ลองแล้ว!! ฮอนด้า แอคคอร์ด 1.5 เทอร์โบ อีแอล ใหม่

รีวิวทดลองขับ :

ฮอนด้า แอคคอร์ด เป็นรถยนต์ ขนาด D-SEGMENT ที่ได้ทำการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงปัจจุบัน เจเนอเรชั่นที่ 9 แล้ว และฮอนด้า ยังได้พัฒนา แอคคอร์ด ใหม่ ในเจเนอเรชั่นที่ 10 สู่ตลาด

ฮอนด้า แอคคอร์ด เจเนอเรชันที่ 10 ใหม่ ได้รับการพัฒนาผ่านแนวคิด Absolute Confidence เพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า ทั้งด้านการขับขี่และการเป็นเจ้าของ มุ่งเน้นพัฒนา ใน 3 ด้านหลักๆ ได้แก่

• 1) Dynamics – ความปราดเปรียว โฉบเฉี่ยว ทั้งในด้านดีไซน์ และสมรรถนะการขับขี่
• 2) Captivating – ความมีเสน่ห์และน่าดึงดูดของรถยนต์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีอันล้ำสมัย
• 3) Upscale – ยกระดับคุณภาพการพัฒนายนตรกรรมให้สง่างาม และเหนือระดับเกินคลาส

การออกแบบภายนอก

ฮอนด้า แอคคอร์ด 1.5 เทอร์โบ อีแอล ใหม่ ยังคงความหรูหรและสปอร์ตไว้อย่างลงตัว ดูเรียบหรูประณีตทุกรายละเอียดเส้นสายเฉียบคม ดูสปอร์ตพรีเมียม ตามสไตล์แนวคิดการออกแบบของรถยุคใหม่ ที่ออกแบบเสาซี ที่ลาดเทมากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มพื้นที่ภายในโดยเฉพาะที่นั่งผู้โดยสารด้านหลังให้กว้างขวาง มากยิ่งขึ้น กระจังหน้าโครเมียมที่เชื่อมต่อกับไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน (Daytime Running Lights) แบบ LED กันชนหน้า ไม่มีไฟตัดหมอก LED มาให้เหมือนกับในรุ่น HYBRID TECH ไฟท้ายดีไซน์ใหม่แบบ LED ที่สะท้อนเอกลักษณ์ของ ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ ไว้ได้อย่างชัดเจน ฝากระโปรงท้ายไม่มีสปอยเลอร์หลัง มาให้ เหมือนกับรุ่น HYBRID TECH รวมทั้งกระจกซันรูฟ ด้วย เสาอากาศครีบฉลาม ส่วนล้ออัลลอยลายใหม่ดูสปอร์ตมากขึ้น เป็นล้อขนาด 17 นิ้ว

ฮอนด้า แอคคอร์ด 1.5 เทอร์โบ อีแอล ใหม่ มีขนาดตัวถังยาว 4,894 มิลลิเมตร กว้าง 1,862 มิลลิเมตร สูง 1,450 มิลลิเมตร มีระยะฐานล้อ 2,830 มิลลิเมตร น้ำหนักตัวรถ อยู่ที่ 1,464 กิโลกรัม เบากว่ารุ่นไฮบริด ประมาณ 88-104 กิโลกรัม ด้านความจุถังน้ำมัน 56 ลิตร มากกว่ารุ่นไฮบริด 7.5 ลิตร ลองเทียบกับ แอคคอร์ด เจนเนอเรชั่นที่ 9 รุ่นที่แล้ว พบว่ารุ่นใหม่มิติตัวรถ ความยาวสั้นลง 36 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 12 มิลลิเมตร ความสูงเตี้ยลง 15 มิลลิเมตร แต่ระยะฐานล้อนั้นถูกยืดออกจนยาวขึ้น 55 มิลลิเมตร เพื่อให้ห้องโดยสารมีความโออ่า ได้เสเถียรภาพการขับขี่และการบังคุบควบคุมที่ดีมากขึ้น เทียบกับคัมรี ใหม่ ดูแล้วพบว่า มีสีดส่วนที่ไม่หนีกัน ตามสไตล์รถ D-SEGMENT ยุคใหม่ มีเพียงน้ำหนักตัวรถที่ ฮอนด้า แอคอร์ด ใหม่ น้อยกว่าค่อนข้างชัดเจน

