มาสด้า มอบรางวัลแห่งเกียรติยศให้ผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมประจำปี
ข่าวรถวันนี้ : มาสด้า มอบรางวัลแห่งเกียรติยศให้ผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมประจำปี
มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จัดพิธีมอบรางวัลผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมประจำปี หรือ Mazda Dealer Exclusive Challenge 2020 ภายใต้ธีม “Pride and Prosperity” เพื่อยกย่องถึงปรัชญาการทำงานที่มุ่งสู่ความสำเร็จ และการันตีถึงมาตรฐานความเป็นเลิศในการดำเนินธุรกิจของผู้จำหน่าย ที่สามารถส่งมอบความสุข และสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้ามาสด้าในประเทศไทยได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งในแต่ละปีจะมีผู้จำหน่ายเพียง 15 แห่งเท่านั้น ที่สามารถคว้ารางวัลแห่งความสำเร็จนี้ไปครอง โดยพิธีมอบรางวัลอันทรงเกียรตินี้จัดขึ้นที่ โรงแรม สยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ เมื่อวันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา
นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย พร้อมด้วยผู้จำหน่ายมาสด้าทั่วประเทศได้ประสานความร่วมมือกันทำงานอย่างเต็มความสามารถ ผ่านกระบวนการทำงานภายใต้แนวคิด ONE MAZDA เพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้เป็นหนึ่งเดียวและไร้รอยต่อในทุกภาคส่วน ทั้งบุคลากรของมาสด้า ผู้จำหน่าย รวมถึงโรงงานผลิต เพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ภายใต้จุดมุ่งหมายเดียวกัน นั่นคือ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพและส่งมอบการบริการที่เป็นเลิศให้กับลูกค้า และยึดมั่นในการเอาใจใส่ดูแลลูกค้าไปตลอดอายุการใช้งาน ซึ่งในแต่ละปี มาสด้าจะจัดให้มีการประเมินผลงานและมอบรางวัลให้แก่ผู้จำหน่ายที่มีผลการดำเนินงานยอดเยี่ยมที่สุดจากทั่วประเทศ เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ความพยายาม การเอาใจใส่ในทุกรายละเอียด เพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จ และสร้างมาตรฐานความเป็นเลิศของผู้จำหน่ายในทุกมิติ
ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับรางวัลผู้จำหน่ายยอดเยี่ยม หรือ Mazda Dealer Exclusive Challenge จะต้องผ่านเกณฑ์การพิจารณา และได้รับการรับรองว่าเป็นผู้จำหน่ายที่มีมาตรฐานสูงสุดในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น ด้านยอดจำหน่ายรถยนต์ ยอดจำหน่ายอะไหล่และการบริการหลังการขาย ความพร้อมของสถานที่ คุณภาพของระบบบริหารจัดการ และความสามารถในการส่งมอบความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า ทั้งด้านการขายและด้านให้การบริการหลังการขาย รวมถึงสามารถบริหารบุคลากรในองค์กรได้อย่างดีเยี่ยม โดยในแต่ละปีจะมีผู้จำหน่ายเพียง 15 แห่ง จากผู้จำหน่ายจากทั่วประเทศทั้งหมด 139 แห่งเท่านั้น ที่ได้รับรางวัลการันตีความเป็นเลิศนี้
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นอกจากการมอบรางวัลผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมประจำปี 2020 แล้ว ภายในงานยังได้มีการมอบรางวัลการขายยอดเยี่ยม และรางวัลการบริการหลังการขายยอดเยี่ยมประจำปี 2020 หรือ Mazda Guild 2020 เพื่อมอบรางวัลให้ทีมงานของผู้จำหน่ายที่สามารถทำผลงานได้ดีเยี่ยม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแรงผลักดันให้ผู้จำหน่ายและพนักงาน มุ่งมั่นพัฒนาทักษะและความเชี่ยวชาญในการทำงาน และส่งมอบความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าในทุกๆ ด้าน ซึ่งมาสด้าขอแสดงความยินดีกับดีลเลอร์ทุกรายที่สามารถคว้ารางวัลเกียรติยศมาครองได้สำเร็จ และขอขอบคุณผู้จำหน่ายทั่วประเทศที่ทำงานอย่างเต็มความสามารถ โดยมีเป้าหมายสูงสุด คือ การส่งมอบความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า และช่วยผลักดันให้มาสด้าในประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืน
ทางด้านตัวแทนผู้จำหน่าย นางแก้วใจ เผอิญโชค แมคโดนัลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิซ มอเตอร์ส จำกัด หนึ่งในผู้จำหน่ายที่ได้รับรางวัลผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมประจำปี 2020 ระดับ Gold กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 10 กว่าปี ที่ตัดสินใจเข้ามาทำธุรกิจร่วมกับมาสด้า บอกได้เลยว่าตัวเองคิดถูก หรืออาจจะช้าไปด้วยซ้ำเมื่อเทียบกับดีลเลอร์มาสด้าตั้งแต่ยุคแรกๆ ซึ่งรางวัลผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมเป็นรางวัลที่พวกเราภาคภูมิใจอย่างยิ่ง ทีม บิซ มอเตอร์ส ทำงานอย่างเต็มที่ในทุกๆ ช่องทาง โดยเฉพาะการบริหารงานผ่านระบบออนไลน์ จึงทำให้เราก้าวขึ้นมาครองเบอร์หนึ่งด้านยอดขายทุกปี เพราะเราให้ความสำคัญกับลูกค้าและทีมงาน ต้องมาเป็นอันดับหนึ่งเสมอ ต้องสร้างบุคลากรให้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ จนเกิดเป็นความเชื่อมั่น เพราะทางเลือกแรกของลูกค้าต้องผ่านคุณภาพของบุคลากรและระบบที่มีมาตรฐาน ดังนั้น บุคลากรจึงสำคัญและต้องทำงานภายใต้ระบบที่มีประสิทธิภาพ แล้วส่งผ่านประสบการณ์ดีๆ ไปยังลูกค้าจนเกิดเป็นความประทับใจ จนเกิดเป็นการบอกต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด ต้องขอขอบคุณ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย และทีมงานทุกท่าน ที่ให้การสนับสนุนผู้จำหน่ายเป็นอย่างดี จนทำให้ บิซ มอเตอร์ส ประสบความสำเร็จดังเช่นทุกวันนี้
ปัจจุบัน มาสด้ามีผู้จำหน่ายทั่วประเทศทั้งหมด 139 แห่ง และตั้งเป้าที่จะขยายโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการ ยกระดับคุณภาพการให้บริการในด้านต่างๆ ให้เกิดเป็นมาตรฐานเดียวกันในทุกๆ โชว์รูม เพื่อที่จะสามารถส่งมอบบริการที่เป็นเลิศให้กับลูกค้าทุกราย ให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งกับครอบครัวมาสด้าในประเทศไทย
รายชื่อผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมประจำปี 2020
ระดับ Gold
- บริษัท บิซ มอเตอร์ส จำกัด (กรุงเทพมหานคร)
- บริษัท ออโต้ แกลเลอรี่ เบสท์สไมล์ จำกัด (จังหวัดปทุมธานี)
- บริษัท ชูเกียรติยนต์ จำกัด (จังหวัดปัตตานี)
- บริษัท มาสด้า สุรินทร์ (2002) จำกัด (จังหวัดสุรินทร์)
- บริษัท อารีมิตร มาสด้า จำกัด (จังหวัดกาฬสินธุ์)
ระดับ Silver กลุ่ม
- บริษัท ศรีสะเกษทีที ออโตโมบิล จำกัด (จังหวัดศรีสะเกษ)
- บริษัท มาสด้า มหาราช (ตราด) จำกัด (จังหวัดตราด)
- บริษัท วีเอ็มดี ออโต้เซลส์ จำกัด สาขาพัฒนาการ (กรุงเทพมหานคร)
- บริษัท มาสด้า ประจวบฯ จำกัด (จังหวัดประจวบคีรีขันธ์)
- บริษัท สิทธิชัยออโต้เซลส์ จำกัด (จังหวัดพัทลุง)
ระดับ Bronze
- กลุ่ม บริษัท ศรีบุตรคอปอเรชั่น จำกัด (จังหวัดยะลา)
- กลุ่ม บริษัท มาสด้า ชลบุรี จำกัด (มหาชน) (กรุงเทพมหานครและชลบุรี)
- กลุ่ม บริษัท วีเอ็มดี ออโต้เซลส์ จำกัด (จังหวัดพิษณุโลกและอุตรดิตถ์)
- กลุ่ม บริษัท ชูเกียรติยนต์ หาดใหญ่ จำกัด (จังหวัดสงขลา)
- กลุ่ม บริษัท เอกสหกรุ๊ป มอเตอร์ จำกัด (จังหวัดนครราชสีมา)
ข่าวรถวันนี้ : มาสด้า ผู้นำแห่งเทคโนโลยีคว้ารางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยมด้านนวัตกรรมดีเด่น
มาสด้าตอกย้ำผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี คว้ารางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยม ประจำปี 2564 หรือ THAILAND AUTOMOTIVE QUALITY AWARD (TAQA) ภาพลักษณ์ดีเด่นด้านสร้างสรรค์นวัตกรรม ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จอีกก้าวของมาสด้าในการมุ่งมั่นพัฒนายนตรกรรมสู่ความเป็นเลิศ และสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะความสำเร็จจากพัฒนาเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ และการออกแบบอันสง่างามภายใต้ โคโดะ ดีไซน์ จนสามารถครองใจผู้บริโภคทั่วทุกมุมโลกรวมทั้งชาวไทย โดยมี นายอุทัย เรืองศักด์ ผู้จัดการอาวุโสส่วนงานประชาสัมพันธ์ ฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นตัวแทนรับมอบรางวัลจาก นายภานุวัฒน์ ตริยางกูรศรี รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ประธานมอบรางวัล ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
รางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยม หรือ Thailand Automotive Quality Award (TAQA) ในปีนี้เกิดจากผลสำรวจความพึงพอใจของผู้บริโภคที่ใช้รถจริงกว่า 2,780 รายทั่วประเทศ ที่มีต่อผลิตภัณฑ์ การบริการ และภาพลักษณ์ของแบรนด์ โดยมีการจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 20 เพื่อมอบรางวัลให้กับผู้ประกอบการรถยนต์และอุปกรณ์เกี่ยวเนื่องที่สามารถครองใจมหาชนได้มากที่สุด เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคในการตัดสินใจซื้อรถยนต์ และเพื่อเป็นข้อมูลให้กับผู้ประกอบธุรกิจจะได้นำไปพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
ข่าวรถวันนี้ : NEW MAZDA CX-5 คว้ารางวัลสุดยอดสินค้าและบริการแห่งปี 2564
รถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวี NEW MAZDA CX-5 ที่เพิ่งเปิดตัวแนะนำสู่ตลาดไปเมื่อเร็วๆ นี้ คว้ารางวัลสุดยอดสินค้าและบริการแห่งปี 2564 หรือ “Product of the Year Awards 2021” ประเภทสินค้าและบริการกลุ่มยานยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี ในกลุ่มผลิตภัณฑ์รถยนต์อเนกประสงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวี จากนิตยสาร Business+ โดยมี นายอุทัย เรืองศักดิ์ ผู้จัดการอาวุโส ส่วนงานประชาสัมพันธ์ ฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นตัวแทนรับมอบจาก ฯพณฯ นายนุรักษ์ มาประณีต องคมนตรี ประธานในพิธี พร้อมด้วย นายมนู เลียวไพโรจน์ ประธานกรรมการ บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. บุริม โอทกานนท์ รองคณบดีงานสนับสนุนการศึกษาและวิชาการ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล และผู้บริหารจากหน่วยงานที่ได้รับรางวัล เข้าร่วมงานอันทรงเกียรตินี้ ณ โรงแรมสวิสโฮเต็ล กรุงเทพฯ รัชดา
การได้รับรางวัลอันทรงเกียรติในครั้งนี้ นับเป็นความภาคภูมิใจและเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนายนตรกรรมที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ น่าเชื่อถือ และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในประเทศไทยอย่างแท้จริง ทั้งยังเป็นแรงผลักดันให้มาสด้ามุ่งมั่นในการพัฒนารถยนต์ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศในการส่งมอบรถยนต์ที่เปี่ยมคุณภาพทั้งด้านสมรรถนะและดีไซน์ เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าต่อไปในอนาคต
มาสด้า CX-5 คือรถอเนกประสงค์เอสยูวีที่เป็นต้นกำเนิดของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ และการออกแบบภายใต้แนวคิด โคโดะ ดีไซน์ ที่ได้รับความนิยมจากลูกค้านับตั้งแต่ปรากฏโฉมเป็นครั้งแรก จนถึงปัจจุบันมียอดขายสะสมกว่า 8 ล้านคันทั่วโลก สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟและความนิยมต่อรถประเภทนี้ โดยมาสด้า CX-5 เจเนอเรชั่นแรก ได้เปิดตัวแนะนำในประเทศไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2556 มียอดขายสะสมสูงถึง 17,000 คัน ตามมาด้วยเจเนอเรชั่นที่ 2 เปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2560 มียอดจำหน่ายถึงปัจจุบันกว่า 15,000 คัน และล่าสุดเปิดตัวแนะนำไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาและกำลังประสบความสำเร็จอย่างสูง จนสามารถสร้างปรากฏการณ์ของการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี และความสง่างามของการออกแบบตามแนวคิด โคโดะ ดีไซน์ ที่ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นในเวทีระดับโลก พร้อมวางราคาจำหน่ายเริ่มต้นเพียง 1,320,000 บาท
สำหรับรางวัล Product of the Year Awards 2021 หรือรางวัลสุดยอดสินค้าและบริการแห่งปี 2564 จัดขึ้นโดยนิตยสาร Business+ ในเครือ บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งผ่านการคัดเลือก สำรวจ และวิจัยตลาด ตามหลักวิชาการจากผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงลงคะแนนโดยผู้บริโภค และมอบรางวัลให้แก่องค์กรใน 14 ประเภทกลุ่มสินค้า เพื่อเป็นแบบอย่างความสำเร็จ และสนับสนุนให้องค์กรธุรกิจ มุ่งมั่นที่จะสร้างแรงขับเคลื่อนในการพัฒนาสินค้าและบริการที่มุ่งไปสู่ประโยชน์ของทุกคนในสังคมต่อไป.
ข่าวรถวันนี้ : มาสด้า อัดโปรแรงกระตุ้นเศรษฐกิจรับเปิดประเทศ เสริมทัพรถยนต์รุ่นใหม่แน่นงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2021
มาสด้า เดินหน้าลุยงานใหญ่ส่งท้ายปี มอเตอร์ เอ็กซ์โป ชูไฮไลท์เด็ดกับเอสยูวีน้องใหม่ล่าสุด NEW MAZDA CX-3 มาพร้อมเทรนด์สีใหม่ล้ำอนาคตกับ สีแพลตทินั่ม ควอตซ์ ให้ภาพลักษณ์สปอร์ตพรีเมี่ยมทุกมุมมอง ตอบรับทุกประสบการณ์ในแบบคุณด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นของเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ 2.0 ลิตร เพิ่มออฟชั่นความสะดวกสบายที่ครบครันมากยิ่งขึ้น นำทัพครอสโอเวอร์เอสยูวีและรถยนต์นั่งทุกรุ่นมาจัดแสดงเต็มพื้นที่ พร้อมข้อเสนอสุดร้อนแรงแห่งปี กับดอกเบี้ยต่ำสุด 0%1 ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance2 ฟรี Mazda Care Program 3 ปี3 และขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร4 ลูกค้าที่สนใจสามารถเข้าชมและสัมผัสยนตรกรรมมาสด้าทุกรุ่นได้ที่บูธมาสด้า อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 1– 12 ธันวาคม 2564 นี้ หรือที่โชว์มาสด้าทั่วประเทศ
นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้การจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดต้องถูกเลื่อนออกไป ดังนั้น งานมอเตอร์ เอ็กซ์โป จึงกลายเป็นสีสันครั้งสำคัญในช่วงปลายปีที่ทุกคนต่างรอคอย โดยเฉพาะค่ายรถยนต์ต่างนำยนตรกรรมรุ่นใหม่ๆ มาจัดแสดงให้ลูกค้าได้ยลโฉม สำหรับมาสด้าก็เช่นกัน ที่ช่วงที่ผ่านมาได้เปิดตัวแนะนำรถรุ่นใหม่ถึง 3 รุ่น โดยเฉพาะรถในกลุ่ม MAZDA FAMILY SUV ได้แก่ MAZDA CX-5 และ MAZDA CX-8 ที่กำลังประสบความสำเร็จอยู่ในขณะนี้ จากการวางกลยุทธ์ด้านราคาและการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ให้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น จึงกลายเป็นโมเดลที่มาเติมเต็มการใช้ชีวิตของลูกค้าให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ล่าสุดอีกหนึ่งรุ่นกับครอสโอเวอร์น้องเล็ก NEW MAZDA CX-3 เอสยูวีใหม่ที่คุ้มค่ากว่า ซึ่งการเปิดตัวรุ่นเหล่านี้ทำให้รถในตระกูล CX-SERIES มีความสมบูรณ์แบบและครอบคลุมกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น ซึ่งมาสด้าได้นำมาจัดแสดงเป็นไฮไลท์สุดพิเศษของงานในครั้งนี้ ผู้ที่เดินทางมาเข้าชมงานไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
NEW MAZDA CX-3 มาพร้อมกับการแนะนำเทรนด์สีใหม่แห่งอนาคตเป็นครั้งแรกในประเทศไทย กับสีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ ที่แสดงออกถึงสไตล์พรีเมี่ยม โดดเด่น และสะท้อนตัวตนอันมีเอกลักษณ์ของผู้ขับขี่ได้อย่างแท้จริง ซึ่งมาสด้าเชื่อว่าสีใหม่นี้จะเข้ามาสร้างกระแสนิยมใหม่ให้กับวงการรถยนต์ และกลายเป็นหนึ่งในสีซิกเนเจอร์ที่ลูกค้าชื่นชอบ นอกจากนี้ CX-3 ยังได้รับการอัพเดทให้มีความทันสมัยตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์อิสระแห่งสังคมยุคดิจิตอล และมอบความอเนกประสงค์ในการใช้งานรอบด้าน ด้วยอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย Wireless Charger รองรับระบบ Wireless Apple CarPlay พร้อมให้สมรรถนะความแรงและประหยัดน้ำมันด้วยเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซินขนาด 2.0 ลิตร ซึ่งแต่ละรุ่นมีออฟชั่นที่ครบครันตามความต้องการของลูกค้า โดยวางราคาจำหน่ายเริ่มต้นเพียง 769,000 บาท พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ ดอกเบี้ย 1.33%1 และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2 ให้ลูกค้าได้จับจองเป็นเจ้าของภายในงานแห่งนี้
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นอกจากรถครอสโอเวอร์รุ่นใหม่ซึ่งเป็นไฮไลท์เด็ดของงานแล้ว มาสด้ายังได้นำรถยนต์มาจัดแสดงให้ลูกค้าได้เลือกสรรครบทุกรุ่น พร้อมกับมอบข้อเสนอพิเศษสุดคุ้มมากมายตลอดงาน ซึ่งลูกค้าที่สนใจสามารถพบกับยนตรกรรมสกายแอคทีฟทุกรุ่นได้ที่บูธมาสด้า ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม 2564 หรือไปที่โชว์รูมมาสด้าใกล้บ้านทั่วประเทศ โดยเฉพาะแคมเปญสุดพิเศษที่มาสด้านำมามอบให้กับลูกค้าแบบสุดคุ้มที่สุดในรอบปี ผนวกกับคุณสมบัติที่โดดเด่น สมรรถนะอันทรงพลัง เทคโนโลยีล้ำสมัย อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ระบบความปลอดภัยระดับโลก รวมทั้งการออกแบบอันสง่างาม เชื่อว่ารถมาสด้าทุกรุ่น ทุกคัน จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่ม และเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ ประกอบไปด้วย
- NEW MAZDA2 รถยนต์นั่งขนาดเล็กแต่คุณภาพคับแก้ว หรูหราสปอร์ตพรีเมี่ยม คัดสรรด้วยวัสดุคุณภาพ พิถีพิถันใส่ใจในทุกรายละเอียด ดีไซน์ภายนอกและภายในหรูหรา สง่างาม โดดเด่น ไม่ซ้ำใคร มาพร้อมตัวถัง 2 แบบ 2 สไตล์ ทั้งแบบซีดาน 4 ประตู และแฮตซ์แบค 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 546,000 บาท พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ ดอกเบี้ย 0%1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2
- ALL-NEW MAZDA3 รถยนต์นั่งต้นแบบแห่งความสง่างาม เรียบหรูทุกมุมมอง การันตีความเป็นที่สุดจากงานดีไซน์ระดับโลก World Car Design of the Year 2020 ราคาเริ่มต้น 969,000 บาท พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ ดอกเบี้ย 0%1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2
- ALL-NEW MAZDA CX-30 สง่างามด้วยการออกแบบตามแนวคิด โคโดะ ดีไซน์ เรียบง่ายแต่งดงาม เจ้าของรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมปี 2020 จากสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย และติด Top 3 World Car of the Year 2020 ราคาเริ่มต้น 989,000 บาท พร้อมข้อเสนอ ดอกเบี้ย 0%1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2 ซึ่งเป็นข้อเสนอเดียวกันกับรุ่นพิเศษ 100th Anniversary Edition
- NEW MAZDA CX-5 ครอสโอเวอร์รุ่นใหม่ “พลังความสุข ที่เร้าใจทุกเส้นทาง” เติมเต็มการใช้ชีวิตให้ก้าวไปสู่ความเป็นที่สุด ใช้ชีวิตให้มีความสุขในทุกๆ วันกับครอบครัว ส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ล้ำหน้า ใส่เทคโนโลยีและออฟชั่นเพิ่มขึ้น แต่ราคาเริ่มต้นเพียง 1,320,000 บาท มาพร้อมข้อเสนอ ดอกเบี้ย 1.99%1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2 Mazda Care Program 3 ปี3
- NEW MAZDA CX-8 “ทุกช่วงเวลา…มีคุณค่าไม่สิ้นสุด” ยังคงความเป็นรถอเนกประสงค์เอสยูวีระดับพรีเมี่ยม แบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง และแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง หนึ่งเดียวในตลาดที่วางจำหน่ายในประเทศไทย มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซินและคลีนดีเซล กับราคาเริ่มต้นเพียง 1,499,000 บาท พร้อมข้อเสนอ ดอกเบี้ย 1.99%1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2 ฟรี Mazda Care Program 3 ปี3
- ALL-NEW MAZDA BT-50 ปิกอัพใหม่สไตล์เอสยูวี ที่ผนวกคุณสมบัติที่ดีที่สุดของรถปิกอัพรวมเป็นหนึ่งเดียว ราคาเริ่มต้น 553,000 บาท พร้อมแพ็คเกจพิเศษเพื่อให้เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น ทั้งดอกเบี้ย 2.19%5 หรือ 2.39%6 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2
- MAZDA MX-5 สปอร์ตโรดสเตอร์ที่ขายดีที่สุดในโลก แบรนด์ไอคอนของมาสด้าเจ้าตำนานแห่งความสนุกสนานในการขับขี่ หลังคาเปิดประทุนด้วยระบบไฟฟ้า ตอบสนองความต้องการของแฟนพันธุ์แท้มาสด้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ด้วยราคาจำหน่าย 2,905,000 บาท พร้อมข้อเสนอฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี1 ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร4
มาสด้า ยังได้จัดแคมเปญ MAZDA EXPO 2021 มหกรรมออกรถสิ้นปี มอบข้อเสนอ มอเตอร์ เอ็กซ์โป ให้ลูกค้าที่จองซื้อรถใหม่ที่โชว์รูมมาสด้า ระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม 2564 ไม่ว่าจะเป็น ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%7, ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance7 และรับฟรีของพรีเมี่ยมสุดพิเศษ เมื่อจองและออกรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ได้แก่
- ลูกค้า 400 ท่านแรก ที่จอง 3,000 บาท เพื่อซื้อรถ Mazda2 และ Mazda BT-50 รับฟรี Eloop EW35 Wireless Fast Charging Power Bank มูลค่า 690 บาท
- ลูกค้า 600 ท่านแรก ที่จอง 5,000 บาท เพื่อซื้อรถ Mazda CX-5 และ Mazda CX-8 รับฟรี เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ Sharp รุ่น IG-GC2B/N มูลค่า 2,990 บาท
- ลูกค้า 400 ท่านแรก ที่จอง 5,000 บาท เพื่อซื้อรถ Mazda3, Mazda CX-3 และ Mazda CX-30 รับฟรี กล่องฆ่าเชื้อ Philips Lighting UV-C Disinfection Mini Box มูลค่า 1,590 บาท
และพบกับ MAZDA EXPO 2021 มหกรรมตรวจรถก่อนสิ้นปี เพื่อความอุ่นใจทุกเส้นทาง ระหว่างวันที่ 1-31 ธันวาคม 2564 ที่ศูนย์บริการมาสด้า ไม่ว่าจะเป็น ฟรีตรวจเช็กรถ 20 รายการ8, รับฟรี บัตรเติมน้ำมัน 1,000 บาท เมื่อซื้อโปรแกรมขยายรับประกันคุณภาพรถ9 ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน ทุกสินค้าและบริการ10 และซื้อยางใหม่ ครบ 4 เส้น รับส่วนลดสูงสุด 1,200 บาท
หมายเหตุ:
- ดาวน์ 25%, ผ่อนนาน 48 เดือน สำหรับ New Mazda2, New Mazda CX-3, All-New Mazda CX-30 100th Anniversary Edition, New Mazda CX-5 และ New Mazda CX-8 ทุกรุ่น
- สำหรับ All-New Mazda3 ดาวน์ 25%, ผ่อนนาน 60 เดือน เฉพาะรุ่น 2.0 SP, 2.0 SP Sports ราคา 1,198,000 บาท และ All-New Mazda CX-30 ดาวน์ 25%, ผ่อนนาน 54 เดือน เฉพาะรุ่น 2.0 SP ราคา 1,199,000 บาท
- บริษัทประกันภัยที่ร่วมโครงการ ได้แก่ (1) บมจ. วิริยะประกันภัย (2) บมจ. ธนชาตประกันภัย (3) บมจ. ประกันภัยไทยวิวัฒน์ (4) บมจ.ทิพยประกันภัย
- Mazda Care Program 3 ปี หรือระยะทาง 60,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
- ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) ตามเงื่อนไขโปรแกรม Mazda Added Protection
- ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน เฉพาะรุ่น Double Cab
- ดาวน์ 25%, ผ่อนนาน 48 เดือน เฉพาะรุ่น Freestyle Cab และ Standard Cab 7เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด รายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.mazda.co.th
- ตรวจฟรี 20 รายการ ตามเงื่อนไขกิจกรรม “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” ของกรมขนส่งทางบก
- รับบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 1,000 บาท เมื่อซื้อโปรแกรมขยายการรับประกันคุณภาพรถ และได้รับการอนุมัติการสมัคร ตั้งแต่วันที่ 1-31 ธ.ค. 2564 ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นส่วนลดอื่นหรือเงินสดได้
- โปรดตรวจสอบประเภทสินค้า บริการ และเงื่อนไขของบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ ณ จุดบริการก่อนทำรายการทุกครั้ง
- ราคายางรถยนต์ รวมค่าแรงถอด-ใส่ ค่าตะกั่วและจุกลมยางพร้อมเติมลมยางปกติ เมื่อซื้อครบ 4 เส้น
เงื่อนไขเพิ่มเติม:
- เงื่อนไขการพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามข้อกำหนดของ บมจ. ธนาคารทิสโก้ และ ทีเอ็มบีธนชาต เท่านั้น
- ข้อเสนอดังกล่าวสำหรับผู้เช่าซื้อที่ผ่านการอนุมัติตามเงื่อนไขของ บมจ. ธนาคารทิสโก้ และ ทีเอ็มบีธนชาต ที่จองและออกรถภายในวันที่ 1-31 ธันวาคม 2564 เท่านั้น
ข่าวรถวันนี้ : มาสด้า เผยแผนขยายผลิตภัณฑ์รถอเนกประสงค์เอสยูวีตั้งแต่ปี 2565
มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับแผนการพัฒนาธุรกิจ โดยเปิดเผยนโยบายเกี่ยวกับการขยายผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มรถอเนกประสงค์เอสยูวี และจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป โดยรถอเนกประสงค์เอสยูวีรุ่นใหม่ที่กำลังกล่าวถึง ประกอบด้วย มาสด้า CX-50 ซึ่งจะทำการผลิตขึ้นที่โรงงานแห่งใหม่ในสหรัฐอเมริกา เช่นเดียวกันกับรถยนต์อีกหลายรุ่นในกลุ่มผลิตภัณฑ์ขนาดใหญ่ (Large Product group1) รวมถึง มาสด้า CX-60, CX-70, CX-80 และ CX-90 ซึ่งรถยนต์รุ่นต่างๆ เหล่านี้ มาสด้าได้มีการวางแผนเพื่อเปิดตัวแนะนำสู่ตลาดในอีกสองปีข้างหน้า หรือ ในระหว่างปี 2565 ถึง 2566 โดยมาสด้ามุ่งหวังที่จะนำเสนอทางเลือกรถยนต์ในกลุ่มเอสยูวีให้กับลูกค้า และเป็นรถยนต์ที่ส่งมอบทั้งความสนุกสนานในการขับขี่ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุด เพื่อตอบสนองต่อความต้องการรถเอสยูวีที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก
จากการใช้ประโยชน์ด้านทรัพย์สินทางเทคโนโลยีในการพัฒนาและการผลิตอย่างเต็มกำลัง เช่น เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ, Bundle Planning และรูปแบบการผลิตที่มีความยืดหยุ่น มาสด้าได้สะสมองค์ความรู้มาอย่างต่อเนื่อง ตามกลยุทธ์ แบบ Building Block2 จึงทำให้สามารถขยายไลน์ผลิตภัณฑ์รถเอสยูวีได้อย่างมีประสิทธิภาพควบคู่กับการลงทุนที่ต่ำ ทำให้มั่นใจได้ว่าธุรกิจจะเติบโตได้อย่างมั่นคงในระยะกลางถึงระยะยาว
มาสด้า CX-50 เป็นอเนกประสงค์เอสยูวีที่มาสด้าเพิ่มเติมเข้ามาเป็นโมเดลหลักรุ่นใหม่ และจะทำการเปิดตัวเฉพาะในตลาดอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดที่รถเอสยูวีได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ประกอบกับความต้องการรถยนต์ที่มีสมรรถนะสูงในการขับขี่สไตล์ออฟโรด ซึ่งมาสด้า CX-50 เป็นรุ่นที่อยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ขนาดเล็ก (Small Product group3) เช่นเดียวกับมาสด้า3 และมาสด้า CX-30 โดยมาสด้าจะเริ่มทำการผลิตมาสด้า CX-50 ในเดือนมกราคม 2565 ณ โรงงานแห่งใหม่ โดยความร่วมมือกันระหว่างมาสด้ากับโตโยต้า หรือ โรงงานมาสด้า โตโยต้า แมนูแฟคเจอริ่ง สหรัฐอเมริกา (MTMUS) ณ เมืองฮัลต์สวิลล์ มลรัฐอลาบาม่า ประเทศสหรัฐอเมริกา
สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มรถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ (Large Products group) ประกอบด้วย มาสด้า CX-60, CX-70, CX-80 และ CX-90 จะมาพร้อมกับ 2 รูปแบบตัวถัง พร้อมกับการจัดวางแถวที่นั่ง 2 แบบ ได้แก่ แบบที่นั่ง 2 แถว และแบบที่นั่ง 3 แถว เนื่องจากรถอเนกประสงค์รุ่นเหล่านี้เป็นรถที่มีช่วงราคากว้างกว่า CX-50 หรือ CX-5 รุ่นปัจจุบัน
สำหรับในตลาดที่มีถนนค่อนข้างแคบและมีพื้นที่จอดรถขนาดเล็ก อาทิ ยุโรปและญี่ปุ่น มาสด้าจะทำการเปิดตัวแนะนำ CX-60 แบบที่นั่ง 2 แถว และ CX-80 แบบที่นั่ง 3 แถว ในขณะเดียวกัน CX-70 และ CX-90 จะถูกเปิดตัวในอเมริกาเหนือ และตลาดอื่นๆ ที่รถขนาดใหญ่ได้รับความนิยม ซึ่งรถทั้งสองรุ่นนี้จะมาพร้อมกับตัวถังขนาดใหญ่ โดย CX-70 จะเป็นรถที่นั่งแบบ 2 แถว และ CX-90 จะเป็นรถที่นั่งแบบ 3 แถว ซึ่งรถในกลุ่มนี้จะเป็นรุ่นที่มาเสริมความหลากหลายของกลุ่มรถอเนกประสงค์เอสยูวีขนาดกลางของมาสด้าในอนาคต
รถอเนกประสงค์เอสยูวี ที่มาสด้าเตรียมวางแผนเปิดตัวแนะนำนับตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป
กลุ่มผลิตภัณฑ์ รุ่น ตลาดหลักที่จำหน่าย
กลุ่มผลิตภัณฑ์ขนาดใหญ่ มาสด้า CX-60 (แบบที่นั่ง 2 แถว) ยุโรป, ญี่ปุ่น และอื่นๆ มาสด้า CX-70 (ตัวถังขนาดใหญ่, แบบที่นั่ง 2 แถว) อเมริกาเหนือ และอื่นๆ มาสด้า CX-80 (แบบที่นั่ง 3 แถว) ยุโรป, ญี่ปุ่น และอื่นๆ มาสด้า CX-90 (ตัวถังขนาดใหญ่, แบบที่นั่ง 3 แถว) อเมริกาเหนือ และอื่นๆ
กลุ่มผลิตภัณฑ์ขนาดเล็ก มาสด้า CX-50 อเมริกา
รถยนต์รุ่นที่อยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ขนาดใหญ่ จะมาพร้อมกับทางเลือกที่หลากหลายของระบบส่งกำลังจากพลังงานไฟฟ้า เพื่อตอบสนองต่อแผนงานด้านการใช้พลังงานไฟฟ้าของแต่ละประเทศ สำหรับตลาดยุโรป ที่ซึ่งมีระบบการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบนั้น จะมีการเปิดตัวแนะนำรุ่น ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ที่มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินแบบ 4 สูบแถวเรียง ที่ทำงานผสานกับการขับเคลื่อนจากมอเตอร์ นอกจากนี้ เครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-X แบบ 6 สูบแถวเรียง เจเนอเรชั่นใหม่ และเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล SKYACTIV-D แบบ 6 สูบแถวเรียง ก็จะถูกเปิดตัวแนะนำด้วยเช่นกัน โดยจะถูกนำมาใช้ร่วมกับระบบมายด์ ไฮบริด ขนาด 48V เพื่อให้ได้สมรรถนะที่สูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
สำหรับตลาดอเมริกาเหนือ ตลาดที่มีความต้องการรถยนต์ที่สมรรถนะพลังแรงและได้รับความนิยมสูง มาสด้าจะเปิดตัวแนะนำ ทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ แบบ 6 สูบแถวเรียง และระบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า ที่สำคัญเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานและข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม และเนื่องจากในประเทศญี่ปุ่นรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ดีเซลนั้นได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน ดังนั้น มาสด้าวางแผนจะเปิดตัวแนะนำทั้งรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล SKYACTIV-D แบบ 6 สูบแถวเรียง ที่มาพร้อมกับระบบมายด์ ไฮบริด ขนาด 48V และรุ่นปลั๊ก-อิน ไฮบริด ด้วยเช่นกัน
พร้อมกันนี้ มาสด้าพร้อมเดินหน้าจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย สำหรับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่ผลิตในเชิงพาณิชย์ของมาสด้า ซึ่งได้แก่รุ่น MX-30 รวมถึงการเปิดตัวแนะนำรุ่นที่รวมเอาเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานไฟฟ้าหลากหลายรูปแบบ ซึ่งใช้เครื่องยนต์โรตารีเป็นเครื่องกำเนิดพลังงานไฟฟ้า เริ่มตั้งแต่ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 นอกจากนั้น มาสด้ายังจะเปิดตัวแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ใช้แพลตฟอร์ม EV ประมาณปี 2568 และจากการเปิดตัวแนะนำรถยนต์รุ่นเหล่านี้ มาสด้าได้วางแผนเพื่อจะผลิตรถยนต์ที่ใช้การขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในรถยนต์ทุกรุ่น ภายในปี 2573
ในขณะเดียวกัน มาสด้า CX-5 ซึ่งเป็นโมเดลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากนับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปี 2555 นั้น ผู้บริโภคจะได้เห็นการออกแบบที่ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ มาสด้ายังจะเพิ่มความน่าสนใจของผลิตภัณฑ์ด้วยการเปิดตัวแนะนำเทคโนโลยีความปลอดภัยใหม่ล่าสุด และระบบเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัด เพื่อให้ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องและเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผลิตภัณฑ์รถอเนกประสงค์เอสยูวี
ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กร มาสด้ามุ่งมั่นที่จะเป็นแบรนด์ที่สร้างความผูกพันอันแสนพิเศษกับลูกค้าในระยะยาว ด้วยการเติมเต็มชีวิตของพวกเขา ผ่านประสบการณ์การครอบครองรถยนต์ที่ส่งมอบความสุข ความสนุกในการขับขี่ อันเป็นแก่นแท้ของแบรนด์มาสด้า
ข่าวรถวันนี้ : มาสด้า มาแรง โกยยอดขายกันยายน เกือบ 3,000 คัน เติบโต 64% ส่งแคมเปญ MAZDA TRIPLE BONUS รับดีลสุดคุ้ม คว้าโบนัส 3 ต่อ
มาสด้า เผยยอดจำหน่ายรถยนต์มาสด้าประจำเดือนกันยายน โตเพิ่มขึ้นถึง 64% ที่สำคัญเติบโตเพิ่มขึ้นทุกรุ่นทั้งครอสโอเวอร์เอสยูวี CX-Series และรถยนต์นั่ง ชี้เศรษฐกิจไทยเริ่มส่งสัญญาณปรับตัวดีขึ้น ประกาศเดินหน้าเต็มกำลังเตรียมส่งรถใหม่ลุยไตรมาสสุดท้ายของปี พร้อมอัดแคมเปญพิเศษ “MAZDA TRIPLE BONUS รับดีลสุดคุ้ม คว้าโบนัส 3 ต่อ” ให้กับลูกค้าใหม่ ระหว่างวันที่ 9 – 17 ตุลาคม 2564 กับ ดอกเบี้ยต่ำสุด 0% ขับฟรี 3 เดือน ฟรีของพรีเมี่ยมสุดพิเศษ และมอบความคุ้มอีก 3 ต่อ ให้ลูกค้าปัจจุบันที่นำรถเข้ารับบริการ ระหว่างวันที่ 1 – 31 ตุลาคม 2564 เมื่อซื้อยาง 3 เส้น แถมฟรี 1 เส้น หรือรับส่วนลดสูงสุด 1,200 บาท ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน ทุกสินค้าและบริการ และส่วนลดค่าแรงสูงสุด 50% ที่โชว์รูมและศูนย์บริการมาสด้า
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันลดลง ประกอบกับการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์จากภาครัฐที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 ล้วนเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่นและเริ่มกลับมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น รวมถึงรถยนต์ที่ยังคงเป็นปัจจัยที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญและเป็นสินค้าที่มีโอกาสขยายตัว เนื่องจากผู้บริโภคหันมาใช้รถยนต์ส่วนตัวแทนการเดินทางด้วยรถยนต์สาธารณะมากขึ้น จึงทำให้ตลาดรถยนต์ในเดือนกันยายนที่ผ่านมามีภาพรวมอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้น รวมถึงมาสด้า ที่ยอดขายรวมในเดือนกันยายน 2564 เติบโตขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2564 ถึง 64% ซึ่งเราเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดที่ต่ำที่สุดมาแล้ว และถือเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับประชาชนชาวไทยทุกคนที่เศรษฐกิจเริ่มกลับมาเดินหน้าได้อีกครั้ง
สำหรับเดือนกันยายน 2564 ที่ผ่านมา ยอดขายรถยนต์มาสด้ามีการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกรุ่น เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนสิงหาคม 2564 โดยมาสด้า2 ยังคงเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มียอดขายที่ 1,799 คัน หรือเติบโตขึ้นถึง 86% ตามมาด้วย มาสด้า CX-30 จำนวน 484 คัน เพิ่มขึ้น 47% มาสด้า CX-3 จำนวน 350 คัน เพิ่มขึ้น 24% รถปิกอัพมาสด้า บีที-50 จำนวน 144 คัน เพิ่มขึ้น 106% มาสด้า3 จำนวน 122 คัน เพิ่มขึ้น 28% มาสด้า CX-5 จำนวน 46 คัน เพิ่มขึ้น 7% และมาสด้า CX-8 จำนวน 35 คัน เพิ่มขึ้น 35% ตามลำดับ จึงทำให้เดือนที่ผ่านมามาสด้ามียอดขายรถยนต์รวมทุกรุ่นอยู่ที่ 2,980 คัน หรือเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 64%
ในขณะที่ยอดขายสะสมตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนกันยายน 2564 มีจำนวนทั้งสิ้น 25,813 คัน ลดลงเล็กน้อยเพียง 1% โดยแบ่งออกเป็นรถอเนกประสงค์ตระกูล CX-Series จำนวน 9,698 คัน หรือเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 27% ในขณะที่รถยนต์นั่งมียอดขายรวมที่ 15,155 คัน ลดลงเล็กน้อยเพียง 9% ส่วนรถปิกอัพ มาสด้า บีที-50 เริ่มกลับมาได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้น มียอดสะสมจำนวน 960 คัน
นายธีร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “มาสด้ามั่นใจว่าภาพรวมเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมยานยนต์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายจะกลับมาสดใส เนื่องจากเป็นช่วงที่ลูกค้าจับจ่ายใช้สอยกันมากที่สุด ประกอบกับกำลังเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร ภาคธุรกิจและประชาชนต่างขานรับต่อนโยบายของภาครัฐต่อการเปิดประเทศ จึงเชื่อว่าจะช่วยให้เศรษฐกิจกลับมาหมุนเวียนและส่งผลดีต่อภาพรวมอุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่งมาสด้าได้เตรียมความพร้อมเพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนอุตสาหกรรมรถยนต์อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งความพร้อมด้านกลยุทธ์ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านผลิตภัณฑ์ การขาย การบริการ กิจกรรมส่งเสริมการตลาด รวมถึงการเปิดตัวโมเดลธุรกิจแบบใหม่ ซึ่งลูกค้าจะได้สัมผัสในเร็วๆ นี้ เชื่อว่าจะมาเติมเต็มและตอบรับความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบัน และช่วยให้มาสด้าเดินหน้าไปสู่เป้าหมายที่วางไว้”
พร้อมกันนี้ เพื่อเป็นการตอบรับต่อกำลังซื้อที่กำลังจะกลับมาและมอบความคุ้มค่ายิ่งขึ้นให้กับลูกค้า มาสด้าได้เตรียมโปรโมชั่นสุดพิเศษกับแคมเปญ ”MAZDA TRIPLE BONUS รับดีลสุดคุ้ม คว้าโบนัส 3 ต่อ” โดยมอบข้อเสนอให้กับทั้งลูกค้าที่ต้องการออกรถใหม่และลูกค้าปัจจุบันถึง 3 ต่อ ได้แก่
1. ลูกค้าที่ต้องการออกรถใหม่ พบกับข้อเสนอสุดพิเศษที่โชว์รูมมาสด้า ในระหว่างวันที่ 9–17 ตุลาคม 2564 กับความคุ้ม ต่อที่ 1 ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%1 หรือ ต่อที่ 2 ขับฟรี 3 เดือน2 เมื่อซื้อรถยนต์มาสด้าทุกรุ่น และต่อที่ 3 สำหรับลูกค้า 800 ท่านแรก ที่จองรถภายในงาน 3,000 บาท และออกรถภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2564 รับฟรีของพรีเมี่ยมสุดพิเศษกล่องฆ่าเชื้อโรค UV-C จาก Philips มูลค่า 1,590 บาท3
2. ลูกค้าปัจจุบันที่นำรถเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการมาสด้า รับโปรโมชั่นพิเศษ ต่อที่ 1 เมื่อซื้อยาง 3 เส้น แถมฟรี 1 เส้น หรือ รับส่วนลดสูงสุด 1,200 บาท4 ต่อที่ 2 ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน ทุกสินค้าและบริการ5 และต่อที่ 3 ส่วนลดค่าแรงสูงสุด 50%6 ระหว่างวันที่ 1-31 ตุลาคม 2564 ณ ศูนย์บริการมาตรฐานมาสด้าทั่วประเทศ
สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการมาสด้าทั่วประเทศ หรือมาสด้าสปีดไลน์ 02 030 5666 หรือศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์มาสด้า www.mazda.co.th
ข่าวรถวันนี้ (1/10/2021) มาสด้า ห่วงใยลูกค้าที่รถยนต์เสียหายจากภัยน้ำท่วม ลดค่าอะไหล่ 50% ลดค่าแรง 10% ตลอดเดือนตุลาคม
มาสด้าห่วงใยลูกค้าที่รถยนต์ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วม จัดแคมเปญด่วนพิเศษเพื่อมอบส่วนลดค่าอะไหล่ 50%* และส่วนลดค่าแรง 10% ที่ศูนย์บริการรถยนต์มาสด้า ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2564 เพื่อให้การช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของลูกค้าที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยให้สามารถก้าวผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ไปได้อีกครั้ง
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การมอบความใส่ใจและดูแลลูกค้าทั้งด้านการขายและบริการหลังการขาย นับเป็นสิ่งที่มาสด้าให้ความสำคัญมาโดยตลอด มาสด้าพร้อมที่จะให้การดูแลลูกค้าอย่างเต็มความสามารถในทุกสถานการณ์ความยากลำบาก รวมถึงสถานการณ์ในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศไทย ส่งผลให้รถยนต์ของลูกค้าเกิดความเสียหาย มาสด้าจึงต้องการส่งมอบความห่วงใยและให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าอุ่นใจที่จะนำรถยนต์มาเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการมาสด้า และสามารถนำรถกลับไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างปลอดภัย ตามคำมั่นสัญญาของมาสด้าในการให้การดูแลรถยนต์ของลูกค้าอย่างดีที่สุดไปตลอดอายุการใช้งาน
สำหรับครั้งนี้ มาสด้าพร้อมมอบส่วนลดค่าอะไหล่ 50%* และส่วนลดค่าแรง 10% ให้แก่ลูกค้าที่ไม่ได้รับความคุ้มครองความเสียหายจากบริษัทประกันภัยรถยนต์ กรณีได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วม โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 จนถึง 31 ตุลาคม 2564 โดยลูกค้าที่ต้องการนำรถยนต์เข้ารับบริการเพื่อซ่อมบำรุงรักษา สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการมาสด้าในเขตพื้นที่ หรือมาสด้าสปีดไลน์ 0-2030-5666
หมายเหตุ
- *ส่วนลดไม่รวมอุปกรณ์ตกแต่ง ยาง แบตเตอรี่ และสำหรับลูกค้าที่ไม่ได้รับความคุ้มครองจากบริษัทประกันภัย เท่านั้น
- *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด และบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
ข่าวรถวันนี้ 28/09/21 : MAZDA CX-8 ครอสโอเวอร์เอสยูวีพรีเมี่ยม ตอบโจทย์ทุกรูปแบบของชีวิตสะท้อนรสนิยมเหนือระดับ
ปัจจุบัน หลายคนอาจกำลังมองหารถยนต์ที่ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายรูปแบบมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ห้องโดยสารที่กว้างขวางสะดวกสบาย การขึ้นลงและเข้าออกทำได้สะดวก ขับขี่คล่องตัวทั้งในเมืองและการเดินทางไกล รองรับผู้โดยสารได้มากกว่ารถยนต์นั่งทั่วไป จึงเกิดเป็นรถประเภทครอสโอเวอร์เอสยูวีขึ้นมา เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น เฉกเช่น “มาสด้า” ที่ได้พัฒนารถประเภทนี้ขึ้นมาหลายรุ่น ภายใต้ชื่อตระกูล CX-Series ซึ่งรวมถึงการถือกำเนิดขึ้นมาของ CX-8 ครอสโอเวอร์เอสยูวีระดับพรีเมี่ยม ทั้งแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง และแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง ที่เข้ามาเติมเต็มความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น หรือกำลังมองหารถที่โดยสารได้มากกว่า 5 ที่นั่ง ห้องโดยสารเงียบสงบ ระบบช่วงล่างมีความนุ่มนวล มีระบบความปลอดภัยสูง ซึ่งในประเทศไทยถือว่ามีตัวเลือกน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นประเภทที่ถูกดัดแปลงหรือพัฒนามาจากโครงสร้างพื้นฐานของรถกระบะ หรือ PPV ส่งผลให้ไม่คล่องตัวสำหรับการขับขี่ในเมือง ผนวกกับช่วงล่างสไตล์รถกระบะ และความสูงของรถที่ส่งผลต่อความสะดวกในการขึ้น-ลงของผู้สูงอายุและเด็ก ดังนั้น CX-8 จึงเข้ามาเติมเต็มความต้องการของลูกค้าในสังคมไทย โดยเฉพาะช่วงเวลาที่สำคัญของสมาชิกทุกคนในครอบครัวเพื่อก่อให้เกิดมิตรภาพและความอบอุ่นตลอดการเดินทาง
รถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวีมาสด้า CX-8 เปิดตัวในประเทศไทยเมื่อช่วงปลายปี 2562 โดยเป็นรถเจเนอเรชั่นใหม่ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีสกายแอคทีฟอย่างเต็มรูปแบบ ถือเป็นรถยนต์ที่ตอบโจทย์ความต้องการและตรงตามวัตถุประสงค์การใช้งานของลูกค้ามากที่สุด เพราะถูกวางตำแหน่งให้เป็น “New Era of 3-Row Crossover SUV” เป็นครอสโอเวอร์อเนกประสงค์ระดับพรีเมี่ยมแบบ 3 แถว ที่ดีที่สุดในตลาดปัจจุบัน มาพร้อมแนวคิด “The Precious Moment for All” ทุกช่วงเวลา…มีค่าไม่สิ้นสุด เป็นยนตรกรรมที่สร้างแรงบันดาลใจให้ออกไปใช้ชีวิตได้อย่างไร้ขอบเขตและไม่สิ้นสุด และเข้ามาเติมเต็มความต้องการและการใช้ชีวิตของลูกค้าให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
1. คุณค่าด้านความสะดวกสบาย: The Finest Craftsmanship ทุกองค์ประกอบได้รับการออกแบบดุจงานศิลปะขั้นสูง ผ่านการคัดสรรด้วยวัสดุคุณภาพสูงและเปี่ยมไปด้วยความพิถีพิถันใส่ใจในทุกรายละเอียด ซึ่งความโดดเด่นที่สำคัญของมาสด้า CX-8 คือเรื่องความสบายของห้องโดยสาร สามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 7 ที่นั่ง ในรุ่น 3 แถว 7 ที่นั่ง โดยถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของรถยนต์นั่งอย่างแท้จริง เพื่อมอบความสะดวกสบายสูงสุด ทั้งในแง่ของพื้นที่การใช้งาน คุณภาพของห้องโดยสาร สมรรถนะในการขับขี่ที่เหนือกว่า ที่ได้รับการพัฒนาเพื่อเพิ่มสมรรถนะการขับขี่และความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างผู้ขับขี่กับรถ ตามหลัก “Human-Centric Development” ที่พัฒนาโดยมีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง นอกจากนี้ ที่นั่งในแถวที่ 2 และ 3 ก็สามารถนั่งได้อย่างสะดวกสบาย จึงทำให้มาสด้า CX-8 ตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าที่ต้องการความนุ่มนวลและความสะดวกสบายในการขับขี่ ซึ่งช่วยสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารให้ทุกการเดินทางไกลและการขับขี่ในเมืองเต็มไปด้วยความสุข นอกจากนี้ ห้องโดยสารก็ยังมีให้เลือกถึง 2 รูปแบบ ได้แก่ ห้องโดยสารแบบ 7 ที่นั่ง ที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวางมอบความสะดวกสบายในทุกอิริยาบถ และห้องโดยสารแบบ 6 ที่นั่ง ที่มาพร้อมที่นั่งแถวสองแบบ Captain Seat 2 ที่นั่ง แยกอิสระซ้าย-ขวา ที่ตอบโจทย์ความภูมิฐานและความพรีเมี่ยม รวมถึงมอบความสะดวกสบายให้แก่ผู้โดยสารทุกคน
2. คุณค่าด้านการออกแบบที่งดงาม: Elegant and Comfort in Perfect Harmony ในด้านการออกแบบที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งานของทุกคนในครอบครัว มาสด้า CX-8 ยังคงความประณีตพิถีพิถัน ภายใต้ปรัชญา Kodo Design: Soul of Motion ที่เน้นความเรียบง่ายแต่งดงาม ทั้งภายนอกและภายในห้องโดยสาร โดยภายในเลือกใช้แต่วัสดุคุณภาพสูงเพื่อสะท้อนภาพลักษณ์แห่งความภูมิฐาน สง่างามและสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นโทนสีและวัสดุที่ใช้ตกแต่งภายในที่ได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดี การเลือกใช้วัสดุแบบ Real Wood และสีเงินซาตินโครม ผสานอย่างลงตัวกับเบาะหนัง Nappa สีแดง Deep Red ที่ช่วยสร้างบรรยากาศแห่งความอบอุ่นให้กับทุกคนในครอบครัว สำหรับภายนอกก็โดดเด่นไม่ซ้ำแบบใคร ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าของรถที่โดดเด่นด้วยซิกเนเจอร์วิง การตกแต่งเสาบีและเสาซีด้วยวัสดุสีดำเปียโนและโครเมี่ยมที่ช่วยเพิ่มรูปลักษณ์ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ และไฟท้ายที่ตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์ พร้อมมีสีภายนอกให้เลือกมากถึง 6 สี
3. คุณค่าด้านสมรรถนะของเครื่องยนต์: Thrilling Performance ที่สุดของสมรรถนะความแรงที่เปี่ยมไปด้วยพลัง ด้านสมรรถนะเครื่องยนต์ CX-8 มาพร้อมเครื่องยนต์สกายแอคทีฟอันเลื่องชื่อของมาสด้า ซึ่งมีให้เลือกถึง 2 เครื่องยนต์ ได้แก่ เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 2.2 ลิตร ให้พละกำลังสูงถึง 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบวาล์วไอเสียแปรผันอัจฉริยะ VVT และระบบเทอร์โบแปรผัน 2 ขั้น ให้การตอบสนองที่รวดเร็วและแม่นยำด้วยนวัตกรรมในการส่งแรงบิดที่ยอดเยี่ยม และการทำงานที่ราบรื่นจนถึงรอบเครื่องยนต์สูง ในขณะที่มีเสียงรบกวนต่ำ ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม และประหยัดน้ำมันสูงถึง 17.5 กิโลเมตรต่อลิตร และอีกหนึ่งเครื่องยนต์กับสกายแอคทีฟเบนซิน 2.5 ลิตร ให้พละกำลังสูงถึง 194 แรงม้า แรงบิด 258 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่อัจฉริยะ Dual S-VT ที่ถูกพัฒนาให้สามารถตอบสนองอัตราเร่งได้อย่างดีเยี่ยม แม่นยำ และทรงพลัง ให้สมรรถนะการขับขี่ที่คล่องแคล่วและประหยัดน้ำมันได้ถึง 13.2 กิโลเมตรต่อลิตร เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งตอบโจทย์ทุกรูปแบบการขับขี่ไม่ว่าจะเป็นการขับในเมืองหรือการขับขี่ทางไกลที่ต้องใช้ความเร็วสูงก็ตาม
4. คุณค่าการควบคุมการขับขี่จากเทคโนโลยี SKYACTIV-VEHICLE DYNAMIC: More Control with Less Effort เพลิดเพลินกับทุกเส้นทางและมั่นใจในทุกการขับขี่ ด้วยเทคโนโลยีสกายแอคทีฟที่ผสานและควบคุมการทำงานของรถทั้งคัน ให้ทำงานประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ ให้ทั้งความแรง ประหยัดน้ำมัน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงโครงสร้างตัวถังสกายแอคทีฟ ที่ผลิตจากเหล็กกล้าคุณภาพสูง High Tensile Steel น้ำหนักเบาและแข็งแกร่ง ให้การควบคุมรถที่มั่นคง ช่วยลดแรงสะเทือนจากพื้นถนน และกระจายแรงปะทะที่จะเข้าสู่ห้องโดยสารในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ และช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวที่ยึดเกาะถนนมั่นคง ให้ความนุ่มนวลแก่ห้องโดยสาร พร้อมระบบบังคับเลี้ยวที่ช่วยให้เข้าโค้งได้แม่นยำ รวมถึงระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ (GVC) ที่ช่วยให้ทุกการขับขี่เป็นไปได้อย่างง่ายดายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
5. คุณค่าด้านความพร้อมของเทคโนโลยีเพื่อความเพลิดเพลิน: Your World, at Your Fingertips ก้าวสู่ความเหนือระดับด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัด ด้วยความมุ่งมั่นที่จะส่งมอบสุนทรียภาพในการขับขี่ให้กับผู้โดยสารไปตลอดการเดินทาง มาสด้าจึงได้ติดตั้งเทคโนโลยีเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัด Mazda Connect เพื่อตอบโจทย์การใช้งาน ทั้งด้านธุรกิจและครอบครัว ด้วยการอัพเดทข้อมูลข่าวสาร หรือรับ-ส่ง SMS จากสมาร์ทโฟน ผ่านสัญญาณบลูทูธ พร้อมรองรับระบบ Apple CarPlay และระบบ Android Auto ที่เชื่อมต่อแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน และสามารถใช้งานฟังก์ชั่นสำคัญได้ โดยแสดงผลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ที่สามารถควบคุมด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander และสร้างสุนทรียภาพรอบทิศทางด้วยระบบเสียงคุณภาพ Bose® พร้อมลำโพง 10 ตำแหน่ง
