โตโยต้า ยาริส ใหม่ เสียงเงียบ ขับสนุก ตัวจริง

Taris HB-321

carinner ร่วม ทดสอบรถยนต์ โตโยต้า ยาริส แฮทช์แบค รุ่น 1.2 จี ปรับโฉมใหม่ เส้นทาง กรุงเทพฯ – กาญจนบุรี เพื่อสัมผัสการเปลี่ยนแปลงของดีไซจน์ ภายนอกและภายใน ที่แตกต่างจากเดิม รวมถึงมรรถนะที่แตกต่างจากเดิมมาก พร้อมกับเจาะลึกลงไปว่า ยารีส ใหม่ มีการปรับเปลี่ยนอะไรไปบ้าง

ภายนอกเท่าที่ดูพบว่า มีการเปลี่ยนแปลงใหม่เกือบทั้งหมด มีเพียงแพลทฟอร์ม ที่เหมือนเดิม ไฟหน้าเปลี่ยนใหม่ ดูใหญ่ขึ้น แบบ โปรเจคเตอร์ พร้อมไฟหรี่แบบเส้นนำแสง แอลอีดี สวยงาม กันชนหน้าใหม่ ดูสปอร์ทและดุดันขึ้น ลบภาพเก่า ๆ จากเดิมที่เหมือนมีหนวด มีเครา ติดตั้งไฟส่องสว่างกลางวันแบแอลอีดี ให้แสงโดดเด่น มาแต่ไกล ส่วนไฟตัดหมอกยังเปลี่ยนมาใช้หลอดแอลอีดีด้วยเช่นกัน ด้านข้างเพิ่มแนวเส้นที่ดูโฉบเฉี่ยว หลังคาออกแบบใหม่ รวมถึงไฟท้ายแนวนอน ชุดใหม่แบบเส้นนำแสง ที่ชัดเจนมากขึ้น พื้นที่ใช้สอยมีความหลากหลาย เบาะแถว 2 สามารถพับเก็บแบบ 60:40 ได้เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ

ตัวรถดูแน่นหนาและโดดเด่นขึ้นมาก ดูจากสัดส่วนตัวรถ ยาว 4,150 มม. ยาวกว่า ยาริส เดิม ถึง 30 มม.กว้าง 1,730 มม.สูง 1,500 มม.(รุ่น G) และ 1,475 มม. (รุ่น E/J /J ECO) และมีความยาวฐานล้อ 2,550 มม. เท่ากันกับ โตโยต้า วีออส ในกลุ่ม B-segment อีกด้วย ด้านท้ายแบบ Hatchback จึงมีความยาว น้อยกว่า ยาริส เอทีฟ ถึง 280 มม

ห้องโดยสารนอกจากการตกแต่งให้ดูทันสมัยและพรีเมียมมากขึ้น ยังเน้นในเรื่องของการเก็บเสียงภายในห้องโดยสาร ที่โดเด่นขึ้น จาการติดตังวัสดุซับเสียงรอบคัน สำหรับในรุ่นทอพและรองทอพ รวมถึงกระจกบานหน้า ซึ่งแม้ว่าจะใช้ทรงเดิมแต่เปลี่ยน มาใช้รุ่น อะคูสติค กลาสส์ ที่มีความหนาและช่วยเพิ่มความสามารถในการป้องกันเสียงนรบกวนได้มากขึ้น คอนโซลหน้าและแผงแดชบอร์ด แผงข้างประตู เรือนไมล์ พวงมาลัย ตกแต่งใหม่ทั้งหมด

คอนโซลสีเทาดำดูสปอร์ท ตัดขอบและตกแต่งด้วยวัสดุสีเทา ดูพรีเมียมมากขึ้้น เปลี่ยนวิทยุใหม่ดีไซจ์นแบบบิลล์อินคอนโซล หน้าตาและกราฟฟิคทันสมัยขึ้นกว่าเดิม รองรับ CD/MP3/WMA/USB/AUX และ BlueTooth สวิทช์แอร์ เปลี่ยนจากมือหมุนปรับ เป็นแบบสัมผัสหน้าจอดิจิตอล ทันสมัย พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น แบบ 3 ก้าน มีปุ่มควบคุมเครื่องเสียง และมีปุ่มรับโทรศัพท์ เพิ่มเข้ามา มาตรวัดเรืองแสงออพทริตรอนขนาดใหญ่ พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID อาทิ อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย อัตราการใช้น้ำมันขณะนั้น ความเร็วเฉลี่ย ระยะทางที่ขับได้วัดจากน้ำมันที่เหลืออยู่ อุณหภูมิ แผงบังแดดมาพร้อมกระจกแต่งหน้า ช่องเก็บของ ที่วางขวดน้ำ ช่องเสียบชาร์จไฟ 12 โวลท์ ครบครัน พื้นที่ใช้สอยมีความหลากหลาย เบาะแถว 2 สามารถพับเก็บได้ แบบ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ

 

ภายในดูทันสมัยและโดดเด่นขึ้นมาก แต่ยังขาดพักเท้าฝั่งคนขับ ที่จะทำให้นั่งขับได้สบายขึ้น การจัดวางอุปกร์อำนวยความสะดวก บางอย่างยังไม่ลงตัว อาทิ ช่องเสียบ USB ซึ่งไปอยู่บริเวณเครื่องเสียง ทำให้ใช้งานเชื่อมต่อกับสายสัญญาณแล้วดูวุ่นวายเกะกะสายตา ช่องเสียงไฟ 12 อยู่บริเวณคันเกียร์ ทำให้คนนั่งหลังสามารถใช้งานชาร์จไฟได้สะดวก แต่ฝั่งด้านหน้าถ้าต้องเช่อมต่อกับอุปกรณ์ชาร์จไฟ ดูค่อนข้างว่นวายหาที่วางโทรศัพท์ลำบาก นอกจากนี้บริเวณใต้ชุดควบคุมเครื่องเสียงยังถูกปิดไว้ ทำให้รู้สึกเยพื้นที่เก็บของที่มีประโยชน์ไป