การออกแบบภายใน

ห้องโดยสารโอ่อ่า วัสดุอุปกรณ์ภายในได้รับการออกประณีต คอนโซลกลางดูโปร่งโล่ง และส่งผลให้มีพื้นที่ช่วงขามากขึ้น กระจกบานหน้าลาดเท การร่นระยะของแนวกระจกเข้ามาอีกประมาณ 10 เซนติเมตร เพิ่มทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่ เบาะหนังและชุดตกแต่งภายในลายไม้ที่มาพร้อมเอกลักษณ์แห่งความหรูหรา ครบครันด้วยฟังก์ชันการใช้งานเพื่อสุนทรียภาพในทุกการเดินทาง ได้แก่ เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลัง 4 ทิศทาง ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ (Memory Seat) พร้อมเลื่อนอัตโนมัติเวลาขึ้น-ลงรถ ปุ่มปรับเบาะไฟฟ้าข้างพนักพิงเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังสามารถพับได้

ติดตั้งเทคโนโลยีอำนวยความสะดวก ระดับพรีเมียมทั้งฟังก์ชันใช้งานและเทคโนโลยีอำนวยความสะดวก มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง Siri  พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่ม รับ-วางสายโทรศัพท์ รองรับระบบ สั่งการด้วยเสียง Siri  ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา พร้อมช่องปรับอากาศตอนหลัง  ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start) อีกระดับของ การสั่งการแบบอัจฉริยะ ด้วยการสตาร์ทเครื่องยนต์และสั่งการเปิดเครื่องปรับอากาศได้จากระยะไกล เพื่อเตรียมพร้อมบรรยากาศที่ผ่อนคลายก่อนออกเดินทาง ระบบควบคุมประตูอัจฉริยะ (Honda Smart Key System) และระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ   ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแพเดิลิชฟท์  ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง

ขุมพลัง/สมรรถนะ

เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด1.5 ลิตร Di VTEC TURBO แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC TURBO ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 243 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-5,500 รอบต่อนาที จ่ายน้ำมันด้วยระบหัวฉีด PGM-FI ไดเรคอินเจคชัน เข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง มีเทอร์โบชาร์จเจอร์ ที่ช่วยอัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้เครื่องยนต์ได้เร็วขึ้น ชุดส่งกำลังเป็นระบบเกียร์อัตโนมัติ แบบ ซีวีที ได้รับการเคลมจากบริษัทผู้ผลิตว่าเครื่องยนต์บล็อคนี้ ให้สมรรถนะการขับขี่ที่โดดเด่นกว่าเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร และประหยัดกว่าเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตรในรุ่นเดิม โดยมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยที่ 16.4 กิโลเมตร/ลิตร สามารถรองรับน้ำมัน เบนซิน E85 ได้อีกด้วย

เครื่องยนต์บล็อคนี้ เป็นการพัฒนาต่อยอดจากเครื่องยนต์ใน Civic 1.5 TURBO แต่เครื่องยนต์ของแอคคอร์ดจะให้แรงม้ามากกว่า 17 แรงม้าและมีแรงบิดมากกว่า 23 นิวตันเมตร โดยมีการพัฒนาอุปกรณ์ต่าง ๆ ของเครื่องยนต์หลายส่วนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นความต่างของลูกสูบ ซึ่งมีการออกแบบบริเวณหัวลูกสูบ (ความนูนต่างกัน) เพื่อลดกำลังอัดจาก 10.6 ในซีวิค เทอร์โบ ให้เหลือ 10.3 : 1 รวมถึงการติดตั้งเทอร์โบชาร์จเจอร์ ขนาดใหญ่ขึ้น แบบ Single Scroll แรงดันบูสท์ ประมาณ 1.2 บาร์ โดยเทอร์โบ ของแอร์คอร์ด จะมีใบเทอร์โบฝั่งไอเสีย น้อยกว่า ส่วนในซีวิค Civic และทำงานในรอบที่สูงกว่าเล็กน้อย แต่ได้แรงม้า แรงบิดสูงขึ้น เทียบกับ โตโยต้า คัมรี 2.0จี ราคา 1,445,000 บาท ซึ่ง เป็นคู่แข่งในตลาดโดยตรง เพราะราคาต่างกันสามหมื่น (ฮอนด้า แอคคอร์ด 1.5 เทอร์โบ อีแอล 1,475,000 บาท) เหตุที่เราเทียบกับรุ่นล่างของคัมรี เพราะ แอคอคร์ดใหม่ เพิ่มเงินแค่ 3 หมื่น แต่ได้ความแรงในระดับเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร แถมยังประหยัดกว่า ชัดเจน