6. คุณค่าด้านเทคโนโลยีความปลอดภัย: Unconditional Confidence อีกระดับของความปลอดภัยระดับโลก ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยสุดล้ำ i-Activsense ถึง 10 ระบบ ที่สามารถคาดการณ์และส่งสัญญาณเตือนผู้ขับขี่ให้เพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุ โดยระบบที่ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น ได้แก่ ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring) และระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert) เป็นต้น พร้อมด้วยระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันก่อนเกิดเหตุ (Active Safety) และความปลอดภัยเชิงปกป้องเมื่อเกิดเหตุ (Passive Safety) พร้อมระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง และถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยรวม 6 ตำแหน่ง ที่ช่วยทั้งป้องกันและปกป้องคนที่คุณรักไปตลอดการเดินทาง
จากคุณค่าที่เพียบพร้อมเหล่านี้ จึงทำให้มาสด้า CX-8 กลายเป็นหนึ่งในรถครอสโอเวอร์เอสยูวีรุ่นที่ดีที่สุดของมาสด้า และเป็นรถยนต์ในระดับชั้นแนวหน้าของโลก และเมื่อเร็วๆ นี้ มาสด้า CX-8 ก็ได้สร้างชื่อเสียงในประเทศไทย ด้วยการคว้ารางวัล Thailand Car of the Year ประจำปี 2564 ประเภท Best Diesel SUV Under 2,500 C.C. และ Best Petrol SUV Under 2,500 C.C มาครองได้สำเร็จ อีกด้วย ทั้งนี้ มาสด้า CX-8 มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่น และมีราคาเริ่มต้นเพียง 1,599,000 บาท เท่านั้น ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมรถยนต์มาสด้าทั่วประเทศ หรือ เว็บไซต์ www.mazda.co.th
ข่าวรถวันนี้ : มาสด้า CX-5 ต้นกำเนิดเทคโนโลยีสกายแอคทีฟที่คนไทยและคนทั่วโลกยอมรับ จากพละกำลังดุจเสือชีตาห์สู่ความเรียบหรูสง่างามดุจผลงานศิลปะชิ้นเอกสไตล์ญี่ปุ่น
มาสด้า CX-5 รถอเนกประสงค์ เจเนอเรชั่นแรก เผยโฉมสู่สาธารณชนครั้งแรกของโลกเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2555 ณ ประเทศญี่ปุ่น ทั่วโลกต่างตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดมาสด้าจึงเริ่มต้นการพัฒนาเทคโนโลยีและดีไซน์ใหม่ทั้งหมดลงไปยังรถอเนกประสงค์ ซึ่งขณะนั้นเป็นเซ็กเมนต์เล็กๆ แต่ในทางตรงกันข้ามมาสด้ากลับมองถึงโอกาสในอนาคตที่ต้องการสร้างความแตกต่าง กล้าที่ฉีกจะออกจากกฎเกณฑ์แบบเดิมๆ ที่สำคัญคือต้องเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลกให้หันมานิยมรถอเนกประสงค์มากขึ้น วันนี้สิ่งที่มาสด้าเล็งเห็นและลงมือบุกเบิกนั้นได้ส่งผลลัพธ์ต่อผู้บริโภคให้หันมานิยมรถอเนกประสงค์เอสยูวีมากขึ้นจนถึงปัจจุบันอย่างชัดเจน
จากวันนั้นถึงวันนี้ การมุ่งพัฒนาครอสโอเวอร์เอสยูวีรุ่นแรกที่ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ และการออกแบบจาก “โคโดะ ดีไซน์” Soul of Motion หรือจิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหว เกิดจากการแสดงออกถึงความแข็งแกร่งมีพลังและความคล่องแคล่วปราดเปรียวของเสือซีต้าห์ที่กำลังตระคุบเหยื่อซึ่งเป็นทวงท่าที่สง่างาม นั่นคือแรงบันดาลใจของการออกแบบ รวมถึงความยอดเยี่ยมในทุกมิติจึงได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งจากลูกค้าทั่วโลกภายในเวลาอันรวดเร็ว รวมถึงการคว้ารางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมจากประเทศญี่ปุ่น และรางวัลอันทรงเกียรติจากทั่วทุกมุมโลกมาครองได้มากมาย เดือนพฤศจิกายน 2556 คือการเดินทางมาถึงประเทศไทยเป็นครั้งแรกของ CX-5 เจเนอเรชั่นแรก พร้อมสร้างชื่อเสียงอย่างรวดเร็วเพียง 4 ปี มียอดขายสูงถึง 17,000 คัน
Mazda CX-5 เจเนอเรชั่นแรกที่เปิดตัวในประเทศไทย
ถัดมาเดือนพฤศจิกายน 2560 คือการเดินทางมาของเจเนอเรชั่นที่ 2 ซึ่งแน่นอนว่าได้รับการตอบรับอย่างดีเช่นกัน กลายเป็นหนึ่งในรถอเนกประสงค์ที่ขายดีที่สุดของมาสด้า จนถึงปัจจุบันขายไปแล้วกว่า 15,000 คัน ที่สำคัญนอกจากในประเทศไทยแล้ว ลูกค้าทั่วโลกต่างให้การยอมรับสูงสุดเช่นเดียวกัน และมียอดขายสะสมมากกว่า 8 ล้านคัน
Mazda CX-5 รุ่นปัจจุบัน
อะไรคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้มาสด้า CX-5 ประสบความสำเร็จมากมายเช่นนี้ แน่นอนว่า เกิดจากการนำเอาความสมบูรณ์แบบของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟแพลตฟอร์มเจเนอเรชั่นใหม่ที่มาสด้าคิดค้นขึ้น เพื่อพัฒนาสมรรถนะของรถและเครื่องยนต์ที่ให้พละกำลังแรงแต่ประหยัดน้ำมัน มาผนวกเข้ากับการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ โครงสร้างตัวถัง และแชสซี ไว้ด้วยกัน เพื่อให้ทุกส่วนทำงานประสานสอดคล้องกันและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมกับการศึกษาเชิงสรีระ และธรรมชาติการเดินของมนุษย์มาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างคนกับรถที่สมบูรณ์แบบ และมอบความสะดวกสบายให้ผู้โดยสารตลอดการเดินทาง ด้วยเทคโนโลยีสกายแอคทีฟที่สร้างชื่อให้มาสด้า CX-5 ประกอบด้วยหัวใจหลักสำคัญดังต่อไปนี้
1. จุดเริ่มต้นของความสำเร็จ ปฏิเสธไม่ได้ว่า แม่เหล็กสำคัญที่ดึงผู้บริโภคให้เข้าหามาสด้า คือ การนำเอาเทคโนโลยีสกายแอคทีฟมาใส่ไว้ในรถยนต์ทุกรุ่นในเจเนอเรชั่นที่ 6 ควบคู่ไปกับการนำแนวคิดการออกแบบที่เรียกว่า “โคโดะ ดีไซน์” (KODO Design) มาใช้ตั้งแต่ปี 2556 จนทำให้รถยนต์ของมาสด้าได้รับเสียงตอบรับอย่างดียิ่ง ทำให้มาสด้า
สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้เกิดขึ้นในตลาดรถยนต์เมืองไทยและอาเซียนได้อย่างน่าสนใจ
ต่อมามาสด้าได้นำเสนอธีมการออกแบบใหม่ล่าสุด คือ การสร้างเอกลักษณ์แบบเรียบหรูสง่างาม ELEGANCE เพื่อแสดงถึงคุณค่าแห่งสุนทรียศาสตร์สไตล์ญี่ปุ่น หรือความงดงามที่ละเอียดอ่อน หรูหรา สมบูรณ์แบบ ลดทอนองค์ประกอบที่มากเกินไปคงเหลือไว้แต่สิ่งที่สำคัญ ตามคอนเซ็ปต์ Less is more ซึ่งเป็นรากฐานทางวัฒนธรรมประเพณีของญี่ปุ่น เพื่อแสดงออกถึงความสง่าผ่าเผย มีเสน่ห์ดึงดูดใจ จนกลายเป็นภาพลักษณ์ยุคใหม่ของมาสด้า
2. เครื่องยนต์ SKYACTIV ENGINE มาสด้าเป็นค่ายแรกที่มีเครื่องยนต์ให้เลือกมากที่สุดถึง 3 เครื่องยนต์ เพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าได้มากยิ่งขึ้นนอกจากเหนือจากกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบรถสไตล์เอสยูวี ขยายไปสู่กลุ่มลูกค้าที่ต้องการรถยนต์สมรรถนะสูงและการตอบสนองได้ดั่งใจ ประกอบด้วย
ü SKYACTIV-G 2.5T เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน เทอร์โบ 2.5 ให้กำลังสูงถึง 231 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร มาพร้อมระบบเทอร์โบแบบ Dynamic Pressure ตอบสนองได้รวดเร็วและแม่นยำ อีกทั้งยังมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ อัตโนมัติ i-ACTIV AWD ที่ช่วยปรับระบบการขับขี่ให้เหมาะสมกับสภาพถนน นับเป็นอีกก้าวของความสำเร็จในการพัฒนาเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ
ü SKYACTIV-G 2.0 เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 2.0 เป็นนวัตกรรมของมาสด้าที่ใช้เทคโนโลยีที่ทำให้เครื่องยนต์สันดาปภายในฉีดเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง ทำให้เกิดการเผาไหม้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยอัตราส่วนการอัดสูงถึง 14.0:1 ทำให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น ได้แรงบิดเพิ่มขึ้นจากการทำงานของระบบ Direct Injection Spark Ignitions ที่เพิ่มประสิทธิภาพของส่วนผสมระหว่างน้ำมันกับอากาศจนได้การเผาไหม้ที่สมบูรณ์ ให้พละกำลังแรงถึง 165 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร ประหยัดน้ำมันถึง 13.9 กม./ลิตร
ü SKYACTIV-D 2.2 เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซลขนาด 2.2 ลิตร พร้อมเทอร์โบแปรผันแบบ 2 ขั้น ให้พละกำลังถึง 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ประหยัดน้ำมันถึง 18.2 กม./ลิตร ได้รับการยกระดับเทคโนโลยี เช่น หัวฉีดแบบหลายรู ช่วยให้ฉีดน้ำมันได้อย่างแม่นยำ ลูกสูบเป็นร่องรูปไข่ที่ช่วยรักษาสภาวะการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ ให้อัตราส่วนกำลังอัดต่ำสุดเพียง 14.4:1 มีน้ำหนักเบาและทนทานสูง ได้รับการพัฒนาให้ตัวรถมีน้ำหนักลดลงถึง 10% ปล่อยค่าไอเสีย CO2 ลดลงถึง 20% และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
3. เกียร์อัตโนมัติ SKYACTIV-DRIVE แบบ 6 สปีด ถูกออกแบบเพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดด้วยการรวมข้อดีของเกียร์อัตโนมัติทุกระบบเข้าไว้ด้วยกัน ให้การตอบสนองได้อย่างแม่นยํา การเปลี่ยนเกียร์ที่ราบรื่น ให้อัตราเร่งต่อเนื่อง และประหยัดน้ำมันในทุกรอบความเร็ว ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซลแรงบิดสูง ขณะออกตัวแรงเปลี่ยนเกียร์ได้รวดเร็ว และเร่งแซงได้อย่างนุ่มนวล
4. โครงสร้างตัวถัง SKYACTIV BODY ผลิตจากเหล็กกล้าคุณภาพสูง (High Tensile Steel) น้ำหนักเบา แข็งแกร่ง และทนต่อแรงบิดมากขึ้น มีความปลอดภัยขั้นสูงสุดหากเกิดการชนปะทะ ให้การควบคุมรถที่มั่นคงช่วยลดแรงสะเทือนจากถนนและกระจายแรงปะทะที่จะเข้าสู่ห้องโดยสารในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ รวมถึงช่วยประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น
5. ช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยว SKYACTIV-CHASSIS เทคโนโลยีช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวเจเนอเรชั่นใหม่ที่พัฒนาให้มีน้ำหนักลดลง แต่ให้ความแข็งแกร่งและคล่องตัว ให้การควบคุมที่ดีในทุกช่วงความเร็ว ด้วยระบบบังคับเลี้ยวเจเนอเรชั่นใหม่ด้วยพลังงานไฟฟ้าช่วยให้ควบคุมได้ดั่งใจ รองรับแรงสั่นสะเทือนได้ดียิ่งขึ้น เพิ่มสมรรถนะในการขับขี่และรักษาสเถียรภาพในการทรงตัวได้อย่างเหนือชั้น รวมถึงช่วยเพิ่มประสบการณ์การขับขี่แบบ Jinba-ittai ที่ผสานความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างผู้ขับขี่กับรถได้ดียิ่งขึ้น
6. ระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัฉริยะขั้นสูง G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) มาสด้า CX-5 ได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด G-Vectoring Control Plus ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคโนโลยี SKYACTIV-VEHICLE DYNAMICS ที่พัฒนาต่อจากระบบ GVC ช่วยควบคุมสมรรถนะการขับขี่ให้แม่นยำและสมดุล โดยเฉพาะการเข้าโค้งและสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ขับขี่สัมผัสถึงความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างคนกับรถได้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
7. ระบบ i-ACTIVSENSE ได้รับการพัฒนาให้มีความปลอดภัยระดับโลก ความปลอดภัยเชิงป้องกัน Mazda Proactive Safety เป็นวิธีการอันเข้มข้นในการเพิ่มสภาวะที่ผู้ขับขี่สามารถขับรถได้อย่างปลอดภัยให้ได้มากที่สุดและมั่นใจยิ่งขึ้น มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เกิดความสุขในการขับขี่ที่แท้จริงสำหรับลูกค้าทุกคน ฟังก์ชั่นและคุณลักษณะความปลอดภัยก่อนเกิดเหตุที่เพิ่มขึ้นใหม่ ทำให้เทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงของมาสด้าช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถระบุความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นก่อน และลดโอกาสที่จะเกิดความเสียหายหรือการบาดเจ็บ รวมถึงการเริ่มนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้เพื่อสนับสนุนการรับรู้และการขับขี่ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น
8. KODO design ความสวยงามอันละเอียดอ่อนที่แสดงถึงความแข็งแกร่งอันประณีต การพัฒนา CX-5 มุ่งเป้าไปที่การกระตุ้นอารมณ์และความมีชีวิตชีวาอันทรงพลังภายใต้แนวคิด “Kodo design” Soul of Motion หรือจิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหว มาต่อยอดไปสู่ระดับที่สูงขึ้นด้วยการสร้างความรู้สึกถึงความงามอย่างสดชื่นที่ดึงดูดความรู้สึกอ่อนไหว ด้วยความมุ่งมั่นในการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่บรรจงสรรสร้างขึ้น ทีมออกแบบมุ่งเน้นไปที่สุนทรียศาสตร์แบบญี่ปุ่น เริ่มต้นด้วยรูปแบบที่เรียบง่ายปราศจากชิ้นส่วนที่ไม่จำเป็นเฉกเช่นเดียวกับที่ใช้ในงานหัตถกรรมสไตล์ญี่ปุ่น โดยนำแนวคิด “ความแข็งแกร่งอันประณีต” มาใช้เป็นแกนหลัก ได้แก่ “รูปทรงที่ใหญ่โต” “รูปแบบที่สง่างาม” และ “ความลงตัวและงานตกแต่งที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด” เป็นแกนหลักในการออกแบบภายนอกและภายใน
9. เอกสิทธิ์เฉพาะมาสด้ากับสีแดง Soul Red Crystal มาสด้าได้สร้างสีสันของตัวถังให้สดใสและความลึกที่บริสุทธิ์ เพื่อสร้างความประทับใจเสมือนหนึ่งว่าได้ชาร์จพลังงานมาอย่างเต็มที่ด้วยสี Soul Red Crystal ด้วยความเชื่อที่ว่าสีคือองค์ประกอบสำคัญของการออกแบบ มาสด้าได้พัฒนาคุณลักษณะนี้อีกครั้งเพื่อให้เห็นถึงความสวยงามและคุณภาพของรูปทรงของตัวถังตาม Kodo design ด้วยการเพิ่มระดับความสว่างและเพิ่มความลึกของสีให้ดูมีมิติมากขึ้น ใช้การเคลือบสีสามชั้น ได้แก่ ชั้นสะท้อนแสง ชั้น
โปร่งแสง และเคลือบใสด้านบน เป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของเทคโนโลยีการพ่นสี TAKUMINURI เพื่อให้ได้สีแดงที่สดใสขึ้น ชั้นโปร่งแสงใช้เม็ดสีที่มีความเข้มสูง พัฒนาขึ้นโดยพิจารณาถึงลักษณะทางกายภาพของแสง ชั้นสะท้อนแสงเป็นทินเนอร์และใช้เกล็ดอลูมิเนียมขนาดเล็กที่มีความสว่างสูง ตลอดจนเกล็ดที่ดูดซับแสงบนพื้นผิวของตัวถัง ผลลัพธ์ที่ได้คือการสะท้อนที่ก่อให้เกิดไฮไลท์ของแสงและเงาที่สดใสดูมีมิติ
นอกจากคุณภาพที่อัดแน่นจากเทคโนโลยีสกายแอคทีฟแล้ว ยังมีองค์ประกอบอื่นที่สนับสนุนให้ CX-5 ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบที่เรียบง่ายแต่งดงาม เทคโนโลยีความปลอดภัยระดับโลก สมรรถนะการขับขี่ที่ทั้งแรงและประหยัดน้ำมัน อุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายครบครัน เทคโนโลยีการติดต่อสื่อสาร Mazda Connect ที่ช่วยให้ไม่พลาดทุกการสื่อสาร จึงทำให้ CX-5 สามารถครองใจลูกค้าจากทั่วทุกมุมทั่วโลกมาจนถึงทุกวันนี้ ตลอดจนการคว้ารางวัลการันตีความสำเร็จมาแล้วมากมายจากเวทีระดับนานาชาติรวมถึงในประเทศไทยด้วยเช่นกัน
มาสด้า CX-5 สร้างเกียรติประวัติไว้มากมายกว่า 90 รางวัลจากทั่วโลก อาทิเช่น
- รางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมของประเทศญี่ปุ่น หรือ Japan Car of The Year ประจำปี 2555 – 2556
- รางวัล Car of the Year 2012: Crossover of the Year ประจำปี 2555 จากประเทศนิวซีแลนด์
- รางวัล AUTOCAR ASEAN Car of the Year Awards 2012 Small/Midsize SUV (อาเซียน) ในปี 2555
- รางวัล JNCAP Five-star award ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 2556
- IIHS Top Safety Pick+ Safety award ประเทศสหรัฐอเมริกา ปี 2556
- Top honors in J.D. Power APEAL Survey Compact SUV Segment ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี 2558
- Top ASV + Rating in JNCAP Safety Performance Assessment ประเทศญี่ปุ่น ในปี 2558
- ได้รับคะแนนความปลอดภัยสูงสุดของโครงสร้างตัวถังสกายแอคทีฟ-บอดี้ “Top Safety Pick” จากสถาบันเพื่อความปลอดภัยบนถนนหลวงของประเทศสหรัฐอมริกา Insurance Institute for Highway Safety (IIHS) ในปี 2558
- รางวัล National Car Clubs ประเภท Most economical medium SUV ประเทศออสเตรเลีย ในปี 2559
- รางวัลด้านความปลอดภัย มาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดระดับ 5 ดาว จากยุโรป หรือ Euro NCAP ในปี 2560
- รางวัล BEST SUV UNDER 2,500 CC DIESEL จาก Thailand Car of the Year ในปี 2563
ข่าวรถวันนี้ (7/09/2021) : มาสด้า อัดแคมเปญแรง “Mazda 9.9 Surprise Deal” ดอกเบี้ย 0% ขับฟรี 90 วัน ส่วนลดค่าแรง 50% อุปกรณ์ตกแต่งแท้ราคาเริ่มต้น 999 บาท
มาสด้า อัดแคมเปญแรง “Mazda 9.9 Surprise Deal” 9 เดือน 9 กับที่สุดแห่งข้อเสนอ มอบความพิเศษให้ลูกค้าที่สนใจออกรถใหม่ ระหว่างวันที่ 9 – 19 กันยายน 2564 ด้วยดอกเบี้ยต่ำสุด 0% ขับฟรี 90 วัน ฟรีประกันชั้น 1 Mazda Premium Insurance ฟรีของพรีเมี่ยมสุดพิเศษมูลค่า 690 บาท เมื่อจองภายในงานฯ ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ พร้อมมอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้าที่นำรถมาเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการมาสด้า ฟรีบริการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อภายในรถยนต์ รับส่วนลดค่าแรง 50% อุปกรณ์ตกแต่งแท้ราคาเริ่มต้นเพียง 999 บาท พร้อมโปรแกรมผ่อนชำระสบายๆ 0% นานสูงสุด 10 เดือน ระหว่างวันที่ 9 – 30 กันยายน 2564 นี้
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มเห็นแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับประชาชนต่างได้รับวัคซีนเพิ่มมากขึ้น ทำให้รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในเดือนกันยายน ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีและเป็นปัจจัยบวกที่จะมากระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีให้กลับมาสดใสมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยอดการจำหน่ายรถยนต์ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมายังคงทรงตัวอยู่ที่ประมาณ 42,000 คัน โดยมาสด้ามียอดขาย 1,813 คัน แบ่งออกเป็นรถยนต์นั่ง 1,061 คัน รถอเนกประสงค์เอสยูวี 682 คัน และรถปิกอัพมาสด้า บีที-50 จำนวน 70 คัน เนื่องจากได้รับผลกระทบรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น การเข้าสู่ช่วงฤดูฝน การเข้มงวดด้านมาตรการต่างๆ ในทุกพื้นที่ยังคงมีการระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้า เชื่อว่าตั้งแต่เดือนกันยายนนี้เป็นต้นไปสถานการณ์จะเริ่มกลับมาดีขึ้น โดยเฉพาะไตรมาสสุดท้ายของปีนี้แนวโน้มเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะกลับมาเดินหน้าได้อีกครั้ง
สำหรับเดือนกันยายนถือเป็นการเริ่มออกสตาร์ทตลาดรถยนต์อีกครั้ง โดยมาสด้าพร้อมเดินหน้าเต็มกำลังเตรียมบุกตลาดครบทุกเซ็กเมนต์ โดยเฉพาะเดือนนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับลูกค้าที่ต้องการออกรถใหม่ ซึ่งมาสด้าได้เตรียมข้อเสนอพิเศษกับแคมเปญ “Mazda 9.9 Surprise Deal” 9 เดือน 9 กับที่สุดแห่งข้อเสนอ เพื่อมอบความพิเศษมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%1 ขับฟรี 90 วัน2 ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance1 พร้อมฟรีของพรีเมี่ยมสุดพิเศษ มูลค่า 690 บาท3 สำหรับลูกค้า 800 ท่านแรกที่จองรถระหว่างวันที่ 9 – 19 กันยายน 2564 ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ
พร้อมกันนี้มาสด้ายังมอบข้อเสนอเพื่อช่วยดูแลรถให้กับลูกค้าทุกท่าน โดยเฉพาะลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยน้ำท่วมมาตั้งแต่ 1 กันยายน จนถึง 30 ตุลาคม 2564 มาสด้ามอบส่วนลดค่าอะไหล่ 50% และส่วนลดค่าแรง 10% นอกจากนี้มาสด้ายังมอบโปรโมชั่นฟรีบริการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อภายในรถยนต์และรับส่วนลดค่าแรง 50%4 เมื่อนัดหมายล่วงหน้าและเข้ารับบริการระหว่างวันจันทร์ – ศุกร์ ที่ศูนย์บริการฯ นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถเพิ่มมนต์เสน่ห์ให้กับรถยนต์ด้วยอุปกรณ์ตกแต่งแท้ราคาเริ่มต้นเพียง 999 บาท ควบคู่กับโปรแกรมผ่อนชำระสบายๆ 0% นานสูงสุด 10 เดือน5 สำหรับทุกสินค้าและบริการหลังการขายในศูนย์บริการฯ พร้อมรับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมอีกมากมาย ทั้งคะแนนสะสม 3 เท่า แลกรับเครดิตเงินคืน5 โดยข้อเสนอนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 – 30 กันยายน 2564 ที่ศูนย์บริการมาสด้าทั่วประเทศ ลูกค้าที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โชว์รูมและศูนย์บริการมาสด้าทั่วประเทศ หรือมาสด้าสปีดไลน์ 0-2030-5666 หรือศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์มาสด้า www.mazda.co.th
ข่าวรถวันนี้ (1/09/2021) : มาสด้า ส่งมอบปิกอัพ ALL-NEW MAZDA BT-50 ให้กับโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์เพื่อปฏิบัติภารกิจพิชิตโควิด-19
บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด โดย ดร.ปณัสย์ บุญค้ำ รองประธานบริหารฝ่ายบริการหลังการขาย เป็นตัวแทนส่งมอบรถปิกอัพเจเนอเรชั่นใหม่ ALL-NEW MAZDA BT-50 ให้กับโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์และศูนย์ฉีดวัคซีน เพื่อใช้ในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 โดยมี ผศ.นพ. ฉัตรชัย มิ่งมาลัยรักษ์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ พร้อมด้วย ผศ.ดร. ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ผู้จัดการ โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์และศูนย์วัคซีนธรรมศาสตร์ และ ผศ.ปราณิศา บุญค้ำ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายบริหารศูนย์รังสิตด้านกายภาพ เป็นผู้รับมอบ ซึ่งการส่งมอบฯ ครั้งนี้ นับเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “มาสด้า ปันสุข” ที่มาสด้าได้ริเริ่มขึ้นเพื่อให้ความช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์ของประชาชนทั่วประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อให้ทุกคนก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยกัน
ดร. ปณัสย์ บุญค้ำ รองประธานบริหารฝ่ายบริการหลังการขาย บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 ขึ้นในประเทศไทย เราได้เห็นบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อดูแลรักษาผู้ป่วยและให้การช่วยเหลือประชาชน ซึ่งมาสด้า ในฐานะบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ตระหนักถึงการมีส่วนร่วมที่จะช่วยอำนวยความสะดวก ด้วยการมอบรถปิกอัพเจเนอเรชั่นใหม่ All-New Mazda BT-50 ให้กับโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ เพื่อใช้ในการปฏิบัติภารกิจของเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็น การขนส่งอุปกรณ์และเครื่องมือ เมื่อต้องออกไปปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลสนามฯ ศูนย์วัคซีน และหน่วยงาน Home Isolation รวมถึงเพื่อใช้ในการขนส่งอาหารที่ผู้มีจิตอาสานำมาบริจาคในแต่ละวัน และนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนในเขตชุมชนบริเวณโดยรอบ เพื่อส่งต่อให้เกิดการแบ่งปันขึ้นในสังคมไทย และแบ่งปันน้ำใจไปยังผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนทุกคน
หลังจากส่งมอบรถปิกอัพ All-New Mazda BT-50 ให้กับโรงพยาบาลสนามแล้ว มาสด้ายังให้การช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการขนส่งอาหารและออกเดินทางไปช่วยแจกจ่ายให้แก่ประชนในชุมชนใกล้เคียงอีกด้วย ซึ่งมาสด้าขอขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ และผู้มีจิตอาสาทุกท่านที่คอยให้ การช่วยเหลือผู้ป่วยและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 และขอส่งกำลังใจไปยังพี่น้องชาวไทยทุกคนขอให้ก้าวผ่านสถานการณ์นี้ไปด้วยกันอย่างมั่นคงอีกครั้งหนึ่ง
การส่งมอบรถปิกอัพ All-New Mazda BT-50 ให้กับโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ในครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมภายใต้โครงการ “มาสด้า ปันสุข” ที่มาสด้าได้ริเริ่มขึ้นในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2563 ภายหลังเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์ของพี่น้องชาวไทยทั่วประเทศ อาทิ การจัดตั้ง “ตู้ปันสุข” ที่หน้าโชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ เพื่อเป็นสื่อกลางในการแบ่งปันอาหารและสิ่งของที่จำเป็นให้แก่ผู้ที่ขาดแคลน การจัดกิจกรรม “มาสด้า คาราวาน ปันสุข” ด้วยการขับคาราวานรถยนต์มาสด้า สีแดง โซลเรด คริสตัล ไปมอบทุนการศึกษา อุปกรณ์การเรียนการสอนและอุปกรณ์กีฬา ให้แก่เด็กนักเรียนใน 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ และครั้งนี้ ก็นับเป็นอีกครั้งที่มาสด้าได้มีโอกาสแบ่งปัน และให้การช่วยเหลือสังคมด้วยการส่งมอบรถปิกอัพ All-New Mazda BT-50 รุ่นใหม่ล่าสุด ให้กับโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ ในการช่วยเหลือประชาชน.