ส่วนเรื่องที่ประทันใจ คือ เสียงรบกวนในห้องโดยสารที่ เงียบขึ้นอย่างชัดเจน จนรู้สึกได้เลย ว่า สามารถเก็นเสียงที่ขึ้นมาจากยางท่สัมผัสกับพื้นถนน พื้นคอนกรีด รวมถึงิว่งสวนกับรถข้าง ๆ หรือรถที่สวนมา เสียงลดน้อยลงไปอย่างเห็ฯได้ชัด รู้สึกว่านั่งคุยหรือนั่งฟังเพลงในรถได้เพลิดเพลินมาก

เครื่องยนต์เบนซิน รหัส 3 NR-FE ขนาด 1.2 ลิตร บลอคเดิม เทคโนโลยี Dual VVY-i 4สูบ DOHC 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 86 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 11.0 กก.-ม. ที่ 4,000 รตน. เกียร์อัตโนมัติ ซีวีที

เครื่องยนต์ บล๊อคเล็ก คงไม่ใช่จุดที่ต้องมาถามหาความแรงกับรถประเภท อีโคคาร์ ทดสอบครั้งนี้ลองอัตราเร่งแซง ขึ้น/ลง เขา เนินยาว ทางชัด และทางตรงยาว ทำได้เพียงพอ แม้จะไม่จี๊ดจ๊าด แต่ก็ไล่แซงรถอยู่ในเส้นทางเดียวกันได้สบาย ลองกดคันเร่งดู รอบค่อนข้างตอบสนองได้ดี ในช่วง 3,000 รอบต่อนาที ความเร็ว ทะลุ 160 กม./ชม. ได้ แม้จะใช้เวลาและเส้นทางที่ค่อนข้างยาว วิ่งไป/กลับ เมืองกาญฯ ประมาณ 420 กม./ชม. ใช้ความเร็วแบบขับใช้งานทั่วไป 80-120 กม./ชม. มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย ที่ 16 กม./ลิตร ความเร็วคงที่ 100 กม./ชม.ใช้รอบเครื่องยนต์ อยู่ที่ ประมาณ 2,100 รอบต่อนาที

ช่วงล่างมีการออกแบบและเซ็ทใหม่ทั้งหมด โช้คอัพคู่หน้า ปรับวาล์วให้มีความนุ่มและหนืดขึ้น พร้อมกับเปลี่ยนค่าเค ของสปริงใหม่ เช่นเดียวกับโช้คอัพหลัง และสปริงที่จูนและเปล่ยนค่าเค ให้ขับขี่ในเมืองที่นุ่มนวลและหนึบขึ้นในยางที่ต้องใช้ความเร็วจังหวะบั๊มและโยนตัว มีน้อยลงมาก พวงมาลัยไฟฟา ปรับให้เบาเพ่อให้ใช้งานในเมืองคล่องตัว พร้อมกับแปรผันได้หนืดขึ้น มีน้ำหนักดี เมื่อใช้ความเร็วสูง มีการปรับเปลี่ยนจุดยึดคานล่างด้านหลังใหม่ พร้อมกับเพิ่มความฟิตของบูชยาง เพื่อให้ตัวรถดูแน่และรถกรยนโคลง ซึ่งทำได้อย่าฝงประทับใจมาก หากหลับตาไม่มองถึงตัวรถ ยังรู้สึกเหมือนขับรถในราคาแพงเลยทีเดียว การทรงตัว การควบคุมพวงมาลัยของ ยาริส ใหม่ทำได้ยอดเยี่ยมมาก

นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบความปลอดภัยแบบจัดเต็ม เหนือคู่แข่ง ได้แก่ ถุงลมนิรภัยถึง 7 ตำแหน่ง (ติดตั้งในทุกรุ่นย่อย) พร้อมกับให้ระบบความปลอดภัยอื่นๆ มาครบ อาทิ ระบบเบรคเอบีเอส ป้องกันการลื่นไถล มี เอบีดี และบีเอ และควบคุมการทรงตัว อย่าง วีเอสซี ซึ่งเป็น มาตรฐานของระบบความปลอดภัยใหม่ของโตโยต้า

ติดตั้งระบบป้องกันล้อลื่นไถล TRC ระบบควบคุมเสถียรภาพตัวรถ VSC และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC มีติดตั้งมาให้ทุกรุ่น ขณะที่ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน และไฟตัดหมอก มีเฉพาะรุ่นย่อย G และกุญแจนิรภัยพร้อมระบบป้องกันการโจรกรรม มีในรุ่น E และ G

โตโยต้า ยารีส ใหม่ แบบ 5 ประตู แฮทช์แบค จัดมาเต็มเกินความคาดหมายไปมาก เรียกว่า ทั้งเรื่องของการขับขี่และระบบความปลอดภัย ชั่วโมงนี้ยังหาคู่แข่งเทียบยาก ช่วงล่างแน่นนุ่ม ขับแล้วมั่นใจมาก เดินทางไกลรู้สึกไม่เหนื่อย น่าใช้ขึ้นกว่าเดิมมาก บอกได้เลยว่า ยาริส ใหม่จะทำให้บรรดาคู่แข่งในตลาดหนาวแน่นอน ถ้าไม่เชื่อลองขับแล้วจะติดใจ