chassis Control (PDCC) ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ถึงแม้ปอร์เช่ คาเยนน์ (Cayenne) จะเปี่ยมไปด้วยอุปกรณ์มาตรฐานมากมายก็ตาม แต่กลับมีน้ำหนักตัวรถรวมที่เบากว่ารุ่นที่แล้วถึง 65 กิโลกรัม ที่สำคัญ ปอร์เช่ คาเยนน์ ยังคงรักษาสมรรถนะในการบุกตะลุยเส้นทาง off-road เอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นเดิม

มีระบบควบคุมการทรงตัว roll stabilisation เพื่อประสิทธิภาพการทรงตัวในทุกสภาวะการขับขี่ ระบบช่วยเหลือทั้งหมดจะดำเนินการประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์โดยการควบคุมของระบบ Porsche 4D Chassis Control ทั้งนี้ระบบดังกล่าวมีขั้นตอนการปฏิบัติงานแบบ real time เพื่อเสถียรภาพในการบังคับควบคุมสูงสุดตลอดเวลา นอกเหนือจากระบบช่วงล่างอัตโนมัติ active PASM damper system (ติดตั้งเป็นระบบมาตรฐานในรุ่น คาเยนน์ เอส อุปกรณ์ทุกชิ้น ล้วนแล้วแต่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ นอกจากนี้ยังนับเป็นครั้งแรกสำหรับ คาเยนน์ ในการติดตั้งระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง rear-axle steering นวัตกรรมที่ผ่านการทดลองและทดสอบในความเหนือชั้นมาแล้วจากการทำหน้าที่อย่างยอดเยี่ยมใน 911 และ พานาเมร่า เพิ่มความแม่นยำรวมทั้งให้เสถียรภาพการทรงตัวในขณะเข้าโค้งและเปลี่ยนช่องจราจรด้วยความเร็วสูง ลดระยะวงเลี้ยวให้แคบลง ช่วยให้การขับขี่ยนตกรรม SUV สมรรถนะสูงคันนี้ เป็นไปอย่างคล่องตัวและง่ายดายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ระบบช่วงล่างถุงลมอัตโนมัติ adaptive air suspension เทคโนโลยี three-chamber อุปกรณ์พิเศษติดตั้งเพิ่มเติม มอบความนุ่มนวลผ่อนคลายในขณะโดยสารเดินทาง พร้อมประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนที่หนึบแน่น มั่นคง ซึ่งเป็นคุณลักษณะสำคัญของยานยนต์ในรูปแบบทัวริ่ง สำหรับในรุ่นก่อนหน้า ระบบดังกล่าวทำหน้าที่เพียงปรับระดับความสูงของระยะใต้ท้องรถเมื่อขับขี่บนเส้นทางขรุขระเท่านั้น แต่เมื่อทำงานร่วมกับอุปกรณ์พิเศษ Porsche Dynamic Chassis Control (PDCC) roll stabilisation ผู้ขับขี่จะสามารถสัมผัสได้ถึงความแตกต่างระหว่างระบบไฮดรอลิกและระบบอิเล็กทรอนิกส์ ขั้นตอนการสลับสับเปลี่ยนเกิดขึ้นผ่านระบบควบคุมด้วยไฟฟ้าแรงดันสูง 48 โวลท์ ให้อัตราการตอบสนองที่รวดเร็ว ฉับไว รองรับรูปแบบการขับขี่ที่เน้นความดุดัน เที่ยงตรง สไตล์สปอร์ต แต่ยังคงเปี่ยมด้วยความนุ่มนวลสะดวกสบายสูงสุด

จานเบรกเคลือบ tungsten-carbide จากปอร์เช่ เทคโนโลยีล่าสุด Porsche Surface Coated Brake (PSCB) คาเยนน์ ทุกรุ่นยังสามารถเลือกติดตั้งชุดจานเบรกเหล็กหล่อเคลือบผิวด้วย tungsten-carbide เพิ่มเติมจากมาตรฐาน กรรมวิธีพิเศษดังกล่าว ช่วยเพิ่มแรงเสียดทาน พร้อมลดอัตราการสึกหรอและฝุ่นผงที่เกิดจากการเบรกลงได้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นการเสริมภาพลักษณ์สปอร์ตรวมถึงมุมมองที่แตกต่างให้แก่ยนตกรรมปอร์เช่ได้เป็นอย่างดี โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยคาลิเปอร์เบรกสีขาว พื้นผิวของจานเบรกที่ได้รับการเคลือบผิวและผ่านการใช้งานในระยะเริ่มต้น จะเริ่มปรากฎให้เห็นถึงความแวววาวสวยงาม ทั้งนี้ระบบเบรก PSCB สามารถติดตั้งได้กับวงล้ออัลลอยด์ขนาด 20 หรือ 21 นิ้ว ในส่วนของระบบเบรกเซรามิก PCCB นั้น ยังคงเป็นระบบเบรกที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเช่นเดิม

 

พื้นฐานจากโครงสร้างตัวถังน้ำหนักเบา ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบ separat-ed link และระบบช่วงล่างด้านหลังแบบ multi-link เข้าถึงเอกลักษณ์ของยนตกรรมสายพันธุ์สปอร์ตอย่างเต็มรูปแบบด้วยการติดตั้งยางต่างขนาด ซึ่งมีวงล้ออัลลอยด์เริ่มต้นที่ 19 นิ้ว ผลที่ได้คือเสถียรภาพการทรงตัวและยึดเกาะแนบแน่น มั่นใจทุกการ เข้าโค้ง ปอร์เช่ เพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้ขับขี่ด้วยล้ออัลลอยด์ขนาด 21 นิ้ว เป็นอุปกรณ์พิเศษ