ข่าวรถวันนี้ (13/08/21) “มาสด้า ปันสุข” เริ่มปันความสุขแล้วทั่วฟ้าเมืองไทย
มาสด้าเริ่มเดินหน้าโครงการ “มาสด้า ปันสุข ปี 2” เต็มกำลัง จัดตั้งตู้ “ปันสุข” หน้าโชว์รูมรถยนต์มาสด้าตลอดเดือนสิงหาคม พร้อมขบวนคาราวานไปทั่วทุกชุมชน เพื่อแบ่งปันอาหาร ยาสามัญประจำบ้าน และสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีพให้แก่พี่น้องชาวไทยทั่วประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 พร้อมส่งมอบการแบ่งปันไปยังกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ เยาวชน และประชาชนทุกคนที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ต่างๆ อย่างทั่วถึง เพื่อต่อเติมพลังแรงใจและสนับสนุนให้ทุกคนสามารถก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้อีกครั้ง ทั้งนี้ กิจกรรมได้เริ่มเป็นวันแรกเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา และจะจัดขึ้นตลอดเดือนสิงหาคม จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2564 ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความอิ่มเอมใจของทั้งผู้ให้และผู้รับไปพร้อมๆ กัน
นอกจากนี้ มาสด้ายังได้จัดขบวนคาราวานเข้าไปส่งมอบสิ่งของที่จำเป็นกับการแบ่งปันและส่งกำลังใจไปให้ประชนชนในทุกกลุ่มในทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น บุคลากรทางการแพทย์ เยาวชน หรือเจ้าหน้าที่ภาครัฐ รวมถึงจัดตั้ง “ตู้ปันสุข” ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการแบ่งปันความสุขในครั้งนี้ได้ถ้วนหน้ามากยิ่งขึ้น
โครงการ “มาสด้า ปันสุข ปี 2” จะจัดขึ้นจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2564 ซึ่งพี่น้องประชาชนที่ต้องการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการแบ่งปันในครั้งนี้ สามารถนำสิ่งของต่างๆ มาสมทบที่ “ตู้ปันสุข” บริเวณหน้าโชว์รูมรถยนต์มาสด้าได้ด้วยเช่นกัน โดยได้วางมาตรการเพื่อความปลอดภัยทางด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ด้วยการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อที่ “ตู้ปันสุข” ทุก 1-2 ชั่วโมง และวางมาตรการเว้นระยะห่างจากการสัมผัสให้มากที่สุด เพื่อให้ทุกท่านอุ่นใจและปลอดภัยจากโรคโควิด-19
มาสด้าขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งจากพลังเล็กๆ เพื่อสร้างสรรค์สังคมแห่งการแบ่งปันที่ยั่งยืนในประเทศไทย ซึ่งความคาดหวังของมาสด้า คือการได้เห็นรอยยิ้มของทุกคนจากการได้เป็นทั้ง “ผู้ให้” และ “ผู้รับ” และสามารถก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยกันได้อย่างมั่นคงอีกครั้ง ทั้งนี้ มาสด้าจะยังคงเดินหน้าสานต่อโครงการ “มาสด้า ปันสุข” และกิจกรรมเพื่อสังคมตลอดไป เพื่อให้การช่วยเหลือคนไทยในทุกสถานการณ์ความยากลำบาก ตามความวิสัยทัศน์ของมาสด้า เพื่อโลก เพื่อสังคม และเพื่อผู้คน ที่ยั่งยืนตลอดไป
ข่าวรถวันนี้ : มาสด้า เติมฝันให้ลูกค้าใหม่ ปันสุขให้ลูกค้าเก่า ขับฟรี 90 วัน ดอกเบี้ย 0% ตรวจเช็กฟรี รับส่วนลดค่าแรง 50%
มาสด้าสานฝันลูกค้าที่ต้องการออกรถใหม่ในเดือนสิงหาคมกับโครงการ “มาสด้า ปันสุข” ช่วงเวลาเติมฝัน ปันความสุข เพื่อส่งมอบความสุขให้กับลูกค้าที่สนใจรถยนต์มาสด้า รวมทั้งมอบสิทธิพิเศษมากมายสำหรับลูกค้าปัจจุบัน ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษดอกเบี้ยต่ำสุด 0%1 ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance1 ขับฟรี 90 วัน2 และฟรี Fast Wireless Charging Power Bank Eloop EW353 โดยจัดกิจกรรมขึ้นในระหว่างวันที่ 7 – 15 สิงหาคม 2564 ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ รวมถึงมอบสิทธิพิเศษเพื่อช่วยดูแลรถยนต์ของลูกค้าและช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในช่วงนี้ เมื่อนำรถเข้ารับบริการรับข้อเสนอสุดพิเศษ อาทิ ผ่อนชำระสบายๆ 0% นานสูงสุด 10 เดือน1 สำหรับสินค้าและบริการหลังการขายในศูนย์บริการฯ ตรวจสภาพรถฟรี 20 รายการ1 ฟรีบริการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อภายในรถยนต์1 และส่วนลดค่าแรง 50%4 ในระหว่างวันที่ 7 – 31 สิงหาคม 2564
นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากการระบาดของโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคมจนถึงปัจจุบันนี้ ได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อวิถีการดำเนินชีวิตของประชาชน รวมถึงสภาพเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมรถยนต์ จึงทำให้ยอดขายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่อย่างไรก็ตามรถยนต์มาสด้าก็ยังคงได้รับความสนใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง สามารถทำยอดขายรวมได้ 2,112 คัน โดยรุ่นที่ขายได้มากสุดยังคงเป็นรถยนต์นั่งมาสด้า2 จำนวน 1,147 คัน ตามมาด้วย CX-30 จำนวน 356 คัน CX-3 จำนวน 282 คัน มาสด้า3 จำนวน 131 คัน ปิกอัพ บีที-50 จำนวน 80 คัน CX-5 จำนวน 65 คัน และ CX-8 จำนวน 51 คัน ตามลำดับ ซึ่งมาสด้าขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ยังคงให้การสนับสนุนมาสด้าเป็นอย่างดี แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ความยากลำบากก็ตาม
ด้วยเหตุนี้ มาสด้าจึงถือโอกาสนี้เพื่อขอบคุณลูกค้าที่ให้ความเชื่อมั่นในแบรนด์มาสด้ามาโดยตลอด ด้วยการส่งมอบแคมเปญตลอดเดือนสิงหาคมนี้ กับ “มาสด้า ปันสุข” ช่วงเวลาเติมฝัน ปันความสุข เพื่อช่วยดูแลและแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของทั้งลูกค้าใหม่ที่สนใจรถยนต์มาสด้า รวมทั้งลูกค้าในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าที่ต้องการซื้อรถใหม่เพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ประกอบอาชีพ หรือลูกค้าปัจจุบันที่ต้องการนำรถเข้ามารับการดูแลบำรุงรักษาที่ศูนย์บริการมาสด้า เพื่อให้ได้รับการบริการที่ต่อเนื่องและสามารถนำรถกลับไปใช้ได้อย่างปลอดภัย
1. พิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ ลูกค้าที่สนใจเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้าสามารถพบกับกิจกรรม “มาสด้า ปันสุข” ได้ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ ในระหว่างวันที่ 7 – 15 สิงหาคม 2564 เพียงแวะเข้ามาชมรถ รับฟรีทันที Mazda Alcohol Sanitizer Spray พร้อมรับข้อเสนอดอกเบี้ยต่ำสุด 0%1, ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance1 ขับฟรี 90 วัน (เฉพาะมาสด้า2 ทุกรุ่น)2 และพิเศษยิ่งไปกว่านั้น ลูกค้า 1,000 ท่านแรกที่จองซื้อรถตั้งแต่ 3,000 บาท ขึ้นไป และออกรถภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2654 รับฟรี Fast Wireless Charging Power Bank Eloop EW35 จากมาสด้า มูลค่า 690 บาท3
2. พิเศษสำหรับลูกค้าปัจจุบัน มาสด้าขอมอบการดูแลที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้าที่ต้องการนำรถเข้ามารับการดูแลที่ศูนย์บริการ รับข้อเสนอ ผ่อนชำระสบายๆ 0% นานสูงสุด 10 เดือน1 สำหรับสินค้าและบริการหลังการขาย, บริการตรวจเช็กสภาพรถฟรี 20 รายการ1 ทั้งระบบช่วงล่าง เครื่องยนต์ และระบบความปลอดภัย, ฟรีบริการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อภายในรถยนต์1 ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อที่ไม่ก่อให้เกิดการเสียหายต่อชิ้นส่วนอุปกรณ์ทั้งภายนอกและภายในตัวรถ และส่วนลดค่าแรง 50%4 สำหรับการเข้ารับบริการระหว่างวันจันทร์ – ศุกร์ เมื่อทำการนัดหมายเพื่อเข้ารับบริการล่วงหน้า โดยเริ่มระหว่างวันที่ 7 – 31 สิงหาคม 2564 ณ ศูนย์บริการมาตรฐานมาสด้าทั่วประเทศ
สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการมาสด้าทั่วประเทศ หรือมาสด้าสปีดไลน์ 02 030 5666 หรือศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์มาสด้า www.mazda.co.th
ข่าวรถวันนี้ : มาสด้า ร่วมแบ่งปันน้ำใจสานต่อโครงการ “มาสด้าปันสุข” ปี 2 ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กำลังส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของคนไทยและผู้คนทั่วโลก
มาสด้าขอส่งกำลังแรงใจไปยังบุคลากรทางด้านสาธารณสุขและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน พี่ๆ สื่อมวลชน รวมทั้งประชาชนชาวไทยทุกคนขอให้ทุกคนเข้มแข็งและอดทนเราจะจับมือก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน วันนี้สถานการณ์ต่างๆ ยังคงต้องพึงพาอาศัยกำลังใจจากทุกฝ่ายเพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนวิถีชีวิตให้ก้าวเดินต่อไป
มาสด้าพร้อมกับผู้จำหน่ายรถยนต์มาสด้าทั่วประเทศ ประกาศสานต่อโครงการแบ่งปันน้ำใจสู่ชุมชน “มาสด้า ปันสุข ปี 2” โดยจัดตั้ง “ตู้ปันสุข” ที่บริเวณด้านหน้าโชว์รูมรถยนต์มาสด้าทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดตลอดเดือนสิงหาคม นี้ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการแบ่งปันอาหาร ยาสามัญประจำบ้าน และของใช้ที่จำเป็นในการดำรงชีพให้แก่ประชาชนทั่วประเทศ เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการระบาดของโควิด-19 และร่วมแบ่งปันสิ่งดีๆ คืนกลับสู่สังคม พร้อมกันนี้ มาสด้าใคร่ขอเชิญชวนพี่ๆ สื่อมวลชนทุกๆ ท่านร่วมเปลี่ยนกรอบภาพ Profile บน Facebook เพื่อร่วมแสดงออกถึงพลังที่ยิ่งใหญ่กับการแบ่งปันน้ำใจสู่ชาวไทยในครั้งนี้
วิธีเปลี่ยน: 1. กดที่ภาพ Profile 2. เพิ่มกรอบรูป (Add Frame) 3. #mazdapunsuk
ข่าวรถวันนี้ : มาสด้า มั่นใจ CX-30 คือที่สุดแห่งครอสโอเวอร์เอสยูวีระดับโลก
มาสด้า CX-30 เผยโฉมสู่สาธารณชนในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ การปรากฏกายขึ้นครั้งแรกสร้างความฮือฮาตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก เกิดกระแสตอบรับเป็นอย่างดีและสร้างชื่อเสียงกระหึ่มไปทั่วโลกในเวลาอันรวดเร็ว เพราะนี่คือ ครอสโอเวอร์เอสยูวีที่เป็นต้นแบบแห่งความสง่างาม ภายใต้การออกแบบ KODO Design เจเนอเรชั่นใหม่ ถูกถ่ายทอด DNA จากยานยนต์ต้นแบบ VISION COUPE อันเกิดจากศิลปะของแสงและเงา The artistry of light เกิดเป็นนิยามใหม่ของความมีชีวิตชีวา Breathing life into the car โดยนำปรากฏการณ์ความสวยงามตามธรรมชาติผ่านการรังสรรค์ด้วยความประณีตก่อเกิดเป็นความวิจิตรงดงามเฉกเช่นผลงานศิลปะชิ้นเอก เพื่อส่งมอบความมีชีวิตชีวาให้กับรถยนต์เสมือนมีชีวิต
ด้วยคุณสมบัติที่เพียบพร้อมในทุกๆ ด้าน ทำให้รถรุ่นนี้คว้ารางวัลอันทรงเกียรติมากมายจากทั่วโลก อาทิ รางวัล Golden steering wheel award 2019 ประเภท Compact SUV จากประเทศเยอรมนี รางวัล Red Dot award 2020 ประเภท Product design จากประเทศเยอรมนี รางวัล Design trophy 2020 ประเภท SUV และประเภท Champion of all classes จากประเทศเยอรมนี รวมถึงเป็นแบรนด์ญี่ปุ่นเพียงหนึ่งเดียวที่เข้ารอบ 3 คันสุดท้ายเพื่อชิงรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมของโลก Top 3 world car of the year 2020 และ world car design of the year ในปีเดียวกัน ซึ่งรางวัลการันตีนี้แสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์แบบในทุกด้านของ CX-30 ที่เปี่ยมด้วยความสง่างามพรีเมี่ยมและเป็นที่ยอมรับจากลูกค้าทั่วโลก
แน่นอนว่าในประเทศไทยคงยากที่จะปฏิเสธว่ารถครอสโอเวอร์รุ่นนี้ร้อนแรงไม่แพ้ใครในโลกใบนี้เช่นกัน ตั้งแต่เปิดตัวช่วงต้นปี 2563 เพียงไม่กี่สัปดาห์ก็สร้างกระแสฟีเวอร์ทำยอดจองถล่มทลายถึง 2,000 คัน จนปัจจุบัน CX-30 มียอดขายสะสมกว่า 10,000 คัน รวมถึงสร้างชื่อเสียงให้กับมาสด้าด้วยการคว้ารางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2563 หรือ Thailand car of the year 2020 มาครองได้อย่างภาคภูมิใจ ด้วยคุณสมบัติโดดเด่นรอบด้านจึงทำให้แฟนๆ มาสด้าติดอกติดใจ หรือแม้กระทั่งคนที่ไม่เคยมีมาสด้าในสายตาต้องเหลียวหลังกลับมามอง วันนี้เราจะมาเจาะลึกรายละเอียดกันว่าอะไรคือเหตุผลที่ทำให้ CX-30 กลายเป็นต้นแบบแห่งความสง่างาม อะไรคือแก่นแท้ที่ทำให้ CX-30 ได้รับความนิยมจากชาวไทยมาจนถึงวันนี้
1. พรีเมี่ยมครอสโอเวอร์ต้นแบบแห่งความสง่างาม สปอร์ต โฉบเฉี่ยวทุกมุมมอง
ความหรูหราสง่างามที่แตกต่างจากครอสโอเวอร์ทั่วๆ ไป คือสิ่งที่ดึงดูดให้ผู้พบเห็นต่างหันกลับมาเหลียวมอง CX-30 ซึ่งความสง่างามนี้เกิดจากการยกระดับการออกแบบให้เกิดการเคลื่อนไหวที่งดงามและโดดเด่นตามแนวคิด KODO: Soul of motion เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด ได้รับแรงบันดาลใจจากสุนทรียศาสตร์แบบญี่ปุ่นที่มีความสง่างามเฉกเช่นเดียวกับรถต้นแบบ VISION COUPE ที่เผยโฉมในปี 2560 รถรุ่นนี้จึงโดดเด่นและแตกต่าง โดยการลดทอนบางสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป Less is More เกิดเป็นความเรียบง่ายแต่หรูหรา สะดุดตาจากการสะท้อนของเส้นสายและแสงเงาที่ตกกระทบบนตัวรถเป็นรูปตัวเอส และกลายเป็นความงามที่ผสมผสานกับความพลิ้วไหวสไตล์รถคูเป้และความแข็งแกร่งของเอสยูวี ที่โฉบเฉี่ยว มั่นคง และทรงพลัง ต้องตาต้องใจผู้พบเห็น จนได้ขึ้นชื่อว่าเป็นรถต้นแบบแห่งความสง่างาม
2. ภายในหรูหรา พรีเมี่ยม กว้างขวาง เติมเต็มทุกรูปแบบของการใช้ชีวิต
ภายในของ CX-30 แสดงออกถึงความโดดเด่นและมีคุณภาพอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้เฉพาะวัสดุคุณภาพสูง การออกแบบอย่างพิถีพิถันใส่ใจในทุกรายละเอียด การตัดเย็บอย่างประณีตราวกับงานทำมือ เลือกใช้การตกแต่งภายในด้วยเบาะหนังสีน้ำตาลเข้มที่ช่วยสร้างความรู้สึกภูมิฐานและพรีเมี่ยมได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้น พื้นที่ภายในห้องโดยสารยังได้ถูกพัฒนาให้มีความกว้างขวางเพียงพอสำหรับผู้โดยสารในทุกตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นระยะห่างระหว่างเบาะนั่ง พื้นที่บริเวณคอนโซลกลาง ที่พักแขนบริเวณประตูและความกว้างของห้องโดยสารด้านหลัง ทำให้ผู้โดยสารสามารถแบ่งปันช่วงเวลาดีๆ กับครอบครัวหรือเพื่อนได้ตลอดการเดินทาง ไม่เพียงเท่านั้น รถรุ่นนี้ยังออกแบบโดยเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายเพื่อตอบสนองทุกรูปแบบของการใช้ชีวิตได้อย่างลงตัว
3. อัดแน่นด้วยขุมพลังเครื่องยนต์สกายแอคทีฟอัตราเร่งดีและประหยัดน้ำมัน
CX-30 ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยมและคล่องตัวทุกการใช้งาน ด้วยเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซินขนาด 2.0 ลิตร ที่ได้รับการพัฒนาให้มีสมรรถนะความแรง ด้วยพละกำลังสูงสุดถึง 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ฉีดเชื้อเพลิงสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง ทำให้ประหยัดน้ำมันได้สูงสุดถึง 15.4 กิโลเมตรต่อลิตร รองรับน้ำมันได้สูงสุดถึง E85 และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานในระดับสากล จึงทำให้รถรุ่นนี้ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง
4. ความปลอดภัยระดับโลกด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยสุดล้ำ i-Activsense มากถึง 12 ระบบ
รถรุ่นนี้พรั่งพร้อมครบครันด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยที่สามารถคาดการณ์ และส่งสัญญาณเตือนให้ผู้ขับขี่เพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุได้รอบทิศทาง เช่น ระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า, ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง, ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ, ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติแบบ Advance และอีกหลากหลายเทคโนโลยีความปลอดภัยเหนือระดับ รวมถึงถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และบริเวณหัวเข่าด้านคนขับ รวม 7 ตำแหน่ง ที่ช่วยปกป้องและป้องกันผู้โดยสารไปในทุกเส้นทาง
5. ห้องโดยสารเงียบขึ้นช่วยให้เพลิดเพลินตลอดการเดินทาง
CX-30 ถูกยกระดับความเงียบภายในห้องโดยสาร โดยเลือกใช้วัสดุคุณภาพดีที่ช่วยเก็บเสียงและดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังได้ปรับปรุงประสิทธิภาพของฉนวนโดยใช้โครงสร้าง “ผนังสองชั้น” ที่เว้นช่องว่างระหว่างพรมปูพื้นกับแผงตัวถังด้านล่าง ระหว่างแผงประตูกับแผงตกแต่งด้านใน และลดจำนวนรูให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของฉนวนกันเสียง รวมถึงยังใช้การซีลภายในตรงขอบประตูหลังเพื่อช่วยลดเสียงรบกวนที่เกิดจากลมที่พัดผ่านช่องว่าง และลดเสียงจากพื้นถนนด้วยเช่นกัน จึงทำให้ CX-30 กลายเป็นรถที่มีความเงียบ ช่วยให้ผู้โดยสารเพลิดเพลินกับบทสนทนาหรือการพักผ่อนไปตลอดการเดินทาง
6. ขับง่าย นั่งสบาย เกาะหนึบทุกการเข้าโค้งด้วยระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง
รถรุ่นนี้มาพร้อมแพลตฟอร์ม SKYACTIV-VEHICLE ARCHITECTURE เจเนอเรชั่นใหม่ ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยยึดหลักมนุษย์เป็นศูนย์กลาง เพื่อให้ตำแหน่งการขับขี่เป็นธรรมชาติและเหมาะสมกับสรีระมากที่สุด โดยออกแบบให้เบาะนั่ง ตัวถัง และแซสซี ทำงานเป็นหนึ่งเดียวกันเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย มาพร้อมระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง GVC Plus ที่ช่วยปรับแรงบิดของเครื่องยนต์ตามการหักเลี้ยวพวงมาลัยของผู้ขับขี่ ควบคู่ไปกับการเบรกที่เหมาะสม เพื่อให้รถขับเคลื่อนไปอย่างนุ่มนวล มีเสถียรภาพ เพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนของล้อทั้ง 4 ให้ดียิ่งขึ้น ทำให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้ง่ายและเป็นธรรมชาติ ช่วยลดความเหนื่อยล้าจากการขับขี่ และลดอาการโคลงตัวของรถช่วยให้ผู้โดยสารนั่งสบายยิ่งขึ้น
7. จัดเต็มด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัด พร้อมลำโพง Bose® รอบทิศทาง
ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัวด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัดที่ถูกติดตั้งมาพร้อมกับตัวรถ สามารถเชื่อมต่อแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ผ่านระบบ Mazda Connect ที่มาพร้อม Apple CarPlay® และ Android Auto™ ช่วยให้สามารถใช้งานฟังก์ชั่นสำคัญๆ โดยแสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบ Widescreen ขนาด 8.8 นิ้ว ควบคุมด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander ซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่ง่ายต่อการใช้งาน รวมถึงช่องเชื่อมต่อ USB 2 ช่อง และยังเสริมสร้างสุนทรียภาพภายในห้องโดยสารด้วยระบบเสียงคุณภาพสูงจาก Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง
8. อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ตอบโจทย์ทุกรูปแบบการใช้ชีวิต
สิ่งอำนวยความสะดวกสบายของ CX-30 จัดว่าครบครันไม่แพ้รถรุ่นไหน ไม่ว่าจะเป็นเบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ได้ 2 ตำแหน่ง แผงหน้าปัดและมาตรวัดความเร็วแบบดิจิตอล TFT LCD หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้า ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน พร้อมหลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เพิ่มความอเนกประสงค์ด้วยเบาะหลังแบบพับได้ 60:40 แยกอิสระจากกัน และประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ช่วยให้การใช้งานเป็นไปอย่างสะดวกสบายและคล่องตัว
9. การสื่อสารการตลาดเข้าถึงกลุ่มลูกค้าอย่างชัดเจน
มาสด้าวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ไว้อย่างชัดเจน CX-30 มากับคอนเซ็ปต์ LIFE’S ALWAYS ON “เติมชีวิตให้เต็มความหมาย” เป็นรถยนต์ที่เข้ามาเพื่อเติมเต็มการใช้ชีวิตของลูกค้า เพื่อออกไปแสวงหาและสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น เป็นช่วงการเปลี่ยนผ่านของชีวิตจากบทบาทหนึ่งไปสู่อีกบทบาทหนึ่ง อาทิ จากคนโสดสู่การมีคู่ชีวิต ต่อเนื่องไปสู่การเป็นครอบครัวขนาดเล็ก ที่ใช้เวลาร่วมกันบนรถยนต์ในการออกไปค้นหาเรื่องราวใหม่ๆ ในชีวิตประจำวันและได้ร่วมแบ่งปันกับคนที่เขารัก CX-30 เป็นรุ่นที่สองของรถยนต์เจเนอเรชั่นใหม่ที่ให้คุณภาพดีเยี่ยมในทุกพื้นที่และทุกการเดินทาง
ด้วยคุณสมบัติที่เพียบพร้อมในทุกมิติ จึงทำให้ CX-30 เป็นครอสโอเวอร์ต้นแบบแห่งความสง่างามในระดับโลกที่มีความหรูหราสง่างาม บ่งบอกสไตล์พรีเมี่ยม พร้อมที่จะเข้ามาเติมเต็มการใช้ชีวิตให้มีความหมายมากยิ่งขึ้น พร้อมอยู่เคียงข้างลูกค้าไปในทุกจังหวะของชีวิต และนี่คือครอสโอเวอร์ที่ตอบโจทย์ความสมบูรณ์แบบมากที่สุดในปัจจุบัน ที่สำคัญมาสด้าต้องการให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับความเพลิดเพลินที่หลากหลาย ด้วยการเป็นเจ้าของรถยนต์ที่สามารถเติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์ เพื่อช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าออกแสวงหาและค้นพบสิ่งใหม่ๆ เป็นส่วนหนึ่งในการออกไปใช้ชีวิต เป็นเหมือนเพื่อนคู่ใจไปตลอดการเดินทาง ด้วยราคาเริ่มต้นไม่ถึง 1 ล้านบาท
โปรดติดตามความเคลื่อนไหวและกิจกรรมของมาสด้าผ่านทางโซเชียลมีเดีย
เว็บไซต์ www.mazda.co.th และ MazdaThailandOfficial Facebook/YouTube/Instagram/LINE
ข่าวรถวันนี้ (15/07/21) : เจาะสเปคมาสด้า CX-3 ทำไมถึงยังเป็นรถที่ใครๆ ก็เลือก
ในเมื่อรูปแบบการดำเนินชีวิตของผู้คนเปลี่ยนแปลงไปจากอดีต ทำให้พฤติกรรมการเลือกซื้อรถยนต์ก็แปรเปลี่ยนไปตามยุคตามสมัย ผู้ผลิตรถยนต์จึงหันมาสนใจพัฒนารถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวีเพื่อลงแข่งขันในตลาดมากยิ่งขึ้น ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ออกโลดแล่นอวดโฉมอยู่บนท้องถนนกันมากมายหลากหลายยี่ห้อ เฉกเช่นเดียวกับมาสด้าที่ปรารถนาจะสร้างสรรค์ยนตรกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ใช้งานได้ในทุกโอกาส ดังนั้นเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของสังคมยุคใหม่ จึงเกิดเป็นแนวคิดในการพัฒนาต่อยอดจากรถยนต์นั่งให้กลายมาเป็นรถอเนกประสงค์ตระกูล CX-Series ซึ่งมีให้เลือกมากถึง 4 รุ่น รวมถึงฟรีสไตล์ครอสโอเวอร์เอสยูวีอย่าง มาสด้า CX-3 ที่สะท้อนภาพลักษณ์และบุคลิกเฉพาะตัวตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่โดดเด่น ด้วยดีไซน์โฉบเฉี่ยวสปอร์ตพรีเมี่ยมทั้งภายนอกและภายใน ให้สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นด้วยเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 2.0 ลิตร ทั้งแรงและประหยัดน้ำมัน อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยเต็มคัน เพื่อให้คุณก้าวไปสู่อีกระดับของการใช้ชีวิตในแบบที่เป็นคุณ
