เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ ซี71 ขึ้นดอยเลาะฝั่งโขง พิสูจน์สมรรถนะ

 

carinner ร่วมทดสอบ เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ ซี71 (Chevrolet Trailblazer Z71) อัพเกรดจาก LTZ  รุ่นท็อปเดิม ยกระดับด้วยชุดตกแต่งในสไตล์สปอร์ต  โดยพาเราเปลี่ยนบรรยากาศ ไปขับขึ้นดอย ที่จังหวัดเชียงราย ลัดเลาะแนวเขา พิสูจน์สมรรถนะเครื่องยนต์ ช่วงล่างและการบังคับควบคุม รวมถึงระบบความปลอดภัยต่าง ๆ ที่ให้มา

มิติตัวรถ ยาว 4,887 มม. กว้าง 1,902 มม. และสูง 1,852 มม. ระยะฐานล้อ 2,845 มม. ไม่ใช่รถที่มีขนาดเใหญ่และยาวที่สุดในกลุ่ม แต่เป็รรถที่เน้นเรื่องของความลงตัวจากการพัฒนาต่อยอดจากรุ่นเดิมเสียมากกว่า ว่ากันตามตรง รุ่นอื่นเน้นพัฒนาทั้งหน้าตา เครื่องยนต์ ช่วงล่างและแชสซี แต่ เทรลเบลเซอร์  เน้นต่อยอดมากกว่า

ภายนอกนำไปตกแต่งให้ดุดัน ดูสปอร์ตขึ้น โดยเฉพาะฝากระโปรงหน้าแต่งด้วยสติ๊กเกอร์สีดำด้าน กระจังหน้าสีดำเงา กระจกมองข้างและมือเปิดประตูสีดำ ข้างตัวรถเสริมคิ้วกันกระแทกสีดำขนาดใหญ่เหมือนรุ่นเดิม ไฟหน้าดูหล่อดี มีไฟเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์แบบเส้นนำแสง ตามสมัยนิยม แต่มองเข้าไปในโคม พบว่ารุ่นนี้เลือกใช้โคมแบบเลนส์สะท้อนแทน รุ่นเดิมที่เป็นโปรเจ็คเตอร์

เทรลเบลเซอร์ เดิม ไฟหน้าแบบมัลติรีเฟล็คเตอร์
เทรลเบลเซอร์ เดิม ไฟหน้าแบบมัลติรีเฟล็คเตอร์

กระจังหน้าและกันชนหน้า ดูหรูหราทันสมัย ช่องดักลมใหญ่และลงตัวขึ้น ด้านท้ายสไตล์เดิม ตั้งแต่รุ่นแรก  มีแค่สติคเกอร์ Z71 บอกรุ่น พิเศษตัวทอพ ไว้  ล้อแม็กซ์สีดำ ขนาด 18 นิ้ว ลายเดิมแต่นำไปเตมิความเข้มมาให้เพื่อให้สปอร์ต พร้อมยางขนาด 265/60 R18

ห้องโดยสาร ถ้าเทียบกับรุ่นเดิม ต้องบอกว่ามันดูดีและทันสมัยขึ้น ออกแบเรียบง่ายสไตล์อเมริกัน แต่ยังคงฟังก์ชั่นการใช้งานไว้ครบ ปุ่มควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ขนาดใหญ่ เบาะนั่งสบายหุ้มด้วยหนังรับกับสรีระดี ตกแต่งด้วยสีดำ Jet Black  ฝั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง แอบเพิ่มความแตกต่างไว้ที่หมอนรองศีรษะที่นั่งคู่หน้า ด้วยโลโก้  Z71 4×4   แอร์แบบแยกส่วนหน้า/หลัง พร้อมช่องลมบนเพดาน  มาตรวัด ดูชัดเจนพร้อมภาษาไทย ให้อ่านง่าย มีระบบตรวจสอบแรงดันลมยางซึ่งสามารถเชคแรงดันลมยางผ่านจอได้ตลอดเวลา ติดตั้งกล้องมองหลังพร้อมเส้นกะระยะที่ปรับทิศทางตามการหมุนของพวงมาลัย กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ปรับได้เพียงสูง/ต่ำ เท่านั้น