จากการทดลองขับ เรามุ่งหน้าออกนอกเมืองเชียงใหม่ เข้าสู่เส้นทางทดสอบนอกเมืองซึ่งมีช่วงขึ้น/ลงดอย สลับกันไป การขับขี่สร้างความประทับใจตั้งแต่ออกตัว รู้สึกได้เลยว่าเครื่องยนต์บล็อคเล็กซึ่งมีเทอร์โบ มาช่วย หรือเที่เรามักจะได้ยินว่าเป็น เทคโนโลยี Downsizing Engine คือการลดขนาดเครื่องยนต์ให้มีขนาดเล็กลงแต่ได้พละกำลังที่สูงขึ้น ไม่ทำให้ผิดหวังในเรื่องของอัตราเร่งและการตอบสนอง ทั้วงช่วงเร่งต่อเนื่องเร่งออกตัว และเร่งทางยาว รู้สึกถึงการตอบสนองที่โดดเด่นขึ้นชัดเจน เทอร์โบแทบไม่มีอาการรอรอบ มีโหมดการขับเคลื่อนให้เลือก แบบ ECON MODE ที่เซ็ทให้คันเร่งหน่วง เพื่อความนุ่มนวล รวมทั้งการทำงานของเกียร์ที่นุ่มนวลมากขึ้น อีกท้งยังปรับการทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์ เพื่อเน้นความประหยัด ส่วนในโหมด SPORT นั้น จะทำงานกลับกัน เน้นการตอบสนองอัตราเร่งที่โดดเด่นมากขึ้น มีจังหวะลากเกียร์ที่ยาวขึ้น จังหวะปรับเปลี่ยนเกียร์แต่ละเกียร์ช้าลง จึงรู้สึกถึงการตอบสนองที่เร้าใจ เร่งแซงเร่งออกตัวรวดเร็วกว่าเดิม ลงเนินชันยาว จะทดรอบและหน่วงได้ดีกว่า โหมด ECON และ NORMAL

ระบบความปลอดภัย

แอคคอร์ด เจเนอเรชั่นที่ 10 ใหม่ ยังมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับพรีเมียม ได้แก่ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ที่ช่วยลดจุดบอดในการมองเห็นของกระจกมองข้างด้านซ้าย โดยจะใช้กล้องในการจับภาพและแสดงผลผ่านหน้าจอขนาด 8 นิ้ว กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) ช่วยเพิ่มทัศนวิสัย

และเมื่อเกียร์ถูกเปลี่ยนมาอยู่ในตำแหน่งเกียร์ถอยหลัง ยังสามารถดูมุมกล้องที่แตกต่างกันได้ ทั้งแบบ 130 องศา หรือ 180 องศา และมุมมองจากด้านบน ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor) โดยระบบจะตรวจจับความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ผ่านการควบคุมพวงมาลัย และแจ้งเตือนผ่านหน้าจอ TFT หากประสิทธิภาพในการควบคุมรถของ ผู้ขับขี่ลดน้อยลงจนอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ ระบบจะส่งสัญญาณเสียงและทำการสั่นเตือนที่พวงมาลัย ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Multi-View Camera System – MVCS) โดยระบบจะทำงานผ่านกล้อง