มาสด้า CX-3 เป็นหนึ่งในครอสโอเวอร์เอสยูวีรุ่นเล็กสุดในตระกูลมาสด้าที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย ด้วยการเป็นรถที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนเมือง มีความโดดเด่นด้านการออกแบบที่งดงามล้ำสมัยและตอบโจทย์การใช้งานในทุกด้าน ได้รับการการันตีด้วยรางวัล Thailand Car of the Year ในปี 2016 (หรือปี พ.ศ. 2559) จวบจนปัจจุบันรถรุ่นนี้ได้ถูกพัฒนาปรับโฉมมาแล้วหลายครั้ง โดยครั้งแรกเปิดตัวในประเทศไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ. 2558 และมีการปรับโฉมเพิ่มความสดใหม่เป็นครั้งแรกในปี 2561 ล่าสุดมีการปรับโฉมเมื่อปลายปี 2563 มาพร้อมคอนเซ็ปต์ใหม่ Leap Forward…ให้ชีวิตไปอีกขั้น วางกลยุทธ์เจาะฐานลูกค้ากลุ่มใหญ่ B-Car Upper และลูกค้ากลุ่ม B-SUV ที่ต้องการรถประเภท SUV เป็นคันแรกในบ้าน ตั้งราคาเริ่มต้นเพียง 700,000 กว่าบาท ส่งผลให้ CX-3 กลายเป็นรถที่มีกระแสตอบรับร้อนแรงมากที่สุดในยุคนี้ กลายเป็นโมเดลที่ทำสถิติเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 299% และอยู่ในการครอบครองของลูกค้าชาวไทยเกือบ 20,000 คัน เรามาเจาะลึกคุณลักษณะอันโดดเด่นที่ชัดเจนเพียง 8 เหตุผลเท่านั้น ว่าทำไม CX-3 จึงเป็นซับคอมแพ็คเอสยูวีที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่และเป็นรถที่คุ้มค่าคุ้มราคาของใครหลายๆ คนในปัจจุบัน
1. บอดี้ขนาดพอเหมาะแต่เครื่องยนต์ขนาดใหญ่ ให้อัตราเร่งที่ทรงพลังและประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม
ถึงแม้ว่าจะเป็นซับคอมแพ็คเอสยูวีแต่ CX-3 ก็มีตัวถังขนาดเพียงพอต่อการใช้งานคล่องแคล่วปราดเปรียว โดยเฉพาะพละกำลังที่รีดออกมาเหลือล้นเกินใคร ต้องยกความดีความชอบให้กับเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซินขนาด 2.0 ลิตร ที่ให้อัตราเร่งที่ดีเยี่ยมและตอบสนองได้อย่างทันใจด้วยพละกำลังถึง 156 แรงม้า ซึ่งนับว่าให้สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือกว่ารถยนต์ในระดับเดียวกัน อีกทั้งยังประหยัดน้ำมันถึง 16.4 กิโลเมตร/ลิตร เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ระบบช่วงล่างที่เกาะหนึบทุกการเข้าโค้ง ตอบโจทย์ผู้ที่กำลังมองหารถเอสยูวีขนาดเล็กมาใช้งานในเมืองได้อย่างดีเยี่ยม
2. ออฟชั่นอัดแน่นล้นคัน พรั่งพร้อมเทคโนโลยีด้วยคุณภาพเหนือราคา
สิ่งสำคัญคือ CX-3 มาพร้อมออฟชั่นครบครันที่เรียกได้ว่าคุ้มค่าเหนือกว่ารถอเนกประสงค์ในระดับเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เทคโนโลยีความปลอดภัย รวมถึงระบบความปลอดภัย i-Activsense ที่ใส่มาเต็มคัน ไฟหน้าแบบ LED โปรเจคเตอร์ พร้อมไฟ Daytime Running ล้ออัลลอย 18 นิ้ว หลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า เชื่อมต่อแบบไร้สายด้วยระบบ Mazda Connect รองรับ Wireless Apple CarPlay® และระบบ Android Auto™ พนักพิงเบาะนั่งแถวที่สองปรับพับได้แบบ 60:40 ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ Smart Keyless Entry ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบ Push Start Button ระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ GVC และระบบแสดงภาพ 360° รอบทิศทาง ระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้าและด้านหลัง จึงทำให้กลายเป็นรถอเนกประสงค์ที่คุ้มค่าคุ้มราคาสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถ SUV คันแรก
3. ดีไซน์โดดเด่นสง่างามทุกมุมมองในสไตล์ที่แตกต่าง
มาสด้า CX-3 ได้ผสานทุกความโดดเด่นและความประณีตใส่ใจในทุกรายละเอียดผ่านการออกแบบที่เรียบง่ายแต่งดงาม ไม่ว่าจะเป็นเส้นสายที่เปี่ยมไปด้วยพลังและความงามที่พาดผ่านบนตัวรถ ตามแนวทางการออกแบบอันมีเอกลักษณ์เฉพาะของมาสด้าดีไซน์ KODO: Soul of Motion ที่แฝงด้วยความโฉบเฉี่ยวทรงพลังราวกับมีชีวิต จึงทำให้รถรุ่นนี้มีความโดดเด่นพรีเมี่ยมต้องตาต้องใจผู้พบเห็นตามสไตล์ครอสโอเวอร์เอสยูวี การันตีความสง่างามบนเวทีระดับโลกจากการติดอันดับ Top 3 รางวัลออกแบบยอดเยี่ยมของโลก World Car Design of the Year เมื่อปี 2016 (หรือปี พ.ศ. 2559) มาแล้ว
4. ภายในหรูหรา ประณีต เหนือกว่ารถในคลาสเดียวกัน
ภายในห้องโดยสารของรถรุ่นนี้ยังใช้แนวทางการออกแบบที่เรียบง่ายแต่คงความหรูหราสง่างาม การตัดเย็บอย่างประณีตและเลือกใช้วัสดุคุณภาพชั้นเลิศที่ให้ทุกสัมผัสราบเรียบและนุ่มนวล เพื่อแสดงออกถึงคุณภาพในทุกจุดสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นคอนโซลหน้าแบบ Grand Luxe Suede® สีเทา เบาะนั่ง การตกแต่งขอบประตู รวมถึงการเลือกใช้สีภายในที่สอดคล้องกับสุนทรียศาสตร์สไตล์ญี่ปุ่นที่เรียบง่ายช่วยยกระดับบรรยากาศภายในห้องโดยสาร และแสดงถึงคุณภาพที่สามารถตอบโจทย์คนรักดีไซน์ความสปอร์ตพรีเมี่ยมได้เป็นอย่างดี
5. เบาะนั่งสบาย ใช้งานง่าย พร้อมรองรับสัมภาระขนาดใหญ่
ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบให้นั่งสบายในทุกตำแหน่ง โดยมาสด้าเลือกใช้แต่วัสดุคุณภาพชั้นดีให้สัมผัสที่ราบเรียบและนุ่มนวล และได้พัฒนาตำแหน่งการนั่งให้มีสัดส่วนที่เหมาะสมสำหรับสรีระของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นระยะห่างที่นั่งด้านหน้า ระยะความกว้างที่วางขา พื้นที่เหนือศีรษะ ตลอดจนการออกแบบที่เรียบง่ายของพนักพิงหลังที่ช่วยให้นั่งสบายและลดความเมื่อยล้าระหว่างการขับขี่ รวมถึงยังได้จัดวางอุปกรณ์ภายในรถให้เหมาะสมกับตำแหน่งการใช้งาน เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานได้ง่าย ยิ่งไปกว่านั้น รถรุ่นนี้ยังตอบโจทย์การใช้งานของผู้ที่มองหารถที่สามารถบรรทุกสัมภาระได้หลากหลายรูปแบบมากกว่ารถยนต์นั่ง โดยมาพร้อมเบาะพับแบบแบนราบและเบาะพับแยกอิสระ ซ้าย-ขวา 60:40 ช่วยให้บรรทุกและใส่กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ได้อย่างไร้กังวล
6. ทัศนวิสัยในการขับขี่เป็นเลิศ ช่วยให้ขับขี่ได้สะดวกและปลอดภัย
มาสด้าพัฒนาตำแหน่งการขับขี่โดยยึดหลักตำแหน่งการขับขี่ในอุดมคติ ด้วยการออกแบบตำแหน่งที่นั่งคนขับให้สูงขึ้นเล็กน้อยเพื่อส่งมอบทัศนวิสัยที่ชัดเจน และยังได้ยกระดับการออกแบบโดยวางตำแหน่งเสาเอไปทางด้านหลังเพื่อเพิ่มทัศนวิสัยด้านหน้า รวมถึงได้ปรับตำแหน่งของเสาซีเพื่อเพิ่มทัศนวิสัยด้านหลังให้สามารถมองเห็นได้ไกลขึ้น จึงช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุและช่วยให้ขับขี่ได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล แม้ว่าจะเป็นมือใหม่หรือขับขี่ในเมืองที่การจราจรหนาแน่นก็ตาม
7. ครบเครื่องเรื่องความปลอดภัย ใช้งานในเมืองได้สะดวกคล่องตัว
อุปกรณ์มาตรฐานที่ถูกติดตั้งมาในมาสด้า CX-3 เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีความสะดวกสบายและระบบความปลอดภัย i-Activsense มากถึง 8 ระบบ ตอบรับต่อไลฟ์สไตล์การใช้งานในเมืองและนอกเมือง ไม่ว่าจะเป็นระบบแสดงภาพ 360° รอบทิศทาง เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่มองสถานการณ์โดยรอบเป็นมุมกว้างได้อย่างชัดเจนมากขึ้น ระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 จุด และด้านหลัง 4 จุด ช่วยให้การเข้าจอดเป็นไปอย่างง่ายดาย ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance ที่มาพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน ระบบเตือนเมื่อมีรถเบี่ยงออกนอกเลน ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ ระบบควบคุมความเร็วคงที่ ถุงลมนิรภัย และยังมีคานเสริมกันกระแทกด้านหน้า ด้านข้างและด้านหลัง เพื่อช่วยลดการบาดเจ็บจากการชนเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
8. ครบครันด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารแบบไร้สาย ตอบโจทย์รูปแบบชีวิตยุคใหม่
รถรุ่นนี้ได้พัฒนาขึ้นเพื่อให้ตอบรับกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ด้วยระบบ Mazda Connect เพื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านระบบ Mazda Connect ที่มาพร้อม Wireless Apple CarPlay® และ Android Auto™ ที่สามารถโทรติดต่อ ส่งข้อความ ฟังเพลง หรือค้นหาเส้นทางได้อย่างไร้ขีดจำกัด โดยแสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว พร้อม Center Commander ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ ได้อย่างปลอดภัยในขณะเดินทาง ตอบรับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่อย่างลงตัว
มาสด้า CX-3 รุ่นปี 2021 Collection ถูกปรับอุปกรณ์มาตรฐาน ปรับราคาจำหน่าย และรายละเอียดของรุ่นย่อยทั้งหมด เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าเหนือราคามากกว่าเดิม ตอบโจทย์การใช้งานและครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีล้นคันที่มาสด้าใส่มาตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ส่งผลให้มาสด้า CX-3 เป็นรถอเนกประสงค์ที่มอบความคุ้มค่าคุ้มราคาให้กับลูกค้าได้มากที่สุด เพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์มาตรฐานที่ครบครันในระดับราคาที่ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายยิ่งขึ้น นี่เป็นเพียงแค่ 8 เหตุผลจากลูกค้าที่สะท้อนออกมาอันเกิดจากประสบการณ์การขับขี่และเป็นเจ้าของ CX-3 ซับคอมแพ็คเอสยูวีที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ เหนือกว่าด้วยคุณภาพเหนือราคาคุ้มค่าเกินห้ามใจในยุคนี้
ข่าวรถวันนี้ : มาสด้า อวดโฉมปิกอัพต้นแบบแห่งความสง่างาม ALL-NEW MAZDA BT-50 ณ เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น
มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จัดแสดงรถปิกอัพรุ่นปัจุบันจากมาสด้า ALL-NEW MAZDA BT-50 ส่งไปจากประเทศไทยด้วยฝีมือของคนไทย ที่ผสานความงดงามของการออกแบบตามแนวคิด “โคโดะ ดีไซน์” ผนวกกับสไตล์การออกแบบที่เรียบง่ายแต่งดงาม ผสานความแข็งแกร่งจากรูปลักษณ์อันทรงพลังสไตล์รถปิกอัพไปอวดโฉมความสง่างามให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาผู้คนทั่วโลก ณ เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การที่บริษัทแม่ได้นำรถปิกอัพ บีที-50 ไปจัดแสดงอวดโฉม ณ สำนักงานใหญ่ในเมืองฮิโรชิม่า เพื่อให้พนักงาน พันธมิตรทางธุรกิจ ลูกค้า และชาวญี่ปุ่น รวมถึงนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนได้มีโอกาสสัมผัสถึงความสง่างามที่ถูกผลิตขึ้นจากฝีมือคนไทย เนื่องจากสำนักงานใหญ่มาสด้า ถือเป็นจุดเช็คอินเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกที่ต่างหลั่งไหลเดินทางมาเยี่ยมชมเทคโนโลยีการผลิตและชมพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงรถยนต์มาสด้า และเรื่องราวประวัติศาสตร์ความเป็นมาของมาสด้าตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน โดย บีที-50 ถูกจัดแสดงคู่กับรถแข่งมาสด้า 787B ร่วมกับรถยนต์มาสด้าเจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด ที่สำคัญเนื่องโอกาสครบรอบ 30 ปี ของการชนะเลิศการแข่งขันรายการ เลอ มังส์ 24 ชั่วโมง หรือการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบสุดหฤโหดในปี 1991 อันเป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของมาสด้าและเป็นต้นกำเนิดของฮิโรชิม่าสปิริตที่ชาวมาสด้าภาคภูมิใจ และปิกอัพ บีที-50 คือผลผลิตแห่งความภาคภูมิใจของชาวมาสด้าทั้งในประเทศไทยและญี่ปุ่น
รถปิกอัพ ALL-NEW MAZDA BT-50 เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดจากตระกูล B-Series ถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 1961 โดยใช้ชื่อว่า B1500 ซึ่งได้ถูกพัฒนาปรับโฉมมาแล้วถึง 9 เจนฯ จนถึงปัจจุบัน และได้วางจำหน่ายในหลายภูมิภาคหลักทั่วโลก ทั้งในกลุ่มประเทศในแถบโอเชียเนีย อาเซียน อเมริกากลางและอเมริกาใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา รวมถึงในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ปิกอัพรุ่นนี้ไม่ได้วางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น ดังนั้น การจัดแสดงครั้งนี้ นับเป็นโอกาสอันดีที่ลูกค้าชาวญี่ปุ่น รวมถึงนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากทุกสารทิศทั่วโลกจะได้มีโอกาสสัมผัสถึงความสง่างามที่แฝงไว้ด้วยพลัง ซึ่งมีชาวญี่ปุ่นให้ความสนใจและเข้าชมอย่างต่อเนื่องในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องในโอกาสของการครบรอบ 30 ปี ของการชนะเลิศการแข่งขันรายการ เลอ มังส์ 24 ชั่วโมง ในปี 1991 ณ ประเทศฝรั่งเศส มาสด้ายังได้จัดทำเว็บไซต์ขึ้นมาพิเศษ เพื่อให้ลูกค้าและผู้ที่รักความเร็วได้ทราบประวัติความเป็นมาในการแข่งขันเพื่อประลองความเร็วของมาสด้า อันมีต้นกำเนิดมาจากเครื่องยนต์โรตารีที่ทำให้มาสด้าฟันฝ่าอุปสรรคจากการแข่งขันจนได้รับชัยชนะมาครองได้ในที่สุด ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจของมาสด้าและชาวญี่ปุ่นมาจนถึงทุกวันนี้ ผู้ที่สนใจสามารถอ่านข้อมูลได้ที่ https://www.mazda.com/en/innovation/lemans30th/
ข่าวรถวันนี้ (8/07/2021) : มาสด้า ฝ่ามรสุมโควิดครึ่งปีแรกส่งมอบลูกค้า 19,000 คัน เตรียมเสริมทัพทั้งเก๋งและเอสยูวีบุกตลาดครึ่งปีหลัง
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของคนไทยและผู้คนทั่วโลก มาสด้าขอส่งกำลังแรงใจไปยังบุคลากรทางด้านสาธารณสุขและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน รวมทั้งประชาชนชาวไทยทุกคนขอให้ทุกคนเข้มแข็งและอดทนเราจะจับมือก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน ที่สำคัญมาสด้าขอขอบคุณลูกค้าทั่วประเทศที่ให้ความเชื่อมั่นในแบรนด์มาสด้า ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีแรก 2564 มาสด้าสามารถส่งมอบรถยนต์รุ่นใหม่ให้กับลูกค้าไปแล้วกว่า 19,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 23% (เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมา) โดยเฉพาะรถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวีรุ่นใหม่ล่าสุด CX-3 และ CX-30 ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เปิดตัวแนะนำลงสู่ตลาด พร้อมประกาศยุทธศาสตร์แผนบริหารธุรกิจในครึ่งปีหลัง ด้านผลิตภัณฑ์เตรียมบุกตลาดด้วยรถยนต์รุ่นใหม่และรถอเนกประสงค์เอสยูวีเสริมทัพอีกเพียบ เดินหน้าปรับนโยบายการบริหารงานให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของลูกค้าและผู้จำหน่ายให้สามารถก้าวผ่านวิกฤตในครั้งนี้ไปด้วยกัน
นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นับตั้งแต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนและขยายออกไปเป็นวงกว้างมากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้บริโภคต้องหันมาระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายมากขึ้นกว่าเดิม จนส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นยอดจำหน่ายรถยนต์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 จึงต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยภาพรวมของอุตสาหกรรมมียอดสะสมอยู่ที่ 370,000 คัน (ประมาณการ) อย่างไรก็ตามยังสามารถบวกเพิ่มขึ้นถึง 14% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2563 ส่วนครึ่งปีหลังคาดว่าสถานการณ์ของตลาดรถยนต์จะค่อยๆ กลับมาดีขึ้น คาดว่ายอดขายรวมจะไปถึง 800,000 คัน ในขณะที่มาสด้าก็ตั้งเป้าหมายไว้สูงเช่นกันที่ 50,000 คัน หรือเพิ่มขึ้นถึง 30%
ในขณะที่ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 มาสด้ามียอดจำหน่ายรวมอยู่ที่ 18,908 คัน เพิ่มขึ้น 23% โดยรถยนต์นั่งมียอดจำหน่ายรวมอยู่ที่ 10,895 คัน เพิ่มขึ้น 3% แบ่งออกเป็นมาสด้า2 จำนวน 9,622 คัน เพิ่มขึ้น 3% มาสด้า3 จำนวน 1,270 คัน เพิ่มขึ้น 1% และมาสด้า MX-5 รถสปอร์ตเปิดประทุนมียอดขาย 3 คัน ในขณะที่รถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวีมียอดจำหน่ายรวมที่ 7,347 คัน เพิ่มขึ้น 83% โดยมาสด้า CX-30 ยังคงได้รับความนิยมสูงสุดด้วยยอดจำหน่าย 4,194 คัน เพิ่มขึ้นถึง 124% ตามมาด้วยมาสด้า CX-3 จำนวน 2,231 คัน เติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 299% ในขณะที่มาสด้า CX-8 มียอดจำหน่ายที่ 532 คัน ลดลง 26%, มาสด้า CX-5 จำนวน 390 คัน ลดลง 54% ส่วนปิกอัพมาสด้า บีที-50 มียอดจำหน่าย 666 คัน ลดลง 16%
“จากยอดจำหน่ายข้างต้น เมื่อแบ่งออกเป็นรายไตรมาสจะพบว่ายอดขายไตรมาสแรกระหว่างมกราคม – มีนาคม 2564 มีจำนวน 10,890 คัน เพิ่มขึ้น 7% ส่วนไตรมาสที่สองระหว่างเมษายน – มิถุนายน 2564 มีจำนวน 8,018 คัน เพิ่มขึ้นถึง 53% ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางของตลาด นับเป็นหนึ่งในสัญญาณบวกว่าความต้องการซื้อรถยนต์ในประเทศยังคงมีอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม ยังต้องคอยติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินแนวโน้มทิศทางและนำมาปรับกลยุทธ์เพื่อประคับประคองธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังให้เดินหน้าไปสู่เป้าหมายที่วางไว้” นายชาญชัย กล่าวเพิ่มเติม
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส กล่าวถึงกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 แม้จะอยู่ในช่วงสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ว่า ชาวมาสด้าทุกภาคส่วนขอส่งกำลังแรงใจไปยังพี่น้องคนไทยและผู้ประกอบการทุกท่านให้ก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกันอีกครั้ง สำหรับมาสด้าได้มีการปรับแผนงานเพื่อให้สอดรับกับเหตุการณ์ควบคู่ไปกับการสร้างแผนธุรกิจแบบเฉพาะกิจขึ้นมา เพื่อเตรียมพร้อมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลังวิกฤตเริ่มคลี่คลาย มาสด้าได้ประสานความร่วมมือกับผู้จำหน่ายทั่วประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับนโยบายแบบเร่งด่วนให้เกิดประโยชน์สูงสุดไปยังลูกค้า ทั้งการเอาใจใส่ดูแลลูกค้าปัจจุบันให้ดีที่สุด โดยเฉพาะมาตรการเพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของลูกค้า รวมถึงการมอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยร่วมมือกับทางบริษัทไฟแนนซ์ที่จะเข้ามาซัพพอร์ต อาทิ เงินดาวน์น้อย ขยายระยะเวลาการผ่อนชำระให้ยาวนานที่สุด อัตราดอกเบี้ยต้องต่ำสุด ซึ่งหลายรุ่นมาสด้าจัดดอกเบี้ย 0% รวมถึงการผ่อนชำระต่องวดให้น้อยที่สุด เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของลูกค้าและสามารถนำรถไปประกอบกิจการให้เกิดประโยชน์สูงสุด
นอกจากนี้ นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ยังได้กำหนดยุทธศาสตร์การบริหารงานเพื่อให้เกิดการเติบโตในช่วงวิกฤต เพราะในทุกวิกฤตย่อมมีโอกาสเสมอ โดยมาสด้าได้เตรียมความพร้อมทางด้านกลยุทธ์การบริหารงานในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 เพื่อรับมือกับสถานการณ์และวางรากฐานผลักดันให้องค์กรเดินหน้าไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ ด้วย 6 องค์ประกอบหลัก ดังนี้
1. ด้านผลิตภัณฑ์ใหม่ เตรียมพร้อมลุยตลาดอย่างเต็มกำลังด้วยการนำเสนอรถยนต์นั่งและรถเอสยูวีรุ่นใหม่ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีอันทันสมัย ตอบรับวิถีชีวิตของผู้บริโภคยุคใหม่และสร้างความแตกต่างในตลาด ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและผลักดันให้มาสด้าเดินหน้าไปสู่เป้าจำหน่ายที่วางไว้ได้
2. ด้านนโยบายส่งเสริมผู้จำหน่าย ปรับนโยบายการบริหารจัดการให้เหมาะสมกับสถานการณ์และให้การสนับสนุนด้านการขายกับผู้จำหน่ายในแต่ละพื้นที่ โดยทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดภายใต้แนวทางการทำงานเป็นทีม ONE MAZDA เพื่อให้ผู้จำหน่ายถ่ายทอดไปยังลูกค้าให้เกิดประโยชน์สูงสุดและก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปได้ด้วยกัน
3. ด้านการตลาดและการสื่อสาร ดึงกลยุทธ์การตลาดแบบออนไลน์มาเป็นแกนหลักในการสื่อสารผ่าน Mazda Online Platform หรือโซเชียลมีเดีย เพิ่มการนำเสนอรูปแบบใหม่ๆ ผ่านสื่อดิจิทัล ส่งเสริมให้ผู้จำหน่ายทำกิจกรรมผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น
4. ด้านการส่งเสริมการขาย จัดแคมเปญส่งเสริมการขายเพื่อให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้าได้ง่ายขึ้น รวมถึงทำงานร่วมกับสถาบันทางการเงิน ในเรื่องของการปล่อยสินเชื่อเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันมากที่สุด รวมถึงจัดแคมเปญให้เหมาะสมสำหรับรถแต่ละรุ่น โดยร่วมมือกับพันธมิตรและผู้จำหน่ายจัดกิจกรรมในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้มากที่สุด
5. ด้านเทคโนโลยี การวางรากฐานการทำงานระยะยาวให้เกิดความยั่งยืน ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการบริหารงานและติดต่อสื่อสารทั้งภายในและภายนอกองค์กร โดยเฉพาะผู้จำหน่ายต้องปรับตัวเข้ากับการดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัล มาสด้าต้องเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม พร้อมรับมือกับเทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคตที่กำลังจะเข้าสู่ตลาดประเทศไทยในเร็วๆ นี้
6. ด้านบริการหลังการขาย ยกระดับและพัฒนาการบริการหลังการขายให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและต้องมีมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ โดยเฉพาะแผนการขยายเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการ รวมถึงศูนย์บริการแบบ MAZDA FAST SERVICE ตรวจเช็กตามระยะแบบเร่งด่วนให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ รองรับปริมาณลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ลดการรอคิว และอำนวยความสะดวกรวดเร็วให้กับลูกค้าที่มาเข้ารับบริการ
นอกจากนี้ มาสด้ายังมอบโปรโมชั่นสุดพิเศษเพื่อให้ลูกค้าสามารถออกรถและเป็นเจ้าของรถมาสด้าทุกรุ่นได้ง่ายขึ้น ภายใต้แคมเปญ BEST DEAL ในระหว่างวันที่ 10 – 18 กรกฎาคม 2564 ดอกเบี้ยเริ่มต้น 0% ผ่อนนานสูงสุด 60 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง รับทันทีเครื่องฟอกอากาศ SHARP มูลค่า 2,990 บาท พิเศษสุดเฉพาะลูกค้าที่จองซื้อ CX-5 และ CX-8 (จำนวนจำกัด เฉพาะรุ่น) เลือกรับดอกเบี้ย 0% นาน 84 เดือน หรือผ่อนเริ่มต้นเพียง 15,000 บาทกว่าบาท (อย่างใดอย่างหนึ่ง) พร้อมคูปองน้ำมันมูลค่า 10,000 บาท ณ โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ.