มีระบบอินโฟเทนเม้นต์ มายลิ้งค์ มาให้พร้อมจอทัชสกรีน  8 นิ้ว รองรับ Apple Car Play และ Android Auto และสามารถแสดงผลสมาร์ทโฟนบนหน้าจอทัชสกรีนของรถ พร้อมระบบแผนที่นำทาง ดูทันสมัยเข้ากับยุค 4.0 บ้านเรา

เครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ รหัส XLDE25 ได้รับการพัฒนาล่าสุด แบบ 4 สูบเรียง ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบแปรผัน VGT ความจุ 2.5 ลิตร แทนเครื่องยนต์ขนาด 2.8 ลิตรเดิม ที่ให้กำลัง 200 แรงม้า โดยรุ่นทอพให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า  ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิด 45.0 กิโลกรัม.-เมตร. หรือ 440 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที. ขับเคลื่นอด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ใช้ชุดขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบพาร์ทไทม์

ทดสอบช่วงเช้า ขับลัดเลาะตามเส้นทางธรรมชาติ  107 กม.  ผ่านวัดม้าทอง  จนถึง มณีเทวา รีสอร์ท  ถนนเป็นทางดินสลับทางฝุ่น หมุนปรับเป็นโหมด  4H  ลุยในเส้นทางธรรมชาติ ขึ้น/ลง เขา ทดสอบระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางลาดชัน และระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน ทำงานได้ดี  รวดเร็ว

ขับ ขึ้น/ลง ดอยตุง ดอยช้างมูบ  แรงม้า/แรงบิด ดี ถ้าเทียบกับรุ่นเดิม พบว่ามีการพัฒนาเครื่องยนต์และเกียร์ให้ลงตัวขึ้น ขับสบาย ขณะเร่งแซงตอบสนองทันใจ กำลังเหลือ เปลี่ยนเกียร์นุ่มนวลและต่อเนื่องขึ้นกว่าเดิม ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีทั้งขณะออกตัวและในโค้ง (TCS) ช่วยลดอาการล้อหมุนฟรี ในช่วงโค้งแคบ ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

ลองเปิด ระบบควบคุมความเร็วลงทางลาดชัน (HDC) อีกครั้ง  ระบบจะทำงานที่ความเร็วไม่เกิน 30 กม./ชม.  โดยค่อย ๆ จับและปล่อยเบรกเพื่อให้รถเคลื่อนที่ลงอย่างช้า ๆ

ช่วงล่างหน้าแบบ ปีกนก 2 ชั้น พร้อมคอยล์สปริง และโช้คอัพแกส ด้านหลังแบบ 5 ลิงค์ คอยล์สปริงและโช้คอัพแกส หลังจากพัฒนาโช้คอัพใหม่ เปลี่ยนมาใช้วาล์วควบคุมแบบไดเกรสซีฟ  รวมถึง ติดตั้งยางรองแท่นเครื่อง แท่นเกียร์ และเสริมยางรองรอบตัวถัง มากถึง 8 ตัว ทำให้ช่วงล่างยืดหยุ่นและซับแรงสะเทือนได้ดีกว่ารุ่นเดิมเยอะ  ถ้าเทียบกับ เทรลเบลเซอร์ เดิมนั้นแตกต่างกันมาก แม้ว่าจะใช้แซสซี และช่วงล่างแบบเดิม แต่การพัฒนาใหม่ครั้งนี้เห็นผลที่ดีขึ้นมาก

ช่วงขับลงจากยอดดอย เบรกบนทางลาดชันยาวๆ ระบบเบรกหน้าและหลังแบบดิสเบรก ทั้ง  4 ล้อ พร้อมครีบระบายความร้อน เบรกหน้าขนาด 300 มม.  เบรคหลังขนาด 318 มม. ทำงานร่วมกับ เอบีเอส และ อีบีดี  ใช้หม้อลมเบรกชุดใหม่ ขนาด 10.5 นิ้ว  ทำให้เบรคดีขึ้น โดยเฉพาะจังหวะเหยียบเบรก รู้สึกว่า ทำงานไวขึ้นกว่าเดิม ไม่ต้องเหยียบลึกและหนัก เหมือนเก่า