ระบบเบรกมือไฟฟ้า ใช้นิ้วดึงสวิตช์ที่ติดตั้งอยู่บริเวณคอนโซลกลางเมื่อต้องการใช้เบรกมือ และระบบจะคลายเบรกโดยอัตโนมัติเมื่อเหยียบคันเร่ง (ระบบจะคลายเบรกในกรณีที่ผู้ขับขี่คาดเข็มขัดนิรภัยอยู่เท่านั้น) ระบบ Brake Hold อัตโนมัติ (Auto Brake Hold) เมื่อกดปุ่มเปิดให้ระบบทำงาน ระบบจะทำการหน่วงเบรกต่อโดยอัตโนมัติ หลังจากเหยียบเบรกให้รถหยุดนิ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้รถเคลื่อนตัว โดยไม่จำเป็นต้องเหยียบเบรกค้างไว้ และระบบจะคลายเบรกโดยอัตโนมัติเมื่อเหยียบคันเร่ง (ระบบจะคลายเบรกในกรณีที่ผู้ขับขี่คาดเข็มขัดนิรภัยอยู่เท่านั้น)

โครงสร้างตัวถังแบบ G-CON จะช่วยกระจายแรงที่เกิดขึ้นจากการชนไปยังส่วนที่มีพื้นที่ที่กว้างกว่า ในขณะเดียวกันนั้นยังลดโอกาสของการโค้งงอ เนื่องจากชิ้นส่วนโครงสร้างจะช่วยดูดซับแรงกระแทกของรถคันอื่น
ถุงลม 6 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมคู่หน้า (Dual SRS) ถุงลมด้านข้างคู่หน้า (Side Airbag) และม่านถุงลมด้านข้าง (Side Curtain Airbags)

ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) และระบบกระจายแรงเบรก (EBD) โดยระบบป้องกันล้อล็อกจะช่วยป้องกันไม่ให้ล้อล็อกในระหว่างที่มีการเบรกกะทันหัน เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถและหักพวงมาลัยหลบสิ่ง
กีดขวางที่อยู่ด้านหน้า ขณะที่ระบบกระจายแรงเบรกถูกควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะทำหน้าที่ในการกระจายแรงเบรกระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง ให้ความสมดุลกับน้ำหนักในการบรรทุกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรก ติดตั้งระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist – VSA) ช่วยป้องกันการลื่นไถลออกทางด้านข้าง เพิ่มการยึดเกาะถนน และให้ความมั่นใจในระหว่างการขับ การเลี้ยว หรือการหยุด และให้การทรงตัวที่ดีของรถยนต์ในทุกทิศทาง

ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA) เมื่อรถยนต์จอดอยู่บนทางลาดชัน ระบบจะทำหน้าที่ในการป้องกันไม่ให้ตัวรถเคลื่อนที่ไปทางด้านหลังในจังหวะที่มีการปล่อยเท้าออกจาก
แป้นเบรก โดยการทำงานจะอาศัยหน้าที่ในระบบการทรงตัวเข้ามาควบคุมการรักษาแรงดันของน้ำมันเบรกเอาไว้ ทำให้รถสามารถหยุดนิ่งในตำแหน่งเดิมได้ประมาณ 1 วินาที ขณะที่มีการเคลื่อนย้ายเท้าจากเบรกมาที่คันเร่ง และช่วยให้การออกตัวมีความนุ่มนวลมากขึ้น สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน  สัญญาณไฟฉุกเฉินจะทำงานเมื่อมีการเหยียบเบรกกะทันหัน เป็นการแจ้งเตือนรถที่ตามมาข้างหลัง มีระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ  และจุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX & Child Anchor)