ข่าวรถวันนี้ 29/06/2021 : ส่องจุดเด่นของ มาสด้า2 ทำไมถึงเป็นซิตี้คาร์ ที่โดนใจวัยรุ่น
1.ดีไซน์สปอร์ต โฉบเฉี่ยว โดนใจวัยรุ่น ขวัญใจนิสิตนักศึกษา
นี่คือคุณสมบัติเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ส่งผลให้มาสด้า2 กลายเป็นรถยนต์ขนาดเล็กที่มีความคุ้มค่าคุ้มราคามากที่สุดรุ่นหนึ่ง และยังมีราคาที่จับต้องได้ง่ายเริ่มต้นเพียง 5 แสนกว่าบาท ซึ่งถ้าถามว่าเลือกรถอะไรดี มาสด้า2 ก็ดูจะเป็นตัวเลือกที่ลงตัวมากที่สุดสำหรับสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี หรือแม้แต่มือใหม่ มาสด้าเชื่อว่ารถรุ่นนี้จะเข้ามาเติมเต็มการใช้ชีวิต เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์และมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้นให้กับเจ้าของได้อย่างดีที่สุด.
ข่าวรถวันนี้ : มาสด้าเผยแผนพัฒนาเทคโนโลยีแห่งอนาคตเตรียมส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ลงตลาด ตามวิสัยทัศน์ “Sustainable Zoom-Zoom 2030” เพื่อโลก สังคม และผู้คน
มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ออกประกาศเกี่ยวกับแผนการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด พร้อมแถลงนโยบายด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามวิสัยทัศน์ระยะยาว “Sustainable Zoom-Zoom 2030” ล่าสุดได้ประกาศแผนการบริหารงานในระยะกลางรวมถึงนโยบายสำคัญเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050 ตามที่เคยประกาศไว้เมื่อปีที่ผ่านมา โดยมาสด้าจะยังคงมุ่งมั่นเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ภายในปี 2030 ตามแผนงาน 5 หัวข้อหลัก ดังนี้
1.สั่งสมองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีตามกลยุทธ์ Building Block Strategy เพื่อการผลิตที่มีประสิทธิภาพขั้นสูง
- มาสด้าได้ปฏิบัติตามกลยุทธ์ Building Block Strategy อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งมอบเทคโนโลยีที่เป็นเลิศผ่านการสร้างรากฐานทางด้านเทคโนโลยีเสมือนดั่งเป็น “บล็อก”
- เริ่มจากการพัฒนา “เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ” เมื่อปี 2007 โดยพัฒนาปรับปรุงเครื่องยนต์สันดาปภายใน จากนั้นจึงเพิ่มเทคโนโลยีที่ใช้ระบบไฟฟ้าพื้นฐานเข้ามาใน Building-Block ชิ้นแรก ซึ่งสามารถนำมาใช้ในรถยนต์มาสด้าหลายรุ่น และแพลตฟอร์มนี้ได้กลายมาเป็นองค์ความรู้ทางด้านเทคโนโลยีที่นำมาใช้พัฒนาขึ้นเป็นผลิตภัณฑ์ของมาสด้ามาตั้งแต่ปี 2012
- มาสด้ากำลังเดินหน้าพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายในให้ดียิ่งขึ้น (เครื่องยนต์ SKYACTIV-X และเครื่องยนต์ 6 สูบ แถวเรียง) และเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์ม “SKYACTIV Multi-Solution Scalable Architecture” ซึ่งใช้ TPU (Transverse power units หรือการวางเครื่องตามแนวขวาง) ในรถยนต์ขนาดเล็ก และ LPU (Longitudinal power units หรือการวางเครื่องตามแนวยาว) ในรถยนต์ขนาดใหญ่ ซึ่งจากแพลตฟอร์มนี้ทำให้สามารถพัฒนารถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าได้หลากหลายรูปแบบมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกัน รวมถึงก้าวผ่านข้อกำหนดทางด้านกฎหมายสิ่งแวดล้อมและโครงสร้างพื้นฐานด้านการผลิตไฟฟ้าในตลาด
- นอกจากนั้น มาสด้าจะทำการเปิดตัวแนะนำแพลตฟอร์ม EV อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมาสด้า หรือแพลตฟอร์ม “SKYACTIV EV Scalable Architecture” ภายในปี 2025 สำหรับรถยนต์ EVs หลายขนาดและหลายรูปแบบตัวถัง
- จากพื้นฐานกลยุทธ์เหล่านี้ มาสด้าจะทำการปรับปรุงกระบวนการในการพัฒนารถยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูง ได้แก่ แนวทาง Common Architecture, Bundled Planning และ Model Based Development เพื่อที่จะเพิ่มองค์ความรู้ทางด้านเทคโนโลยี และเตรียมความพร้อมสำหรับยุครถยนต์ไฟฟ้าแบบเต็มรูปแบบโดยความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ
2.การส่งเสริมการใช้พลังงานไฟฟ้าและการแนะนำผลิตภัณฑ์ “กลยุทธ์ Multi-Solution”
- ผลิตภัณฑ์ภายใต้แพลตฟอร์ม “SKYACTIV Multi-Solution Scalable Architecture” จะเปิดตัวแนะนำในตลาดหลัก อาทิ ญี่ปุ่น ยุโรป อเมริกา จีน และภูมิภาคอาเซียน ระหว่างปี 2022 – 2025 ซึ่งจะประกอบด้วยรถยนต์ Hybrid1 จำนวน 5 รุ่น, Plug-in hybrid จำนวน 5 รุ่น และรถยนต์ EV จำนวน 3 รุ่น
- นอกจากนั้น มาสด้ายังเตรียมรถยนต์อีกหลายรุ่นที่ถูกพัฒนาภายใต้แพลตฟอร์ม “SKYACTIV Scalable EV Architecture” โดยจะเปิดตัวแนะนำสู่ตลาดในระหว่างปี 2025 – 2030
- จากแผนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ดังกล่าว มาสด้าคาดว่าใน 100% ของผลิตภัณฑ์ของมาสด้าจะเป็นรถยนต์ที่มีการใช้พลังงานไฟฟ้าในระดับหนึ่ง โดยสัดส่วนของ EV จะอยู่ที่ประมาณ 25% ภายในปี 2030
3.การส่งเสริมเทคโนโลยีความปลอดภัยที่มุ่งเน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลางเพื่อสร้างสังคมที่ไร้อุบัติเหตุ
- ตามกลยุทธ์ Building Block Strategy ในเรื่องของเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยนั้น มาสด้ากำลังพัฒนาระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ใช้มนุษย์เป็นศูนย์กลาง (Human-Centric Autonomous Driving System) หรือ “Mazda Co-pilot Concept” สำหรับรถยนต์มาสด้ายุคใหม่
- “Mazda Co-Pilot” จะตรวจจับพฤติกรรมของผู้ขับขี่ตลอดเวลา และเมื่อตรวจสอบพบว่าสภาพร่างกายของผู้ขับขี่เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างกะทันหัน ระบบจะเปลี่ยนไปใช้โหมดขับเคลื่อนอัตโนมัติเพื่อนำรถเข้าจอดในที่ปลอดภัย และทำการหยุดรถ รวมถึงกดหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉิน ซึ่งในขณะนี้มาสด้าเรียกว่า Mazda Co-Pilot 1.0 ซึ่งกำลังจัดเตรียมแผนงานและจะเริ่มเปิดตัวแนะนำในรถยนต์ตัวถังขนาดใหญ่ โดยจะเริ่มตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นไป
4.การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการบริการเชื่อมต่อและเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ เพื่อเป็นพื้นฐานของการให้บริการระบบขนส่งที่เชื่อมต่อทุกเส้นทางในอนาคต หรือ Next-Generation Mobility Services
- มาสด้ามีแผนที่จะผลักดันการพัฒนาเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ขั้นพื้นฐาน ให้สามารถรองรับการให้บริการระบบขนส่งที่เชื่อมต่อทุกเส้นทางหรือ Mobility as a Service (Maas) และอัพเดทฟังก์ชั่นรถยนต์แบบ Over the Air (OTA)2
- บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในประเทศญี่ปุ่น จำนวน 5 ราย3 ซึ่งเป็นพันธมิตรกับมาสด้า จะร่วมมือกันพัฒนาอุปกรณ์ด้านการสื่อสารภายในรถยนต์เจเนอเรชั่นใหม่ เพื่อผลักดันระบบการสื่อสารที่ได้มาตรฐานให้สามารถส่งมอบการบริการที่ส่งมอบความปลอดภัยได้มากยิ่งขึ้นและปราศจากความเครียดได้เร็วยิ่งขึ้น
- มาสด้าจะผลักดันการพัฒนาเจเนอเรชั่นถัดไปของรถไฟฟ้า Electric/Electronic Architecture (EEA) ที่สามารถประมวลผลข้อมูลจากภายในและภายนอกรถให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
5.ปรัชญาของการพัฒนาโดยเน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง (Human-centered development philosophy) ในช่วงเวลาของการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์ และ CASE4
- ตามวิสัยทัศน์ในระยะยาว Sustainable Zoom-Zoom 2030 ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของ 3 องค์ประกอบ ได้แก่ เพื่อโลก เพื่อสังคม และเพื่อผู้คน เราจะยังคงเดินหน้าตามปรัชญาการพัฒนาโดยเน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง (Human-centered development philosophy) ที่ให้คุณค่ากับมนุษย์และศักยภาพของผู้คน ไปจนถึงการนำไปสู่เป้าหมายในอนาคต นั่นคือ การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์ หรือ zero emission และ CASE จะเป็นตัวกำหนดทิศทางของอุตสาหรรมยานยนต์
- มาสด้ามุ่งมั่นที่จะสร้างสรรสังคมให้เกิดความยั่งยืน และเป็นสังคมที่มีความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ด้วยการนำเสนอยานพาหนะที่สนับสนุนให้ผู้คนได้ตระหนักถึงศักยภาพของตนอย่างเต็มที่
มาสด้ามุ่งหวังเพื่อก้าวสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่สร้างความผูกพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว ด้วยการเติมเต็มความมีชีวิตชีวาของลูกค้าจากประสบการณ์ผ่านการเป็นเจ้าของรถยนต์ เพื่อส่งมอบความสุขความสนุกสนานในการขับขี่ซึ่งเป็นแก่นแท้ของรถยนต์
- ไม่รวมรถยนต์ประเภท Mid hybrid แต่รวมถึงรถยนต์ที่มาพร้อม Toyota Hybrid System (THS) ที่มาจากโตโยต้า
- การอัปเดทซอฟต์แวร์ผ่านการสื่อสารแบบไร้สาย
- มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น, ซูซูกิ มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น, ซูบารุ คอร์ปอเรชั่น, ไดฮัทสุ มอเตอร์ และ โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น
- สัญลักษณ์ของตัวอักษรย่อที่สร้างขึ้นมาใหม่นี้ หมายถึง การเชื่อมต่อ การขับขี่อัตโนมัติ การใช้งานร่วม/บริการ และการใช้ระบบไฟฟ้า
โปรดติดตามความเคลื่อนไหวและกิจกรรมของมาสด้าผ่านทางโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ www.mazda.co.th และ MazdaThailandOfficial Facebook/YouTube/Instagram/LINE
ข่าวรถวันนี้ : 9 เหตุผลที่ มาสด้า3 เป็นพรีเมี่ยมคาร์ ควรค่าแก่การครอบครอง
ประวัติศาสตร์ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน แต่ต้องใช้เวลาบ่มเพาะจนก่อเกิดเป็นเรื่องราวเล่าขานจากรุ่นสู่รุ่นจากอดีตจวบจนปัจจุบัน เฉกเช่นเดียวกับการเดินทางมาถึงเมืองไทยครั้งแรกของเจ้ามาสด้า3 ที่เข้ามาสร้างตำนานประดับวงการรถยนต์ของประเทศไทย จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีรถยนต์รุ่นใดกล้าเทียบรัศมี การเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อปี 2547 มาสด้า3 กลายเป็นหนึ่งในกรณีศึกษาที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเปิดประเด็นกันอยู่เสมอ เมื่อรถยนต์รุ่นนี้ได้สร้างกระแสฟีเวอร์เกิดเสียงตอบรับจากลูกค้าอย่างถล่มทลายจนต้องรอคิวรับรถกันนานข้ามปี ก่อเกิดปรากฏการณ์ใหม่ของการจองรถสร้างความมหัศจรรย์ให้กับตลาดรถยนต์เป็นอย่างมาก
โดยเจเนอเรชั่นแรกออกวางจำหน่ายระหว่างปี พ.ศ. 2547 – 2554 มียอดขายสะสมกว่า 30,000 คัน ส่วนเจนฯ 2 ปี 2554 – 2557 มียอดขาย 15,000 คัน และเจนฯ 3 ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ปี 2557 – 2562 มียอดขายสะสมสูงถึง 32,000 คัน ปัจจุบันก้าวเข้าสู่เจเนอเรชั่นที่ 4 ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนกันยายน 2562 ภายใต้ตัวถังสองรูปแบบมีทั้งซีดานและฟาสท์แบคที่เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติเหนือกว่ารถยนต์ในระดับเดียวกันหลายๆ ด้าน จนทำให้สามารถคว้ารางวัล Thailand Car of the Year 2019 ในปีนั้นมาครอง และชนะเลิศเวทีระดับโลกอย่าง World Car Design of the Year 2020 รวมถึงรางวัลอื่นอีกมากมายจากนานาประเทศ เราจะมาวิเคราะห์กันว่ามาสด้า3 มีคุณสมบัติโดดเด่นอะไรบ้างถึงเป็นที่ยอมรับจากลูกค้าทั่วโลกรวมทั้งลูกค้าชาวไทย ตลอดจนการคว้ารางวัลการันตีความสำเร็จมากมายเช่นนี้
1. ยืนหนึ่งเรื่องดีไซน์จาก โคโดะ เจเนอเรชั่นที่ 2 ต้นแบบแห่งความสง่างาม
สิ่งแรกที่โดดเด่นและสะดุดตามากที่สุดของมาสด้า3 ที่ใครๆ ต่างก็เหลียวมองต้องยกให้กับการออกแบบดีไซน์ภายนอกอันสวยงาม ซึ่งเกิดจากการถ่ายทอดแนวคิด โคโดะ ดีไซน์ มาผสมผสานกับ “การเคลื่อนไหวที่เป็นหนึ่งเดียว” โดยรวมทิศทางของแสงและเงาที่สะท้อนลงบนตัวรถให้ความรู้สึกเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ด้วยการออกแบบที่แตกต่างส่งผลให้มาสด้า3 มีสองบุคลิกที่น่าดึงดูดใจ บุคลิกแรก คือ จิตวิญญาณอิสระ มุ่งมั่นที่จะทำตามความเชื่อมั่น และไม่ถูกจำกัดอยู่กับภูมิปัญญาแบบดั้งเดิม ถูกถ่ายทอดผ่านการออกแบบรุ่น ฟาสท์แบค ที่ให้อารมณ์สปอร์ตทรงพลังมีเสน่ห์ดึงดูดทุกสายตาและกระตุ้นความรู้สึกตื่นเต้น อีกบุคลิกหนึ่งผสมผสานศักดิ์ศรีกับแนวคิดปัจเจกชน การยึดมั่นในสไตล์ดั้งเดิมที่ซ่อนความงามอันน่าทึ่งเมื่อแรกเห็นผ่านรูปแบบ ซีดาน หรูหราสง่างามดุจงานศิลปะชิ้นเอก พิถีพิถันประณีตใส่ใจในทุกรายละเอียด
เพื่อให้เกิดความเรียบง่ายที่สุดในทุกองค์ประกอบ การออกแบบโดยลดทอนองค์ประกอบที่ไม่จำเป็นลงและเพิ่มการเล่นแสงที่ตกกระทบบนตัวรถ จึงทำให้ดูเรียบง่าย โฉบเฉี่ยว หรูหรา สง่างามในทุกมุมมอง สะกดทุกสายตาแก่ผู้พบเห็น จนถึงกระทั่งได้รับการตัดสินให้เป็นรถยนต์ที่มีการออกแบบยอดเยี่ยมของโลก ประจำปี 2020 หรือ World Car Design of the Year
2. คัดสรรเฉพาะวัสดุคุณภาพพรีเมี่ยม เรียบหรู ประณีตในทุกจุดสัมผัส
ไม่เพียงแค่การออกแบบภายนอกที่น่าหลงใหลเท่านั้น แต่ภายในห้องโดยสารก็มีความสวยงามเรียบหรูไม่แพ้กัน โดยมาสด้าเลือกใช้แต่วัสดุคุณภาพสูงที่ได้รับการคัดสรรอย่างประณีตและพิถีพิถันในทุกรายละเอียดเสมือนงานที่ทำจากมือ จึงทำให้การตกแต่งภายในดูมีชีวิตชีวาและมีความพรีเมี่ยม อีกทั้งยังจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ ในตำแหน่งที่เหมาะสมและเน้นหลัก “เรียบง่ายแต่งดงาม” หรือ less is more เช่นเดียวกับภายนอก เพื่อลดความซับซ้อนและเพิ่มความสะดวกในการใช้งานของห้องโดยสาร สร้างคุณค่าและความภาคภูมิใจในการได้ครอบครอง
3. ขับสะดวก นั่งสบาย ด้วยการออกแบบโดยยึดหลักมนุษย์เป็นศูนย์กลาง
รถยนต์รุ่นนี้ถูกพัฒนาขึ้นจากท่วงท่าการเดินของมนุษย์ และนำมาต่อยอดเพื่อสร้างความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างผู้ขับขี่กับรถตามหลักปรัชญา Jinba-Ittai เพื่อให้ตำแหน่งการขับขี่เป็นธรรมชาติและเหมาะสมกับสรีระมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบเบาะนั่งเพื่อรองรับกระดูกเชิงกรานและรักษาแนวของกระดูกสันหลังให้เป็นรูปตัว S ตามธรรมชาติของมนุษย์ การวางตำแหน่งของแป้นเหยียบ การปรับเบาะนั่ง การบังคับพวงมาลัย รวมถึงรูปแบบคอนโซลกลาง และพนักวางแขนก็ถูกออกแบบเพื่อช่วยลดความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ นอกจากนั้นยังมาพร้อมกับเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง ช่วยให้สามารถปรับตำแหน่งการขับขี่ให้เหมาะสมกับสรีระมากที่สุด
4. ช่วงล่างหนึบ ยึดเกาะถนนเยี่ยม ควบคุมได้อย่างมั่นใจแม้เป็นมือใหม่
สิ่งสำคัญที่ทำให้มาสด้า3 สามารถครองใจใครหลายต่อหลายคนได้นั้นต้องยกให้กับกับฟีลลิ่งในการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน ระบบเบรกที่แม่นยำ และยังมาพร้อมกับระบบการควบคุมการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) เพิ่มเสถียรภาพในการควบคุมรถให้การเข้าโค้งและออกจากโค้งเป็นไปอย่างราบรื่นและยึดเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น จึงช่วยลดความเมื่อยล้าสะสมจากการขับรถทางไกลและการโคลงตัวไปมาของผู้โดยสาร รวมถึงเพิ่มความมั่นใจในทุกสถานการณ์การขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยม เรียกได้ว่าทั้งนั่งสบายและขับขี่ง่ายแม้จะเป็นมือใหม่ก็ตาม
5. เครื่องยนต์แรง ขับสนุก อัตราเร่งต่อเนื่อง แถมประหยัดน้ำมัน
เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซินขนาด 2.0 ลิตร ถูกพัฒนาก้าวขึ้นไปอีกระดับด้วยเทคโนโลยีที่ฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง ผนวกกับหัวฉีดดีไซน์ใหม่ จึง
ส่งผลให้มีอัตราส่วนกำลังอัดสูง แรงบิดเพิ่มขึ้น และประหยัดน้ำมันมากขึ้น โดยให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ประหยัดน้ำมันสูงสุด 15.9 กิโลเมตรต่อลิตร รองรับน้ำมันเชื้อเพลิง E85 และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ 6 สปีด
6. ห้องโดยสารเงียบ ลดการสั่นสะเทือน และเสียงรบกวนจากภายนอก
ถูกออกแบบโดยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันเสียงเข้าสู่ห้องโดยสารและลดการสั่นสะเทือนให้มากยิ่งขึ้น โดยเลือกใช้โครงสร้างผนังสองชั้น ใช้แผงหลังคาและพรมปูพื้นที่สามารถดูดซับเสียงความถี่สูงได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว รวมถึงใช้ยางและสปริงที่ช่วยดูดซับแรงสั่นสะเทือนจากพื้นถนน จึงทำให้ห้องโดยเงียบและผู้โดยสารทุกคนสามารถเพลิดเพลินไปตลอดการเดินทาง
7. โครงสร้างตัวถังทำจากเหล็กกล้าแข็งแรงเป็นพิเศษ ลดการบาดเจ็บจากการชน
เป้าหมายของการพัฒนารถยนต์ของมาสด้า คือ เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความปลอดภัยสูงสุด มาสด้าจึงได้เลือกใช้โครงสร้างตัวถังที่ทำจากเหล็กกล้าที่มีความแข็งแรงพิเศษ (Ultra-high-tensile steel) สามารถดูดซับและกระจายแรงกระแทกจากด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง เพื่อให้เกิดการเสียรูปของห้องโดยสารน้อยที่สุด ลดการบาดเจ็บในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ การตกแต่งภายในยังใช้โครงสร้างป้องกันที่ถูกพัฒนาขึ้นตามลักษณะทางกายภาพของมนุษย์ สามารถลดการบาดเจ็บได้อย่างดีเยี่ยม สิ่งเหล่านี้ถือเป็นวิวัฒนาการที่สำคัญด้านมาตรฐานความปลอดภัย
8. พรั่งพร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย i-Activsense อุ่นใจทุกการเดินทาง
มาสด้า3 มอบความปลอดภัยและคุ้มค่าให้กับผู้โดยสารทุกคน ด้วยระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันและลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุบนถนนมากมาย อาทิ ระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า (CTS), ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติแบบ Advance, ระบบช่วยหยุดรถเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง SBS-RC, ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA, ระบบช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SBS-R เป็นต้น พร้อมยังมีระบบแสดงภาพ 360° รอบทิศทาง ถุงลมนิรภัยถึง 7 ตำแหน่ง และระบบความปลอดภัยเชิงปกป้องอีกเพียบเพื่อเสริมความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
9. เพิ่มความสุนทรีย์ตลอดการเดินทางด้วยระบบ Infotainment แบบจัดเต็ม
เพิ่มความสะดวกสบายตอบรับสังคมยุคดิจิทัล มาพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้าที่มีความละเอียดสูง เชื่อมต่อการสื่อสารอย่างไร้ขีดจำกัดด้วยระบบ Mazda Connect ที่สามารถรองรับระบบ Apple CarPlay และระบบ Android Auto พร้อมหน้าจอสี Center Display แบบ Widescreen ขนาด 8.8 นิ้ว ควบคุมง่ายด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนนและยังเพิ่มสุนทรียะให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้วยระบบเสียงจาก Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง ช่วยให้ช่วงเวลาบนรถเต็มไปด้วยความสุข สนุกสนาน และความเพลิดเพลินตลอดการเดินทาง
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของอีกหลายๆ เหตุผลที่ลูกค้าต่างชื่นชอบและการันตีความยอดเยี่ยมจากการใช้งานจริง ด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่นเหล่านี้จึงส่งผลให้รถยนต์มาสด้า3 กลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกอันดับแรกที่ตอบโจทย์และเป็นที่ปรารถนาของใครหลายๆ คน สนนราคาเริ่มต้นเพียง 969,000 บาท เรียกได้ว่าคุ้มค่าแก่การครอบครองในทุกมิติ ซึ่งจะเพิ่มสีสันและความสดใสในทุกๆ วัน ทำให้การเดินทางในแต่ละวันของคุณรู้สึกเหมือนการเดินทางเพื่อค้นพบสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ และช่วยให้ค้นพบความสุขของการใช้ชีวิตอย่างแท้จริง
โปรดติดตามความเคลื่อนไหวและกิจกรรมของมาสด้าผ่านทางโซเชียลมีเดีย
เว็บไซต์ www.mazda.co.th และ MazdaThailandOfficial Facebook/YouTube/Instagram/LINE
ข่าวรถวันนี้ (02/06/21) : มาสด้า ส่งแคมเปญ “MAZDA MID YEAR SALE” ข้อเสนอสุดคุ้มเพียง 9 วัน ดอกเบี้ยต่ำสุด 0% ฟรีค่าบำรุงรักษา 5 ปี เผยเดือนพฤษภาคมยอดขายโต 75%
มาสด้าเดินหน้ากระตุ้นตลาดต่อเนื่องพร้อมส่งแคมเปญพิเศษ “MAZDA MID YEAR SALE” กับ 9 วันดีๆ ที่สุดแห่งข้อเสนอ ระหว่างวันที่ 5 – 13 มิถุนายน 2564 เพื่อให้ลูกค้าได้เป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้าแบบสบายกระเป๋า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0% และฟรีค่าบำรุงรักษานาน 5 ปี พร้อมรับฟรีลำโพง JBL CLIP 4 มูลค่า 2,490 บาท เมื่อจอง 5,000 บาทขึ้นไป ณ โชว์รูมรถยนต์มาสด้า รวมถึงเปิดเผยผลงานชิ้นโบแดงจากการกระตุ้นกำลังซื้อจากแคมเปญ Mazda M Day ส่งผลให้เดือนพฤษภาคมยอดขายขยับขึ้นไปเกือบ 3,000 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 75% ตอกย้ำกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมต่อรถยนต์นั่งและครอสโอเวอร์เอสยูวีรวมทั้งปิกอัพมาสด้า บีที-50
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดรถยนต์เดือนเมษายนและพฤษภาคมที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์เมืองไทยพอสมควร เนื่องจากมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันค่อนข้างมากทำให้ประชาชนยังไม่มั่นใจถึงผลกระทบที่อาจจะตามมา และบางเคสตัดสินใจชะลอการรับรถออกไปก่อน แต่เชื่อว่าสถานการณ์จะเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น หลังจากที่ประชาชนเริ่มได้รับการฉีดวัคซีนเยอะขึ้น เห็นได้ชัดจากยอดจำหน่ายรถยนต์มาสด้าในเดือนพฤษภาคมก็เริ่มเติบโตอย่างชัดเจนเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันของปี 2563 โดยเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายนที่ผ่านมาถึง 27% หรือเพิ่มสูงขึ้นถึง 75% จากเดือนพฤษภาคมซึ่งเป็นช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
เดือนพฤษภาคม 2564 ยอดขายรถยนต์มาสด้ารวมทุกรุ่นอยู่ที่ 2,805 คัน โดยเฉพาะรถยนต์มาสด้า2 ที่ยังคงรักษาตำแหน่งแชมป์ยอดขายสูงสุด จำนวน 1,325 คัน เพิ่มขึ้น 47% ตามด้วยมาสด้า CX-30 จำนวน 668 คัน เพิ่มขึ้น 73%, มาสด้า CX-3 จำนวน 383 คัน เพิ่มขึ้นถึง 1,061%, มาสด้า3 จำนวน 199 คัน เพิ่มขึ้น 84% ส่วนปิกอัพมาสด้า บีที-50 เริ่มได้ทยอยส่งมอบให้ลูกค้ามากขึ้นหลังจากมีการผ่อนปรนมาตรการจากไฟแนนซ์ ทำให้ส่งถึงมือลูกค้าแล้วจำนวน 122 คัน เพิ่มขึ้น 190%, มาสด้า CX-8 จำนวน 56 คัน เพิ่มขึ้น 65%, มาสด้า MX-5 จำนวน 3 คัน เพิ่มขึ้น 50% ในขณะที่ยอดจำหน่ายมาสด้า CX-5 มีจำนวน 49 คัน ลดลง 48% ตามลำดับ