ระบบความปลอดภัย ให้มาหลากหลาย เรียกต่างจากคู่แข่งค่ายญีปุ่นบ้าง แต่โดยรวมเหมือนกัน ทั้งระบบป้องกันล้อหมุนฟรีทั้งขณะออกตัวและในโค้ง Traction Control System (TCS) ระบบรองรับการเบรคกะทันหัน Panic Brake Assist (PBA) ระบบกระจายแรงเบรค Electronic Brake Force Distribution (EBD) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว Electronic Stability Control (ESC) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน Hill Descent Control (HDC) ระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางชัน Hill Start Assist (HSA) ระบบรักษาเสถียรภาพขณะลากจูง ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ (Anti-Rolling Protection) พร้อมกับถุงลมนิรภัยคู่หน้าสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ตลอดจนถุงลมนิรภัยป้องกันหัวเข่าสำหรับผู้ขับขี่

ติดตั้ง ระบบแจ้งเตือนมุมอับสายตา ระบบแจ้งเตือนการจราจรขณะถอยหลัง ระบบแจ้งเตือนเมื่อออกจากช่องจราจร  ระบบเตือนการชนด้านหน้า แต่ไม่ได้ช่วยเบรกให้นะ ต่างจากมิตซูบิชิ ปาเจโร่ และ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ที่จัดมาครบ ระบบช่วยเหลือการจอดด้านหน้าและหลัง  ระบบแจ้งเตือนให้คาดเข็มขัดนิรภัย สำหรับผู้โดยสารแถว 2 และระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง นอกจากนี้ยังมีเซนเซอร์ตรวจจับปริมาณน้ำฝน ไฟหน้าเปิด/ปิดอัตโนมัติ เทรลเบลเซอร์ ซี71  ยังมีฟังก์ชั่นรีโมทสตาร์ท ซึ่งมีประโยชน์ในสภาพอากาศร้อนที่อบอ้าวอย่างเมืองไทย ผู้ขับขี่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้จากกุญแจ พร้อมกับเปิดแอร์ เพื่อให้ห้องโดยสารมีอุณหภูมิที่เย็นสบายก่อนขึ้นรถ กระจกหน้าต่างคู่หน้าเลื่อนลงเล็กน้อยเพื่อช่วยในการปิดประตู เบาและง่ายขึ้น ฟังก์ชั่น 2 อย่างหลังนี้ ทำให้รถรุ่นนี้ดแตกต่างจาก คู่แข่งในกลุ่ม นับเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพ่ิมเข้ามาไว้อย่างน่าสนใจ

เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ ซี71 ใหม่  ปรับโฉมเพิ่มรุ่นสปอร์ต หวังเพิ่มเลือกในตลาดกลุ่มนี้ โดยมี โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ทีอาร์ดี สปอร์ติโว่ ที่ชิงทำตลาดไปก่อนหน้าแต่อัพราคาไปไกล ทำให้ เทรลเบลเซอร์ ซี71ใหม่ ยังพอมีช่องให้สอดแทรกเข้ามาทำตลาดได้ อีกทั้งยังได้รับการ เซ็ทและจูนอัพ ด้วยทีมวิศวกร เป็นอย่างดี เครื่องยนต์และช่วงล่าง ลงตัว  ทางทุรกันดารไม่ได้ลุยหนักสอบผ่านสบาย  เหลือเพียงเจ้าของแบรนด์ที่ต้องปั้นสินคาตัวนี้ให้ดี ๆ เพราะมีเพียง 2 รุ่นให้ทำตลาด คือ กระบะ โคโลราโด และเอสยูวี อย่าง เทรลเบลเซอร์ เท่านั้น!!!