“ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่” ชวนตะลุยทุ่งหญ้าสะวันนาเมืองไทยที่ทุ่งแสลงหลวง
เดือนธันวาคม อากาศหนาวเริ่มมาเยือน หลายคนเริ่มมองหาจุดหมายปลายทางสำหรับวันหยุดช่วงปลายปีเพื่อสูดลมเย็นให้เต็มปอด นอกจากหลายจังหวัดในภาคเหนือที่เป็นที่นิยมในการกางเต็นท์ชมหมอกยามเช้า ยังมีอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวรับลมหนาวที่ไม่พลุกพล่าน เงียบสงบ และยังมาพร้อมความหลากหลายของธรรมชาติที่สวยงามแปลกตาอย่าง “อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง” ซึ่งรับรองว่า ถ้ามาที่นี่ จะได้สัมผัสอากาศหนาวเย็นและดื่มด่ำบรรยากาศทุ่งหญ้าที่ไม่เหมือนที่ใดในประเทศไทย
อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ มีพื้นที่ใหญ่ครอบคลุมอำเภอวังทอง นครไทย เนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก และอำเภอเขาค้อ วังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่มาของชื่อ “แสลงหลวง” มาจากชื่อต้นแสลงใจ ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธุ์ไม้เด่นที่พบได้ในอุทยานแห่งนี้ ด้วยเหตุที่ทุ่งแสลงหลวงมีสภาพภูมิประเทศหลากหลาย เป็นทั้งป่า ทุ่งหญ้า และเนินสูงต่ำ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์ป่านานาพันธุ์ ทำให้ทุ่งแสลงหลวง ถูกขนานนามว่าเป็น “ทุ่งหญ้าสะวันนาเมืองไทย”
ไฮไลท์ของทุ่งแสลงหลวง แน่นอนว่าจะต้องเป็น “ทุ่งนางพญา” ซึ่งมีสภาพภูมิประเทศเป็นทุ่งหญ้าแบบสะวันนาที่ล้อมด้วยป่าสนและป่าดิบ นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสบรรยากาศได้ทั้งทุ่งหญ้าแบบแอฟริกา และป่าสนที่มีลักษณะเป็นลานโล่งกว้างกับต้นสนสูงหลายสิบเมตร ตามกิ่งสนจะพบไม้ป่าที่หาชมได้ยาก เวลาที่เหมาะสมที่จะไปที่สุดคือหน้าหนาว เพราะช่วงปลายปีถึงต้นปี จะมีอากาศหนาวเย็นมาก บวกกับเส้นทางไม่เป็นบ่อโคลนและหลุมลึก เหมาะแก่การไปท่องเที่ยว
ถึงแม้การเดินทางไปทุ่งแสลงหลวงและทุ่งนางพญาในหน้าหนาว จะไม่ต้องเจอกับพื้นดินเฉอะแฉะ หรือบ่อโคลน แต่การเดินทางไปสัมผัสธรรมชาติอันงดงามในบริเวณนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ผู้เดินทางจะต้องเตรียมตัวขึ้นเขาจากอำเภอเขาค้อ ซึ่งมีลักษณะเป็นทางโค้งขึ้นเขาสลับกับเนินสูงชัน นอกจากนั้น เมื่อถึงที่ทำการอุทยานแล้ว ก็จะต้องขับรถบุกป่าฝ่าดงไปอีก 15 กิโลเมตร กว่าจะถึงทุ่งนางพญา ซึ่งเป็นเส้นทางที่แคบเป็นป่ารก อีกทั้งยังเป็นพื้นดินลูกรังไปตลอดทาง ทางอุทยานไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวค้างคืนด้านใน จะต้องแลกบัตรประชาชนที่ที่ทำการอุทยานเพราะฉะนั้นนักท่องเที่ยวจึงจำเป็นต้องใช้รถที่สามารถขับเข้า-ออกอุทยานได้อย่างคล่องตัว
รถที่เหมาะกับโรดทริปเชิงผจญภัย พร้อมลุยทุ่งแสลงหลวงได้เต็มที่ ควรเป็นรถออฟโรดอย่าง “ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่” รถเอสยูวี ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด มอบพละกำลังสูงถึง 213 แรงม้าและแรงบิด 500 นิวตันเมตร รวมถึงระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะ (Terrain Management System i4WD) ที่ช่วยให้การขับขี่บนเส้นทางสูงชันบนเขาและแบบออฟโรดบนเส้นทางหฤโหดหลายรูปแบบในอุทยานทุ่งแสลงหลวง ไม่ว่าจะเป็นพื้นทราย พื้นหินขรุขระ หรือพื้นโคลน เป็นเรื่องง่ายดาย เพียงหมุนปุ่มเลือกโหมดการขับขี่ตามสภาพถนน
ทุ่งนางพญาเป็นลานป่าสนโล่งและกว้าง ต้นสนที่สูงขึ้นเรียงรายกันอย่างหนาแน่น มาถึง “ทุ่งหญ้าสะวันนาเมืองไทย” ทั้งที แค่นั่งรถชมวิว เก็บภาพธรรมชาติ ก็อาจยังไม่จุใจ ทางอุทยานอนุญาตให้นักท่องเที่ยวกางเต็นท์ปิกนิกระหว่างวันในพื้นที่อุทยานได้ ดังนั้น อย่าลืมขนเต็นท์ เสื่อ กระติกแช่เครื่องดื่ม อาหาร และขนมขบเคี้ยวติดรถไปด้วย จะได้จิบชาอุ่นๆ ตั้งวงกินอาหารท้องถิ่น พร้อมชมทัศนียภาพ รับอากาศเย็นสบายกำลังดีได้อย่างเพลิดเพลิน หรือจะเปิดรับอากาศบริสุทธิ์และรับชมทัศนียภาพแปลกใหม่ผ่าน Panoramic Moon roof แบบปรับไฟฟ้า เป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ในการเดินทาง
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ ยังมากับห้องโดยสารที่ใหญ่ หรูหรา พร้อมที่เก็บของแบบพับเบาะได้ และระบบประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า เพียงแกว่งขาไปที่เซนเซอร์ท้ายรถ ประตูท้ายรถก็จะเปิดขึ้นหรือปิดลงแบบอัตโนมัติ ช่วยให้ขนของได้อย่างเต็มที่และสะดวกสบาย ใครที่อยากให้บรรยากาศการท่องเที่ยวสุนทรีย์มากขึ้น ก็อาจใช้ระบบซิงค์ 3 (SYNC 3) ระบบสั่งงานด้วยเสียงที่ใช้ได้ทั้งภาษาไทยและภาษอังกฤษ ซึ่งรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto เปิดเพลงโปรดคลอระหว่างปิกนิก หรือระหว่างการเดินทางก็สนุกไปอีกแบบ
ยิ่งกว่านั้น ความปลอดภัยเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการเดินทางแบบโรดทริป ซึ่ง ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ ก็มาพร้อมเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอื่นๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบตรวจจับลมยาง ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน ทำให้ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธด้วยระบบซิงค์ 3 และต่อสายไปที่เบอร์ 1669 เมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือต้องการความช่วยเหลือฉุกเฉิน
ใครอยากสัมผัสประสบการณ์ใหม่กับโรดทริปหน้าหนาวแบบสนุกสนานสมบุกสมบันในทุ่งสะวันนาเมืองไทย เรียกได้ว่า “ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่” เป็นเพื่อนเดินทางที่สมบูรณ์แบบที่พร้อมให้ผจญภัยได้เต็มที่แบบสะดวกสบาย ปลอดภัย และไร้กังวล