“ทั้งนี้เพื่อเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของลูกค้าในช่วงที่ยากลำบาก ดังนั้นทุกฝ่ายต้องร่วมด้วยช่วยกัน มาสด้าจึงจัดแคมเปญพิเศษในช่วงกลางปีกับ “MAZDA MID YEAR SALE” เพื่อให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้าได้ง่ายขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งแคมเปญที่มีความคุ้มค่ามากที่สุดในช่วงกลางเดือนมิถุนายน ด้วยการมอบข้อเสนอสุดคุ้มระหว่างวันที่ 5 – 13 มิถุนายน 2564 มีเพียงแค่ 9 วัน เท่านั้น เพื่อให้ลูกค้าได้มีโอกาสครอบครองรถยนต์มาสด้าทุกรุ่นได้อย่างง่ายดายและสบายกระเป๋า กับดอกเบี้ยต่ำสุด 0% ฟรีค่าบำรุงรักษาตลอดระยะเวลา 5 ปี กับ Mazda Added Protection และรับของกำนัลสุดพิเศษฟรีอีกหนึ่งต่อ กับลำโพง JBL CLIP 4 มูลค่า 2,490 บาท สำหรับลูกค้า 1,000 ท่านแรก ที่จอง 5,000 บาท และออกรถภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2564 เท่านั้น** เรียกได้ว่าเป็นโอกาสดีและเหมาะสมที่สุดสำหรับลูกค้าที่ต้องการซื้อรถยนต์มาสด้าเพื่อประกอบกิจการในชีวิตประจำวัน” นายธีร์ กล่าวเสริม
ทั้งนี้มาสด้าจะยังคงพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์และส่งมอบการบริการที่เป็นเลิศให้กับลูกค้าต่อไป เพื่อแทนคำขอบคุณที่ให้การสนับสนุนมาสด้ามาโดยตลอด ซึ่งลูกค้าที่สนใจเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้าทุกรุ่นสามารถทดลองขับพร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษกับแคมเปญ “MAZDA MID YEAR SALE” ที่จัดขึ้นเพียง 9 วัน ได้ที่โชว์รูมรถยนต์มาสด้าทั่วประเทศ หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.mazda.co.th
ข่าวรถวันนี้ (01/06/21) : มาสด้า ปรับทัพการบริหาร ขับเคลื่อนธุรกิจในยุคดิจิทัล ดัน ธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ กำหนดกลยุทธ์การขาย การตลาด ดีลเลอร์และลูกค้า
มาสด้าปรับทัพผู้บริหารรองรับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลที่กำลังรุกคืบเข้าสู่สังคมไทยอย่างรวดเร็ว โดยมอบหมายให้ นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ขยับขึ้นดำรงตำแหน่ง รองประธานบริหารอาวุโส เพื่อเข้ามากำกับดูแลในส่วนของการกำหนดกลยุทธ์การขาย การตลาด และการพัฒนาธุรกิจของมาสด้า เนื่องจากปัจจุบันโลกของธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่หยุดนิ่ง เกิดโอกาสใหม่ เกิดความท้าทาย และความเป็นไปได้มากมาย มาสด้าต้องยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ดังนั้นการปรับทัพในครั้งนี้จะทำให้องค์กรสามารถปรับตัวเข้ากับการดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัล และขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เร่งสร้างการเติบโตให้ยั่งยืนภายใต้การทำงานเป็นทีม หรือ One Mazda
ปัจจุบัน นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ดำรงตำแหน่ง รองประธานบริหาร กำกับดูแลรับผิดชอบในส่วนงานการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ ถูกแต่งตั้งให้ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง รองประธานบริหารอาวุโส เพื่อกำกับดูแลในส่วนสำคัญขององค์กรระหว่างประเทศ ทั้งสายงานด้านการขาย กลยุทธ์ด้านการตลาด การกำหนดยุทธศาสตร์การบริหารงานองค์กร การพัฒนาด้านผลิตภัณฑ์ การสื่อสารการตลาด การตลาดดิจิทัล การประชาสัมพันธ์ การพัฒนาธุรกิจและเครือข่ายผู้จำหน่ายทั่วประเทศ และรัฐกิจสัมพันธ์ ที่สำคัญคือการมุ่งมั่นเพื่อที่จะสร้างความพึงพอใจสูงสุดและสร้างสายสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป
นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด แสดงวิสัยทัศน์ในการเข้ามาบริหารองค์กรระหว่างประเทศท่ามกลางวิกฤตที่คนทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ว่า ด้วยสปิริตและความมุ่งมั่นที่เป็นเสมือนดีเอ็นเอมาสด้ามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า การปรับทัพเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของโลกการค้าเสรียุคดิจิทัลในครั้งนี้ จะสามารถนำพาให้องค์กรก้าวไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างชัดเจน ซึ่งในปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ว่าโลกยุคดิจิทัลมีผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก ทั้งในการเลือกซื้อรถและความพึงพอใจของลูกค้า ดังนั้นมาสด้าต้องเร่งปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อให้เกิดการดำเนินธุรกิจรูปแบบใหม่ที่ประกอบด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย โดยจะนำเอาเทคโนโลยีใหม่เข้ามาสร้างบทบาทมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการบริหารจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่ออำนวยความสะดวกในทุกรูปแบบและตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างรวดเร็วต่อสถานการณ์
“การปรับกลยุทธ์ด้วยการผนวกรวมในส่วนของการขายและการตลาด รวมทั้งการพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่ายแบบครบวงจรในครั้งนี้ มีส่วนสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพื่อเพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการภายในองค์กรให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยศักยภาพของคุณธีร์ ซึ่งมีประสบการณ์การบริหารธุรกิจในอุตสาหกรรมยานยนต์ มีความเข้าใจวัฒนธรรมองค์กรภายใต้ Mazda Way และเป็นกำลังสำคัญช่วยขับเคลื่อนมาสด้ามาตลอด ผมมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าการปรับทัพในครั้งนี้จะทำให้มาสด้าสามารถพัฒนารูปแบบและกำหนดแนวทางที่เหมาะสมในการดำเนินธุรกิจยุคใหม่ ประการสำคัญคือ มาสด้า เรามุ่งเน้นการสร้างทีมบริหารโดยให้คนไทยเข้ามามีบทบาทในทุกๆ ฟังก์ชั่น ภารกิจหลักคือการสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้เป็นหนึ่งเดียว ภายใต้ “One Mazda” การจะประสบความสำเร็จได้นั้นอาจต้องใช้ทักษะส่วนบุคคล แต่การจะทำให้องค์กรเติบโตอย่างยั่งยืนจำเป็นต้องอาศัยทีมที่แข็งแกร่ง การหลอมรวมทุกหน่วยงานเข้าสู่รูปแบบการทำงานร่วมกันอย่างมืออาชีพและไร้รอยต่อในทุกภาคส่วน จะนำไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ทั้งมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น รวมถึงผู้จำหน่าย เพื่อจะได้นำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า” นายชาญชัย กล่าวเพิ่มเติม
สำหรับนายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ เริ่มต้นเข้าบริหารองค์กรกับมาสด้า ตั้งแต่ปี 2550 ในตำแหน่งผู้จัดการ กำกับดูแลด้านผลิตภัณฑ์การตลาด และขยับขึ้นเป็นผู้อำนวยการเมื่อปี 2555 ในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายตลิตภัณฑ์การตลาดและนโยบายรัฐกิจ ต่อมาในปี 2558 ก้าวขึ้นมากำกับดูแลสายงานด้านการตลาด การวางแผนผลิตภัณฑ์ การสื่อสารการตลาด งานประชาสัมพันธ์ ฝ่ายการตลาด ล่าสุดเมื่อปี 2561 ได้รับการแต่งตั้งเป็น รองประธาน กำกับดูแลสายงานการตลาด กลยุทธ์การตลาด การวางแผนผลิตภัณฑ์ การสื่อสารการตลาด งานประชาสัมพันธ์ และรัฐกิจสัมพันธ์ ภายใต้ฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ มาจนถึงปัจจุบัน
ข่าวรถวันนี้ : 10 เหตุผลดีๆ ที่ควรเลือกมาสด้า บีที-50 เป็นปิกอัพคู่ใจในยุคนี้
เมื่อพูดถึงรถปิกอัพแล้วต้องบอกว่าเป็นยานพาหนะที่อยู่คู่กับคนไทยมายาวนาน แต่ปัจจุบันรูปแบบการดำเนินชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไปจากอดีต ถนนหนทางดีขึ้นกว่าสมัยก่อนมาก คนส่วนใหญ่จึงนิยมนำมาใช้งานอเนกประสงค์มากขึ้น และต้องตอบโจทย์ทุกความต้องการในรถคันเดียว จึงทำให้การตัดสินใจเลือกรถปิกอัพต้องคำนึงถึงองค์ประกอบหลายด้านรวมกัน ทั้งสมรรถนะของเครื่องยนต์ การประหยัดค่าใช้จ่าย ความอเนกประสงค์ สะดวกสบาย ดีไซน์ต้องโดนใจ และที่สำคัญต้องส่งผลต่อภาพลักษณ์ของผู้เป็นเจ้าของ แบบว่าขับแล้วต้องหล่อดูดี ซึ่งในท้องตลาดก็มีรถปิกอัพมากมายหลายยี่ห้อให้เลือก หนึ่งในนั้น คือ มาสด้า บีที-50 ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวเลือกลำดับต้นๆ ที่ผู้คนต่างให้ความสนใจ วันนี้เรามาเจาะลึกถึงคุณสมบัติที่มากับปิกอัพคันนี้กันว่าทำไมถึงต้องเลือกมาสด้า บีที-50 รถปิกอัพสไตล์เอสยูวีรุ่นนี้มาเป็นรถปิกอัพคู่ใจ พร้อมสำหรับการใช้งานในระยะยาว
1. ดีไซน์สง่างามสไตล์รถเอสยูวี
หากถ้าพูดถึงเรื่องความสง่างาม ความโดดเด่นด้านการออกแบบรถของแบรนด์มาสด้าแล้ว ต้องยกให้กับแนวคิด โคโดะ ดีไซน์ จิตวิญญานแห่งการเคลื่อนไหว เรียบง่ายแต่งดงาม ปิกอัพมาสด้า บีที-50 ถูกออกแบบตามแนวคิดนี้เช่นเดียวกับรถยนต์มาสด้ารุ่นอื่นๆ แต่ยังมีความพิเศษอยู่ที่ มาสด้าได้นำแนวคิดนี้มาผสมผสานกับรูปลักษณ์ที่แข็งแกร่งอันเป็นเอกลักษณ์ของรถปิกอัพ จึงทำให้รถรุ่นนี้กลายเป็นปิกอัพที่โดดเด่นที่สุดในทุกมุมมอง แตกต่างจากปิกอัพทั่วไปในท้องตลาดด้วยการเป็น “ปิกอัพสไตล์เอสยูวี” สไตล์คนยุคใหม่
2. ภายในเรียบหรู สะดวกสบาย คัดสรรด้วยวัสดุเกรดพรีเมี่ยม
ภายในห้องโดยสารเน้นความประณีตใส่ใจในทุกรายละเอียด โดยคัดสรรเลือกใช้เฉพาะวัสดุคุณภาพสูง จึงช่วยเพิ่มผิวสัมผัสถึงคุณภาพของการตกแต่งภายในห้องโดยสารได้อย่างลงตัว ออกแบบโดยเน้นผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลางตามหลัก Human Machine Interface เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานมากที่สุด นอกจากนี้ ความสะดวกสบายที่จัดมาให้อย่างเต็มเปี่ยม พวงมาลัยปรับได้มากถึง 4 ทิศทาง เบาะนั่งคนขับไฟฟ้าปรับ 8 ทิศทางและระบบดันหลัง ระบบปรับอากาศแบบ Dual Zone ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ลำโพงมากถึง 8 ตำแหน่ง ที่พักแขนพร้อมที่วางแก้ว 2 ตำแหน่ง ช่องเสียบ USB ช่องเก็บของสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกตำแหน่ง
3. เครื่องยนต์ทรงพลัง ทนทาน แรงและประหยัดน้ำมัน
ผู้ใช้งานรถปิกอัพต้องการรถที่เครื่องยนต์มีกำลังสูง มาสด้า บีที-50 ตอบสนองความต้องการส่วนนี้ได้เป็นอย่างดี กับตัวเลือกเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร ในรุ่นขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบหัวฉีดน้ำมันแรงดันสูง 250 MPa ให้ละอองน้ำมันละเอียดและการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ ประหยัดน้ำมันได้ถึง 14.1 กิโลเมตร/ลิตร นอกจากนี้ อีกหนึ่งทางเลือกเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1.9 ลิตร กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ประหยัดน้ำมันถึง 16.1 กิโลเมตร/ลิตร ถือว่าดีที่สุดในคลาส
4. ตัวถังแข็งแกร่ง เสถียรภาพการขับขี่ดีเยี่ยม รองรับการบรรทุกของได้อย่างเหลือล้น
โครงสร้างตัวถังผลิตขึ้นจากเหล็กกล้าที่ทนต่อแรงดึงสูง (High Tensile Steel) ช่วยเพิ่มความปลอดภัย ลดการสั่นสะเทือนและเสียงรบกวนจากภายนอก ให้เสถียรภาพในการขับขี่ที่ดีเยี่ยมด้วยระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น กับคอยล์สปริงที่ช่วยเพิ่มความนุ่มสบาย ซับแรงกระแทกที่จะเข้าสู่ห้องโดยสาร พร้อมเหล็กกันโคลงหน้าช่วยเพิ่มเสถียรภาพการทรงตัว ชุดแหนบด้านหลังที่ยาวถึง 1,370 มม. เพิ่มความสามารถในการบรรทุก ทำให้ง่ายต่อการขนถ่ายสัมภาระและบรรทุกได้มากขึ้น
5. ตอบรับวิถีคนรุ่นใหม่ เชื่อมต่อไร้ขีดจำกัดด้วยระบบ infotainment ครบครัน
ตอบโจทย์รูปแบบการเชื่อมต่อการสื่อสารในยุคดิจิทัลได้อย่างลงตัวกับระบบ Infotainment ที่มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลความละเอียดสูง WXGA ขนาด 7 นิ้ว หรือ 9 นิ้ว รวมถึงรองรับ Apple CarPlay® และ Android Auto™ ใช้งาน Miracast แบบไร้สาย รองรับการเชื่อมต่อแบบ MirrorLink ระบบนำทางที่ติดตั้งมากับรุ่นหน้าจอขนาด 9 นิ้ว ใช้งานโดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทาง
6. สองทางเลือกกับระบบขับเคลื่อนที่ตอบโจทย์การใช้งานอย่างทรหด
ระบบขับเคลื่อน 2 รูปแบบ คือ ระบบขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อ และระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ ซึ่งในรุ่นระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ ใช้เพลาขับที่ทำจากอลูมิเนียม ทำให้รถเบาขึ้นและสามารถสลับโหมดการขับเคลื่อนและการทำงาน 4H/4L ได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับระบบ Electronic Diff-Lock ที่เฟืองท้าย ที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดและพร้อมรับมือได้ทุกสภาพถนนที่ยากต่อการขับขี่
7. ระบบปลอดภัยเป็นเลิศอุ่นใจกับเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง
เทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงได้ถูกติดตั้งมาพร้อมกับตัวรถเพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัย เพื่อให้ขับขี่มั่นใจยิ่งขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ ได้แก่ ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM และ ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA ระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันก่อนเกิดเหตุ ได้แก่ ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC), ระบบช่วยออกตัวรถขณะอยู่บนทางลาดชัน (HLA), เซ็นเซอร์กะระยะทั้งด้านหน้าและด้านหลังรวม 8 ตำแหน่ง, ถุงลมนิรภัยรวมสูงสุดถึง 6 ตำแหน่ง เพื่อความปลอดภัยสูงสุดทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
8. ตอบโจทย์การใช้งานทุกสถานการณ์
เนื่องจากปิกอัพรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ขับขี่ได้ในทุกสถานการณ์ ทั้งในเมืองและออฟโรด จึงสามารถขับบนถนนขรุขระได้อย่างดีเยี่ยม มาพร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (TCS) ช่วยควบคุมกำลังขับที่เหมาะสม ให้ความคล่องแคล่วและการควบคุมที่แม่นยำ ในรุ่นยกสูงขับเคลื่อน 2 ล้อ (Hi-Racer) และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ยังขับลุยน้ำได้ถึง 800 มิลลิเมตร เนื่องจากท่ออากาศหลักได้ถูกติดตั้งอยู่ด้านหน้าเหนือแผงด้านบนของหม้อน้ำ มีโครงสร้างช่วยให้ช่องว่างรอบท่อปิดสนิท จึงป้องกันไม่ให้น้ำเข้าสู่ระบบท่ออากาศเมื่อต้องขับลุยน้ำ และรถรุ่นนี้ยังใช้งานในเมืองได้อย่างคล่องแคล่วและง่ายดาย
9. คุ้มค่ามากที่สุดกับค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาต่ำ
มาสด้า บีที-50 มีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาตลอดระยะเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กม. เริ่มต้นเพียง 20,985 บาท เท่านั้น มาพร้อมกับโปรโมชั่นพิเศษ ดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% ฟรีค่าแรงเช็กระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กม. ช่วยลดภาระค่าบำรุงรักษาและยังใช้อะไหล่และของเหลวคุณภาพสูงในราคาเป็นมิตร เรียกได้ว่าคุ้มค่าที่สุดเหมาะที่จะเป็นปิกอัพคู่ใจลูกค้าไปตลอดอายุการใช้งาน
10. การสื่อสารชัดเจนปิกอัพสำหรับคนรุ่นใหม่พร้อมทุกสถานการณ์
การวางตำแหน่งทางการตลาดภายใต้สโลแกน: พร้อม…กับทุกด้านของชีวิต สะท้อนภาพลักษณ์ของคนยุคใหม่ มีแนวทางการใช้ชีวิตที่ชัดเจน ไม่เหมือนใคร เต็มที่กับทุกด้านได้ในแบบที่ต้องการ โดยสื่อสารให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของปิกอัพมากยิ่งขึ้น ใช้อาชีพที่เป็นตัวแทนของกลุ่มเป้าหมาย ให้คุณพร้อมไปกับทุกภารกิจ ไม่ว่าเค้าจะทำอาชีพอะไร Mazda BT-50 ก็ตอบโจทย์ทุกอาชีพ ทั้งธุรกิจ ครอบครัว และชีวิตส่วนตัว ตามคอนเซ็ปต์ “พร้อม…ทุกเมื่อ เพื่อทุกงาน”
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่มาสด้ามุ่งมั่นตั้งใจในการผลิตปิกอัพ บีที-50 ยังมีจุดเด่นอีกเพียบที่รอให้ค้นหา ลองแวะไปที่โชว์รูมเพื่อทดลองขับ แล้วคุณจะสัมผัสได้ถึงบุคลิกและพลังที่ซ่อนอยู่ของรถปิกอัพที่ไม่ได้มีดีแค่หน้าตา แต่นี่คือปิกอัพที่ พร้อม…กับทุกด้านของชีวิต
ข่าวรถวันนี้ (24/05/2021) : มาสด้า เปิดศูนย์บริการ FAST SERVICE แห่งแรกในไทย รองรับการให้บริการตรวจเช็กตามระยะแบบเร่งด่วนภายใน 30 นาที
มาสด้าเริ่มขยายโมเดลธุรกิจในรูปแบบใหม่ เตรียมเปิดศูนย์บริการเพื่อให้บริการเฉพาะด้านการตรวจเช็กรถตามระยะทางแบบเร่งด่วน และสามารถรอรับรถกลับได้ทันทีภายใน 30 นาที หรือ FAST SERVICE เพื่อรองรับกับปริมาณลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนศูนย์บริการหลักเริ่มมีจำนวนลูกค้าเข้าใช้บริการอย่างหนาแน่น จนเกิดการรอคิวเพื่อนำรถมาเข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเพื่อลดความแออัดดังกล่าวและอำนวยความสะดวกแบบรวดเร็วทันใจ มาสด้าจึงได้ทำการเปิดศูนย์บริการเฉพาะการบริการแบบเร่งด่วน เพื่อเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในสังคมยุคปัจจุบันที่ทุกคนต่างเร่งรีบ รวมทั้งเป็นการช่วยบรรเทาและลดความแออัดของศูนย์บริการหลักได้เป็นอย่างดี
นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันมาสด้ามีโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการมาตรฐานทั่วประเทศไทยทั้งหมด 140 แห่ง แม้ว่าปีนี้จะตั้งเป้าเพิ่มขึ้นอีก 10 แห่ง แต่ทั้งหมดที่กำลังจะเกิดขึ้นก็ยังไม่เพียงพอต่อการเข้ารับบริการของลูกค้า ดังนั้นการลงทุนเพื่อเปิดเฉพาะศูนย์บริการแบบเร่งด่วนขึ้น จะช่วยแบ่งเบาภาระและลดความแออัดของศูนย์ใหญ่และเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า ซึ่งศูนย์บริการแห่งนี้จะเป็นต้นแบบให้กับการขยายธุรกิจของดีลเลอร์ที่มีโชว์รูมหลักอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าจะเปิดช่องซ่อมแบบเร่งด่วนเพิ่มเติม หรือ FAST TRACK ไปแล้วก็ตาม แต่ยังคงไม่เพียงพอต่อความต้องการ ดังนั้นการเปิดเฉพาะงานซ่อมบำรุงรักษาตามระยะจึงเป็นทางออกที่เหมาะสม โดยเฉพาะลูกค้าที่อาศัยอยู่ในย่านชุมชนจะได้มีทางเลือกในการนำรถเข้ารับบริการที่สะดวกรวดเร็ว ลดการรอคิว และลดความแออัดของศูนย์บริการหลักที่มีลูกค้าเข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก โดยสาขาแรกที่เปิดให้บริการตั้งอยู่ในซอยวัชรพล เขตบางเขน จะเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป ซึ่งบริหารงานโดย มาสด้า แอลบาทรอส ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของมาสด้าในประเทศไทยที่มีโชว์รูมหลักอยู่บนถนนรามอินทราและลำลูกกา
หากนับย้อนกลับไป 10 ปี ปริมาณรถยนต์มาสด้าที่กำลังวิ่งอยู่บนถนนในเมืองไทยมีมากกว่า 500,000 คัน และมีจำนวนลูกค้าที่นำรถเข้าเช็กระยะกับศูนย์บริการมาตรฐานมาสด้าเกินกว่า 80% และจากการขายที่เพิ่มสูงขึ้นในทุกๆ ปี ส่งผลให้โชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานไม่เพียงพอกับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการขยายศูนย์เซอร์วิสที่ให้บริการแบบเร่งด่วน หรือ FAST SERVICE จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของศูนย์ใหญ่และเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการเข้ารับการบริการของลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุดและยกระดับคุณภาพบริการหลังการขายให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ
นายชาญชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า วัตถุประสงค์หลักของการเปิดศูนย์บริการ MAZDA FAST SERVICE เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ด้วยการใช้เวลาในการตรวจเช็กตามระยะน้อยลงจากปกติครึ่งหนึ่ง หรือใช้เวลาเพียงแค่ 30 นาที เท่านั้น ซึ่งลูกค้าสามารถรอรับรถกลับได้เลย โดยงานบริการลูกค้าแบบเร่งด่วนที่รองรับ ประกอบด้วย การบำรุงรักษาตามระยะที่กำหนด*, บริการเติมฟรีลมยางไนโตรเจน, งานโปรแกรมพิเศษหรืออัพเดทโปรแกรม Software, โช๊คอัพ, งานระบบเบรก และเปลี่ยนแบตเตอรี่ ซึ่งการให้บริการต่างๆ เหล่านี้ ดำเนินการโดยช่างเทคนิคผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมและการทดสอบจากศูนย์ฝึกอบรมมาสด้า รวมถึงใช้อุปกรณ์มาตรฐานและเครื่องมือที่คัดสรรอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้การตรวจเช็กมีความแม่นยำสูงที่สุด ที่สำคัญเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของเหลวที่มีประสิทธิภาพสูงเท่านั้น เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่ารถทุกคันที่เข้ารับบริการที่ MAZDA FAST SERVICE จะได้รับบริการที่เป็นมาตรฐานเฉกเช่นเดียวกับที่ศูนย์บริการหลัก
วันนี้ มาสด้าถือฤกษ์งามยามดีประเดิมเปิดศูนย์บริการแบบเร่งด่วน MAZDA FAST SERVICE แห่งแรกในประเทศไทย บนทำเลใจกลางชุมชนย่านวัชรพล ให้บริการตรวจเช็กตามระยะแบบเร่งด่วนภายในเวลา 30 นาที* เพิ่มความสะดวก รวดเร็ว ทันใจ พร้อมตอบรับสังคมยุคใหม่แบบไร้เงินสดด้วยการรับชำระค่าบริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น โดยตั้งเป้าเปิดให้บริการเพิ่มในอีกหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อสานต่อปณิธานในการส่งมอบบริการที่เหนือระดับให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุด
สำหรับการเปิด MAZDA FAST SERVICE แห่งแรกนี้ ดำเนินงานโดย นางสาวอัญญาพร แซ่คู กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลบาทรอส ออโต้ จำกัด ซึ่งปัจจุบันมีโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการมาตรฐานอยู่บนถนนรามอินทรา กม. 2 และถนนลำลูกกา กม. 4 ซึ่งเป็น 2 โชว์รูมหลัก และขยายเพิ่มเติมเพื่อให้บริการเฉพาะการตรวจเช็กตามระยะแบบเร่งด่วน ตั้งอยู่ในซอยวัชรพล ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนและย่านเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่กำลังบูม สำหรับลูกค้าที่ต้องการนำรถเข้าตรวจเช็กตามระยะแบบเร่งด่วนกับ MAZDA FAST SERVICE สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการ มาสด้า แอลบาทรอส วัชรพล โทรศัพท์ 081-770-0909 โดยเปิดให้บริการทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ตั้งแต่เวลา 08:00 – 17:00 น.