ระบบรองรับ/การบังคับควบคุม

แอคคอร์ดใหม่ ใช้ระบบกันสะเทือนแบบอิสระ 4 ล้อ ด้านหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท เหล็กกันโคลง เปลี่ยนปีกนกรูปใหม่เป็นปีกนกรูปตัว L เพื่อให้มีความมั่นคง แข็งแรงและมีการทำงานที่ดีมากขึ้น ส่วนด้านหลังเป็นแบบมัลติลิงค์ เหล็กกันโคลง พัฒนาและเซ็ทอัพช่วงล่างใหม่ ทั้งหมด โดยเฉพาะการเลือกใช้ปีกนกรูปตัว L ใช้โครงสร้างตัวถัง ที่รับแรงต้านการบิดในแนวระนาบข้างและแนวยาวเพิ่มขึ้น ถึง 32% รวมทั้งยังมีบาลานซ์ของรถที่ดี จุดศูนย์ถ่วงต่ำกว่ารุ่นเดิม 5 มิลลิเมตร ให้ความนุ่มและตัวรถยังนิ่งขึ้นกว่าเดิมชัดเจน น่าแปลกใจว่าช่วงล่างที่เซ็ทอัพได้ดีขนาดนี้ ทางฮอนด้ายังไม่มีชื่อเรียกเฉพาะทางการตลาดเหมือนคู่แข่ง

ด้านระบบเบรก เป็นแบบดิสก์เบรก หรือจานเบรกทั้ง 4 ล้อ จานเบรก คู่หน้ามีครีบระบายความร้อน ขนาด 310 มม. คู่หลัง ขนาด 280 มม. มาพร้อมระบบป้องกันล้อล็อกเอบีเอส(Anti-Lock Braking System) ระบบปรับแรงดันน้ำมันเบรก อีบีดี (Electronic Brake Force Distributor) และระบบควบคุมเสถียรภาพ วีเอสเอ (Vehicle Stability Assist) ส่วนล้ออัลลอย ในรุ่น 1.5 TURBO EL ใช้ล้อขนาด 17 นิ้ว และยางมิชลิน ไพรมาซี 3เอสที ขนาด 225/50R17

ระบบรองรับของแอคคอร์ดใหม่ ทำได้ประทับใจ ตัวรถที่ใหญ่ ระยะฐานลอที่ยางขึ้น ประกอบกับการเซทและพัฒนาช่วงล่างใหม่ ทำให้ตัวรถนิ่งขึ้น แต่ยังให้ความนุ่มนวลสูง ที่สำคัญการปรับเซ็ทพวงมาลัยใหม่ ทำให้ฮอนด้า แอคอร์ด เจนเนอเรชั่นที่10 มีการตอบสนองความแม่นยำของพวงมาลัยที่ดีขึ้นกว่า เจนเนอเรชั่นที่ 9 ชัดเจน โดยเฉพาะจังหวะการโยกมุดเข้าออก

สรุป

ฮอนด้า แอคคอร์ด เทอร์โบ อีแอล ใหม่ ซีดานขนาดใหญ่ที่พัฒนามาได้โดดเด่นมากขึ้น แม่ช้ว่ารูปทรงจะออกไปในแนวทางของรถยุคใหม่ แบบซีดานท้ายลาด สไตล์คูเป้ แต่ก็ยังดูหรูหรา มีเอกลักษณ์ของรถยนต์ D-Segment ชัดเจน แถมรุ่นนนี้ยังเป็นรุ่นล่างสุดของตลาดแต่จัดเต็มทั้งในเรื่องของการตอบสนองของเครื่องยนต์ที่แรงขึ้นและประหยัดขึ้น เมื่อทเียบกับคู่แข่งในตลาดที่จ่ายเงินในราคาเท่า ๆ กัน แอคอคอร์ดยังได้เปรียบทั้งเครื่องยนต์ที่แรงกว่า ส่วนภายในก็หรูหราพอ ๆ กัน จะขาดไปเพียงแค่ช่องชาร์ทไฟผู้โดยสารแถวหลังเท่านั้น และรื่องอขกงารบังคับควมคุม การเก็บเสียงภายในห้องโดยสาร ก็รู้สึกได้ว่าแอคอร์ดใหม่ รุ่นนี้ไม่ธรรมดาและยังพัฒนาในเรื่องของการเชื่อมแนวหลังคาด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ดูหรูหราและไม่มีแถบปิดสีดำอีกแล้ว เมื่อทดลองขับและได้ลงลึกในรายละเอียดจะเห็นถึงความน่าใช้ของรถคันนี้ขึ้นมาชัดเจนจริง ๆ