ปอร์เช่ ปลื้มธุรกิจโตต่อเนื่อง

S15_0833_fine

ปอร์เช่ AG เริ่มต้นปีด้วยความแข็งแกร่ง สามเดือนแรก ปี 2017 เพิ่มตัวเลขทั้ง ผลการดำเนินงาน รายรับ ยอดส่งมอบรถยนต์ใหม่ และจำนวนบุคลากรที่ปฏิบัติงานอยู่ในองค์กรได้มากขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

ผลกำไรที่ได้รับยังเติบโตจาก 16.7 เพิ่มขึ้นเป็น 17.6 เปอร์เซ็นต์ ผลตอบแทนจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 8 เปอร์เซ็นต์ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2017 ที่ตัวเลข 967 ล้านยูโร ในขณะที่รายรับรวมสูงขึ้นแตะหลัก 5.5 พันล้านยูโร (เพิ่มขึ้น 2 เปอร์เซ็นต์) ตลอดระยะเวลาดังกล่าว จำนวนยอดส่งมอบรถยนต์ใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 7 เปอร์เซ็นต์ หรือคิดเป็นตัวเลขที่ 59,689 คัน และจำนวนบุคลากรที่ปฏิบัติงาน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 28,249 คน เพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนถึง 13 เปอร์เซ็นต์


ปอร์เช่ พานาเมร่า (Panamera) รุ่นใหม่ล่าสุด ได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมจากกลุ่มลูกค้าของเรา ไม่ว่าจะเป็นในรุ่น plug-in hybrid และ รุ่น Sport Turismo สำหรับพานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด (Panamera Turbo S E-Hybrid) ได้ผ่านการพิสูจน์ถึงความเป็นสุดยอด ยนตกรรมสปอร์ตพลังไฟฟ้าที่เพียบพร้อมไปด้วยสมรรถนะ เจริญรอยตามหลักปรัชญาในการพัฒนารถยนต์ทุกคันจากปอร์เช่อย่างสมบูรณ์แบบ


นอกเหนือไปจากการพัฒนายานพาหนะระบบดิจิตอล ปอร์เช่ยังคงมุ่งเน้นในด้านผลิตภัณฑ์ หน่วยงานธุรกิจและกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับโลกดิจิตอลในรูปแบบอื่น “หนึ่งในกุญแจสำคัญของเราคือ การเกาะติดกระแสโลกาภิวัตน์” Lutz Meschke ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “เรามีความต้องการที่จะวิเคราะห์และเข้าถึงกระแสความนิยมใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นบนโลก ด้วยการเพิ่มศักยภาพในการเชื่อมต่อไปยังนวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มีพลังในการขับเคลื่อนทิศทางของโลกในอนาคต เรามีหน้าที่รับผิดชอบในการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาที่ถ่ายทอดคุณค่าที่ยั่งยืนให้แก่ผู้คนในสังคม นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เรากำลังวางแผนโครงการ เพิ่มเติมอีกมายมายทั้งที่ ซิลิคอน วัลเล่ย์ และ ในภูมิภาคเอเชีย”


ปี2017 นี้ Blume และ Meschke คาดการณ์ถึงอัตราการเติบโตที่ต่อเนื่องทั้งในด้านของยอดการส่งมอบรถยนต์ใหม่และรายรับขององค์กร ด้วยอัตราการแลกเปลี่ยนค่าเงินที่มีเสถียรภาพ ปอร์เช่ยังคงพุ่งเป้าไปที่ผลสำเร็จจากการดำเนินงานในระดับสูงเช่นเดียวกับปีงบประมาณที่ผ่านมา เดินหน้าต่อไปตามทิศทางของแผนกลยุทธ์เพื่อสร้างผลกำไรจากการปฏิบัติงานอย่างน้อย 15 เปอร์เซ็นต์ ทั้งหมดนี้คือปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันให้ปอร์เช่ยังคงรักษาสถานภาพในการดำรงตำแหน่งบริษัทผู้ผลิตยานยนต์ที่สร้างผลกำไรได้เป็นอันดับหนึ่งของโลกต่อไป