ข่าวรถวันนี้ : มาสด้า มอบช่วงเวลาแห่งความสุขกับข้อเสนอสุดคุ้มแห่งปี “M DAY” พร้อมเผยยอดขายเดือนเมษายนยังแรงโตอีก 118%
มาสด้าอัดแคมเปญสุดคุ้มแห่งปี มาสด้า “M DAY” ตลอดเดือนพฤษภาคมกับดอกเบี้ยต่ำสุด 0% ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance ฟรีค่าแรงเช็กระยะนาน 5 ปี หรือ 100,000 กม. พร้อมเพิ่มความคุ้ม มอบฟรีลำโพงบลูทูธ JBL CLIP 4 มูลค่า 2,490 บาท สำหรับลูกค้า 1,000 ท่านแรกที่จองรถมาสด้าระหว่างวันที่ 8 – 16 พฤษภาคม 2564 เพื่อแทนคำขอบคุณที่ให้การสนับสนุนและเชื่อมั่นในมาสด้าเสมอมา รวมถึงเผยความสำเร็จยอดขายเดือนเมษายนที่ผ่านมาเติบโตเป็นประวัติการณ์ถึง 118% ท่ามกลางกระแสโควิดระลอกใหม่ในประเทศไทย
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหาร ฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แคมเปญมาสด้า “M Day” นับเป็นแคมเปญร้อนแรงแห่งปีที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง เนื่องจากให้ข้อเสนอที่คุ้มค่า มีความหลากหลายและเอื้อประโยชน์ให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ยต่ำสุด 0% ฟรีประกันภัยชั้น 1 ฟรีค่าแรงเช็กระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กม. และอื่นๆ ทั้งนี้มาสด้ามองว่า แม้ประเทศไทยจะอยู่ในภาวะวิกฤตโควิด-19 ระลอกใหม่ แต่เชื่อว่าประชาชนยังมีความต้องการซื้อและมีกำลังซื้อมากพอ เพียงแต่ยังมองหาโอกาสและแคมเปญพิเศษที่เหมาะสมเท่านั้น ดังนั้นแคมเปญมาสด้า “M Day” จึงถือเป็นแคมเปญที่ดีที่สุดของปีและเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าที่ต้องการซื้อรถ ซึ่งลูกค้าไม่ควรพลาดกับโอกาสดีๆ เช่นนี้”
นอกจากนี้ นายธีร์ ยังได้กล่าวถึงสถานการณ์รถยนต์และยอดขายมาสด้าในเดือนเมษายน 2564 ว่า โดยภาพรวมตลาดรถยนต์ในเดือนเมษายนที่ผ่านมาถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยมียอดขายรวมอยู่ที่ 58,000 คัน (ตัวเลขประมาณการ) ซึ่งนับว่าเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2563 เช่นเดียวกับมาสด้าก็มียอดขายรถทุกรุ่นเติบโตสอดคล้องกับภาพรวมของตลาด โดยแบ่งออกเป็น มาสด้า2 จำนวน 969 คัน เพิ่มขึ้น 118%, มาสด้า3 จำนวน 189 คัน เพิ่มขึ้น 178%, มาสด้า CX-3 จำนวน 232 คัน เพิ่มขึ้น 648%, มาสด้า CX-30 จำนวน 639 คัน เพิ่มขึ้น 85%, CX-5 จำนวน 63 คัน เพิ่มขึ้น 7%, CX-8 จำนวน 66 คัน เพิ่มขึ้น 100% และมาสด้า บีที-50 จำนวน 50 คัน เพิ่มขึ้น 67% ตามลำดับ จึงทำให้ยอดขายรถมาสด้าประจำเดือนเมษายนมีตัวเลขรวมอยู่ที่ 2,208 คัน หรือเติบโตถึง 118% เมื่อเทียบกับจำนวน 1,012 คัน เมื่อเทียบกับเดือนเมษายนปี 2563 และมียอดจำหน่ายสะสมรวม 4 เดือนแรกของปี 2564 อยู่ที่ 13,098 คัน หรือเติบโตขึ้นถึง 17%
ในโอกาสนี้ เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าที่สนับสนุนและเชื่อมั่นในแบรนด์มาสด้า จึงขอมอบเสนอสุดพิเศษกับแคมเปญมาสด้า “M DAY” ตลอดเดือนพฤษภาคม 2564 พร้อมมอบฟรีลำโพงบลูทูธ JBL CLIP 4 มูลค่า 2,490 บาท สำหรับลูกค้า 1,000 ท่านแรกที่จองรถระหว่างวันที่ 8 – 16 พฤษภาคม 2564 เท่านั้น ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ.
ข่าวรถวันนี้ (05/05/2021) : มาสด้า เปิดแผนยุทธศาสตร์สู้วิกฤตโควิด ดึงดีลเลอร์ พนักงาน และลูกค้า รวมเป็นหนึ่งเดียว ตั้งเป้าโต 30%
การแพร่ระบาดของโรคโคโรน่าไวรัส ล้วนส่งผลกระทบในวงกว้างและก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในประเทศไทยรวมทั้งทั่วโลก ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม การดำเนินธุรกิจ ตลอดจนพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งความมุ่งมั่นของ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ได้เปิดแผนยุทธศาสตร์การบริหารเพื่อก้าวสู่ความสำเร็จท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 เน้นทำงานร่วมกันเป็นทีมภายใต้แนวคิด “One Mazda” ผลักดันประสิทธิภาพทุกหน่วยงานและดูแลลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น พร้อมเดินหน้าขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายให้ครบ 150 แห่งภายในปีงบประมาณนี้
นอกจากนี้มาสด้ายังได้แถลงความสำเร็จการดำเนินธุรกิจประจำปีงบประมาณ 2020 หรือ Fiscal Year 2020 ซึ่งสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2564 ที่ผ่านมา ด้วยตัวเลขยอดขายรถยนต์ใหม่ทะลุ 4 หมื่นคัน ทั้งรถเก๋งและรถอเนกประสงค์ต่างเก็บยอดขายเป็นกอบเป็นกำ โดยเฉพาะมาสด้า2 และ CX-30 ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าอย่างล้นหลาม พร้อมประกาศเดินหน้าท้าโควิดด้วยการตั้งเป้ายอดขายสูงถึง 52,000 คัน ชิงส่วนแบ่งการตลาด 6.2% หรือเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 30%
นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงความสำเร็จของมาสด้าในปีงบประมาณ 2020 (ระหว่างเดือนเมษายน 2563 – มีนาคม 2564) ที่ผ่านมาว่า แม้ตลาดรถยนต์ในช่วงปีที่ผ่านมาจะมีการแข่งขันที่สูงมาก อีกทั้งยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกรอบทิศทาง แต่มาสด้าก็ยังสามารถทำยอดขายรวมทะลุ 4 หมื่นคัน ขยายตัวลดลง 23% ครองส่วนแบ่งการตลาด 5.1% ในขณะที่อุตสาหกรรมรถยนต์ลดลง 17% ด้วยตัวเลขยอดขายรวมทั้งสิ้น 786,877 คัน ซึ่งแม้ว่าจำนวนยอดขายรวมรถยนต์มาสด้าจะลดลง แต่มาสด้า ประเทศไทย ก็ยังคงเป็น 1 ใน 10 ของประเทศที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงที่สุดของมาสด้าทั่วโลก
สรุปยอดขายรถยนต์มาสด้าประจำปีงบประมาณ 2020 อยู่ที่ 40,004 คัน แบ่งออกเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลด้วยจำนวนที่สูงถึง 23,548 คัน โดยเฉพาะมาสด้า2 ยังคงร้อนแรงต่อเนื่องด้วยยอดขายเกินกว่าครึ่งมีจำนวนสูงถึง 20,741 คัน ตามมาด้วยรถเก๋งมาสด้า3 อีกจำนวน 2,800 คัน ในขณะที่รถปิกอัพ บีที-50 ก็กำลังได้รับความนิยมไม่แพ้กันด้วยยอดขายกว่า 2,471 คัน ส่วนรถยนต์อเนกประสงค์ตระกูล CX-Series จำนวน 13,985 คัน เติบโตเพิ่มขึ้นมากที่สุดถึง 134% อันได้แก่ รถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวี CX-30 มียอดขายสูงสุดถึง 7,582 ตามมาด้วย CX-3 จำนวน 3,100 คัน CX-8 จำนวน 1,917 และ CX-5 จำนวน 1,386 คัน และสุดท้ายรถยนต์ MX-5 รถสปอร์ตเปิดประทุนแบรนด์ไอคอนระดับตำนานของมาสด้ามียอดขายรวมอีก 7 คัน
สรุปยอดจำหน่ายรถยนต์มาสด้าประจำปีงบประมาณ 2563 เทียบกับปีงบประมาณ 2562
สำหรับสถานการณ์ตลาดรถยนต์ไตรมาสแรกของปี 2564 แม้จะมีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมในภาพรวม โดยเฉพาะจากการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจปีนี้ชะลอตัวลง แต่รถยนต์มาสด้ายังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า อันเนื่องมาจากแผนกลยุทธ์ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ด้านการตลาด การนำเสนอผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค และการยกระดับมาตรฐานการให้บริการหลังการขาย ที่ล้วนทำให้ได้รับความเชื่อมั่นจากทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ จึงทำให้มาสด้าสามารถปิดยอดขายในไตรมาสแรกได้สูงถึง 10,890 คัน เพิ่มขึ้น 7% จากไตรมาสแรกของปี 2563 ซึ่งมียอดขายรวมที่ 10,152 คัน
โดยเฉพาะรถยนต์นั่งซึ่งมาสด้า2 ยังคงได้รับความนิยมสูงสุด ด้วยจำนวน 5,686 คัน, มาสด้า3 จำนวน 704 คัน ตามมาด้วยรถปิกอัพมาสด้า บีที-50 มียอดขายรวม 429 คัน ส่วนรถอเนกประสงค์ตระกูล CX-Series มียอดรวมทั้งสิ้น 4,071 เพิ่มขึ้นสูงถึง 126% นำโด่งโดย CX-30 ครอสโอเวอร์ที่ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีและมียอดขายรวมมาเป็นอันดับหนึ่ง จำนวน 2,298 คัน ตามติดด้วย CX-3 จำนวน 1,189 คัน CX-8 มียอดขายสูงถึง 354 คัน และ CX-5 จำนวน 230 คัน ตามลำดับ
สรุปยอดจำหน่ายรถยนต์มาสด้าไตรมาสแรกปี 2564 เปรียบเทียบกับไตรมาสแรกปี 2563
นอกจากนี้ นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ยังได้แสดงวิสัยทัศน์ในการบริหารองค์กรระหว่างประเทศท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 เพิ่มเติมว่า “มาสด้าเชื่อว่าการปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ จะสามารถนำพาให้องค์กรก้าวไปสู่เป้าหมายได้” ซึ่งนโยบายการบริหารองค์กรของมาสด้า วางอยู่บนพื้นฐานดังต่อไปนี้
การบริหารองค์กรระหว่างประเทศด้วยการจัดการทรัพยากรบุคคล
องค์กรที่จะประสบความสำเร็จได้นั้นล้วนต้องขับเคลื่อนด้วยบุคลากรเป็นหลัก จึงเน้นการทำงานที่ผสานระหว่างความแตกต่างของปัจเจกบุคคลและให้เกียรติทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน รวมถึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะ เพื่อให้พนักงานในทุกระดับสามารถนำมาใช้ประกอบกับการทำงาน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
เน้นความสำคัญของการสื่อสารแบบครบวงจรที่ตอบรับกับสังคมในยุคดิจิทัล เพื่อให้ทุกคนตระหนักรู้ถึงเป้าหมายของบริษัท และสามารถทำงานร่วมกันภายใต้เป้าหมายเดียวกันนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงให้การดูแลผู้จำหน่ายอย่างทั่วถึง เพราะผู้จำหน่ายคือกำลังสำคัญที่จะส่งเสริมให้องค์กรเติบโตอย่างมั่นคง และส่งมอบบริการที่ดีเยี่ยมให้กับลูกค้าได้
การสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้เป็นหนึ่งเดียว “One Mazda”
การประสบความสำเร็จอาจต้องใช้ทักษะส่วนบุคคล แต่การจะทำให้องค์กรเติบโตอย่างยั่งยืนจำเป็นต้องอาศัยทีมที่แข็งแกร่ง ดังนั้นการสร้าง “แบรนด์” ให้เกิดความแข็งแกร่งและยั่งยืนในระยะยาวจำเป็นต้องสร้างทีม มาสด้าจึงนำยุทธ์ศาสตร์การทำงานเป็นทีม หรือ “One Mazda” ด้วยการหลอมรวมทุกหน่วยงานเข้าสู่รูปแบบการทำงานร่วมกันอย่างมืออาชีพ และไร้รอยต่อในทุกภาคส่วน ทั้งการขาย การบริการหลังการขาย และการผลิตให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ทั้งมาสด้าเซลส์ประเทศไทย มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น รวมถึงผู้จำหน่าย เพื่อจะได้นำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า เป็น “One Mazda One Team” ที่ทุกคนล้วนแต่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน
การบริหารงานโดยมีมาสด้า ประเทศไทย เป็นศูนย์กลาง
บริหารองค์กรในลักษณะ Distribution Business ที่มีมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เป็นศูนย์กลาง และผู้จำหน่ายเป็นด่านแรกในการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีไปยังลูกค้า รวมถึงสร้างความเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เรายึดหลักว่า ต้องให้การดูแลผู้จำหน่ายอย่างดีที่สุด ประเมินว่าสิ่งใดที่ทำแล้วเกิดผลดีต่อทั้งบริษัทและผู้จำหน่าย เน้นการทำงานให้เกิดประสิทธิผล เพราะถ้าหากผู้จำหน่ายอยู่ไม่ได้ มาสด้าก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน ในขณะเดียวกัน ก็ยังทำงานควบคู่ไปกับมาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น การผลักดันให้ผู้บริหารคนไทย และพนักงานทุกคนที่มีความเข้าใจในตลาด และเข้าใจความต้องการของลูกค้าคนไทย ได้มีโอกาสบริการจัดการอย่างเต็มที่ในทุกๆ ฟังก์ชัน เพื่อให้เกิดผลลัพธ์สูงสุดต่อลูกค้า ตามแนวคิด “Optimize Global and Local Initiatives, Empower local Thai Management Team”
การบริหารความแตกต่างด้านวัฒนธรรมระหว่างไทย-ญี่ปุ่น
เราได้นำข้อดีจากความต่างของสองวัฒนธรรมมาใช้ในการบริหารงาน เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ในองค์กรของเรามีทั้งคนไทยและคนญี่ปุ่นที่ทำงานร่วมกัน ดังนั้น เราจึงเน้นการขจัดอุปสรรคที่อาจจะเกิดขึ้นในการทำงาน เช่น อุปสรรคด้านภาษาและวัฒนธรรม เพื่อลดความไม่เข้าใจและเพื่อให้งานดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น ส่งเสริมความเข้าใจของแต่ละวัฒนธรรมการทำงาน และนำข้อดีมาประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด สื่อสารกับ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น สำนักงานใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น ถึงความต้องการและเสียงสะท้อนของลูกค้าในประเทศไทยในด้านต่างๆ เพื่อวางแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้มากที่สุด
นอกจากนี้ ประธานบริหารยังได้แสดงวิสัยทัศน์เพิ่มเติมเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจในปีนี้ว่า “แม้ว่าจะยังมองไม่เห็นทิศทางที่สดใสอันเนื่องมาจากการชะลอตัวของภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศและทั่วโลก ซึ่งเป็นผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งทางด้านอุตสาหกรรม ภาคการส่งออก และการท่องเที่ยว ซึ่งคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะชะลอตัวลงและต่ำกว่าศักยภาพที่ควรจะเป็น และมากกว่าที่ประเมินไว้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา แต่เรายังมีความหวังว่า ด้วยแรงสนับสนุนจากมาตรการต่างๆ ของทางภาครัฐที่จะเข้ามาช่วยบรรเทาปัญหาด้านสภาพคล่องทางการเงิน และจากความร่วมแรงร่วมใจกันจากทุกภาคส่วนเชื่อว่าจะช่วยประคับประคองให้เศรษฐกิจของประเทศสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งมาสด้าเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น ด้วยกลยุทธ์หลักทั้ง 4 ด้าน ได้แก่
การบริหารธุรกิจภายใต้สถานการณ์ที่ไม่แน่นอนด้วยการเรียนรู้จากข้อผิดพลาด
เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันทำให้การบริหารธุรกิจต้องเผชิญกับสิ่งที่ไม่คาดคิด สถานการณ์ที่ไม่แน่นอนและส่งผลในทางลบต่อการดำเนินธุรกิจ และผู้บริโภคในวงกว้าง ปัจจัยสำคัญคือการสร้างความยืดหยุ่นในการบริหารและการจัดการ เมื่อสถานการณ์ตลาดไม่เอื้ออำนวยและทำให้เราไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้ เราต้องเน้นให้เกิดทักษะการบริหารงานจากความผิดพลาดเพื่อปรับเกม ปรับแท็คติก ที่สอดรับกับสถานการณ์อย่างรวดเร็ว ซึ่งการบริหารงานลักษณะนี้จำเป็นต้องมีการเพิ่มทักษะส่วนบุคคลของพนักงาน แบบ Meta Skill ที่ต้องมองปัจจัยรอบด้าน เข้าใจองค์ประกอบของปัญหา ปรับวิกฤตของสถานการณ์ให้เป็นโอกาส จากการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ใช้ประสบการณ์รอบด้านที่เก็บสะสมมา การทำงานร่วมกันเป็นทีม ที่ใช้จุดแข็งของตัวเองและคนในทีมเพื่อกำจัดจุดอ่อน และสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้ง การให้อำนาจในการตัดสินใจและความคล่องตัวในการบริหาร ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น เพื่อให้ทันต่อเวลาและสถานการณ์ การเรียนรู้จากการผิดพลาดหรือ Resilience skill คือหัวใจของการบริหารงานภายใต้สถานการณ์ที่ไม่แน่นอนเช่นเดียวกับสถานการณ์ปัจจุบัน ทั้งหมดนี้จะช่วยเพิ่มความสามารถในการรับมือกับวิกฤต และนำไปสู่ความสามารถในการก้าวพ้นวิกฤตได้ดีกว่าคู่แข่ง
กลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์
มาสด้าจะยังคงนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีทันสมัย ภายใต้กลยุทธ์ “Product and Technology Value Enhancement” เพื่อสร้างความแตกต่างในตลาดและนำเสนอแต่สิ่งที่ดีให้แก่ลูกค้า โดยต้องเป็นผลิตภัณที่มีคุณภาพและมีมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก มุ่งเน้นการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง ด้วยการพัฒนาคุณค่าของแบรนด์ในทุกๆ ด้าน รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อยู่เสมอ โดยวางอยู่บนพื้นฐานของความต้องการลูกค้าเป็นหลัก เพื่อสร้างสรรค์ให้รถยนต์ของเราสามารถนำมาซึ่งความสนุกสนานในการขับขี่ และช่วยให้ทุกช่วงเวลาบนท้องถนนเต็มไปด้วยความสนุกสนานมากยิ่งขึ้น
เมื่อเร็วๆ นี้มาสด้าได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (xEV) จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 3 ประเภท HEV, PHEV และ BEV เป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมถึงได้เตรียมพร้อมเพื่อจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทยตามนโยบายภาครัฐ ซึ่งการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยจะเป็นไปทีละขั้นตอน จากวิสัยทัศน์ Mazda Building Block Strategy ซึ่งมี 3 องค์ประกอบคือ
- กรอบเวลาของการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ได้อย่างเหมาะสมตามสถานการณ์
- การพัฒนาโมเดลทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
- การเปลี่ยนถ่ายจากเทคโนโลยีปัจจุบันสู่เทคโนโลยีอนาคตในช่วงเวลาที่เหมาะสม
กลยุทธ์ด้านการขายและยุทธศาสตร์การบริหารเครือข่ายผู้จำหน่าย
สร้างความเชื่อมั่นและพัฒนาศักยภาพผู้จำหน่าย พร้อมนำ KPI มาเป็นดัชนีชี้วัด โดยผู้จำหน่ายจะต้องมีผลกำไรที่ดีและสามารถส่งมอบความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าได้ ควบคู่กับให้การสนุนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ทั้งในโชว์รูมและห้างสรรพสินค้า โดยจะจัดขึ้นเป็นประจำในทุกๆ เดือน ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ภายใต้มาตรการการป้องกันโควิด-19 พร้อมเตรียมขยายเครือข่ายผู้จำหน่าย จากปัจจุบัน 138 เป็น 150 แห่ง ภายในปีงบประมาณนี้
กลยุทธ์ด้านบริการหลังการขายและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า
ยกระดับการบริการหลังการขาย ให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุคใหม่ได้อย่างทันท่วงที ด้วยการเปิดตัวบริการ Mazda Fast Track ที่ให้บริการแบบเร่งด่วนแก่ลูกค้าที่มีเวลาจำกัดภายในระยะเวลา 60 นาที รวมถึงแผนการเปิดให้บริการแบบ Fast Service (Satellite) ที่พัฒนาเป็นศูนย์บริการมาตรฐานขนาดย่อมเพิ่มเติมจากศูนย์บริการหลัก เพื่อยกระดับการให้บริการที่สะดวกรวดเร็ว พร้อมยังได้พัฒนาการส่งมอบอะไหล่และการขนส่ง โดยได้ปรับปรุงทั้งคุณภาพและราคาจนเป็นที่ยอมรับในตลาด หรือบางชิ้นส่วนมีราคาที่ต่ำกว่าตลาด ด้านการจัดส่งอะไหล่ไปยังศูนย์บริการ มีบริการจัดส่ง 2 รอบต่อวัน สำหรับเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และต่างจังหวัด 1 รอบต่อวัน
“นอกจากนี้นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นไป เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้ารับการบริการได้ทุกโชว์รูมทั่วประเทศ และเพื่อลบภาพจำเรื่องของค่าแรงในการให้บริการที่ไม่เท่ากัน มาสด้าขอประกาศอย่างเป็นทางการว่า ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์มาสด้ารุ่นใหม่ทุกรุ่นจะได้รับแพ็คเกจพิเศษ คือ ฟรีค่าแรงเช็กระยะตลอด 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร เพื่อสร้างความมั่นใจและอุ่นใจที่จะร่วมเข้ามาเป็นหนึ่งในครอบครัวมาสด้า และให้คำมั่นสัญญาว่า มาสด้าจะให้การดูแลรถของลูกค้าไปตลอดอายุการใช้งาน” นายชาญชัย กล่าวเพิ่มเติม
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นกลยุทธ์ของมาสด้ารถยนต์พรีเมียมสัญชาติญี่ปุ่น ที่จะมาเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันในอุตสาหกรรมรถยนต์ในปี 2564 และมาสด้าพร้อมเดินหน้า อย่างเต็มกำลัง เพื่อจะให้รถยนต์มาสด้าได้เข้าไปครองใจลูกค้าชาวไทย และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ก้าวเดินต่อไปข้างหน้าอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
ข่าวรถวันนี้ (22/04/2021) : MAZDA MX-30 พิชิต TOP 3 WORLD CAR DESIGN OF THE YEAR 2021
มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น เผยว่า Mazda MX-30 รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของมาสด้า สร้างชื่อเสียงกระหึ่มอีกครั้งในวงการรถยนต์ระดับโลก ด้วยการคว้ารางวัล Top Three Finalist รถยนต์ออกแบบยอดเยี่ยมของโลกประจำปี 2564 หรือ World Car Design of the Year 2021 ภายหลังจากที่สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศ Design Car of the Year 2020 – 2021 จากประเทศญี่ปุ่นมาครองได้สำเร็จในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ตอกย้ำถึงความสำเร็จของงานดีไซน์ระดับเวิลด์คลาสจากมาสด้า ภายใต้แนวคิด “Kodo Design” Soul of Motion หรือจิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหวอันสง่างาม พร้อมตั้งเป้ามุ่งมั่นพัฒนาการออกแบบและส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ทรงคุณค่าให้ลูกค้าเกิดความภาคภูมิใจที่ได้ครอบครองต่อไป
การคว้ารางวัลอันทรงเกียรติของ MX-30 ในครั้งนี้ เกิดจากความมุ่งมั่นทุ่มเทสร้างเอกลักษณ์ความสง่างาม จากปรัชญาการออกแบบของมาสด้า เพราะรถยนต์เปรียบเสมือนงานศิลปะชิ้นเอก “Car As Art” ที่บรรจงสรรสร้างขึ้นด้วยความเอาใจใส่พิถีพิถันในทุกรายละเอียด ด้วยแนวคิดที่คำนึงถึงความเรียบง่าย Less is More แต่คงไว้ซึ่งความงดงามในการออกแบบ ภายใต้ปรัชญา Kodo Design “Soul of Motion” หรือจิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหวอันสง่างาม ทั้งดีไซน์ภายนอกและภายใน และถูกถ่ายทอด DNA นี้ไปยังรถยนต์มาสด้าทุกรุ่นที่จำหน่ายไปทั่วโลกรวมทั้งในระเทศไทย
Mazda MX-30 เป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกภายใต้แบรนด์มาสด้าที่ขับเคลื่อนด้วย e-Skyactiv ให้การขับขี่ที่นุ่มนวลและตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งรูปลักษณ์ของตัวรถได้ถูกพัฒนาขึ้นด้วยความตั้งใจ เพื่อให้ผู้พบเห็นสัมผัสถึงความลงตัวของการออกแบบตามแนวคิด Kodo Design อันเป็นจิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหวที่เรียบง่ายแต่งดงาม เสมือนงานทำมือที่ประณีต แต่ก็ยังสอดคล้องกับค่านิยมความงามของยุคสมัยใหม่ ที่วางอยู่บนคอนเซ็ปต์ “Human Modern” โดยภายนอกเน้นการออกแบบที่เรียบง่าย แสดงให้เห็นถึงความสวยงามของตัวรถ ในขณะเดียวกันห้องโดยสารภายในก็ถูกออกแบบให้มีความสบายที่ลงตัวและเป็นธรรมชาติ
การคว้ารางวัล Top 3 World Car Design of the Year 2021 ประจำปีนี้มาครอง ซึ่งเป็นเวทีการประกวดการออกแบบรถยนต์ในเวทีระดับโลก รวมถึงการพิชิตรางวัลการออกแบบยอดเยี่ยมจากประเทศต้นกำเนิดของ MX-30 นั่นคือ Design Car of the Year 2020 – 2021 Car of the Year Japan Awards จากประเทศญี่ปุ่นมาครองได้นั้น ตอกย้ำถึงความสำเร็จของงานดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้มาสด้าท้าทายความสามารถและศักยภาพของตนเองต่อไป เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์อันเป็นความปรารถนาของลูกค้า เพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าทุกคนจนเกิดเป็นความผูกพันต่อไปในระยะยาว
นอกจากนี้ รถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดจากมาสด้าที่เปิดตัวแนะนำในประเทศไทย อาทิ Mazda3 ต้นแบบแห่งศิลปะความสง่างาม ก็เคยคว้ารางวัลชนะเลิศรถยนต์ที่ออกแบบยอดเยี่ยมของโลกมาแล้วเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา พร้อมด้วยครอสโอเวอร์เอสยูวี CX-30 และ Mazda3 ก็ทะลุเข้าสู่รอบสุดท้าย และติด 2 ใน 3 คันสุดท้ายที่เข้าชิงรางวัล 2020 World Car of the Year Awards หรือ รางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมของโลก ด้วยเช่นกัน.
ข่าวรถวันนี้ (19/04/2021) : มาสด้า3 คว้ารางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี Canadian Car of the Year 2021 จากสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์แห่งประเทศแคนาดา นับเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ได้รับรางวัลนี้ติดต่อกันถึง 2 ปีซ้อน
สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์แห่งประเทศแคนาดา (AJAC) เป็นสมาคมวิชาชีพของผู้สื่อข่าวอันทรงคุณวุฒิ นักเขียน ช่างภาพ รวมถึงสมาชิกผู้ทรงคุณวุฒิจากองค์กรต่างๆ ได้ทำการคัดเลือกเพื่อเฟ้นหาผู้ชนะเลิศรางวัล Canadian Car of the Year (CCOTY) และรางวัล Canadian Utility Vehicle of the Year Awards (CUVOTY) ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี และในปีนี้รถยนต์มาสด้า3 ได้รับการคัดเลือกให้เป็น Canadian Car of the Year 2021 โดยมีการประกาศผลไปเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา ณ ประเทศแคนาดา
คุณสมบัติที่โดดเด่นด้านการออกแบบ คุณภาพของรถ ตำแหน่งการขับขี่ ความเงียบภายในห้องโดยสาร สมรรถนะการขับขี่ ความทรงพลังของเครื่องยนต์และระบบความปลอดภัยที่อัดแน่นมาเต็มคัน ส่งผลให้สามารถพิชิตรางวัลอันทรงเกียรตินี้มาครองอีกหนึ่งสมัย
โดยสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์แห่งประเทศแคนาดา ได้ทำการคัดเลือกรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปีจากรถยนต์ทุกรุ่นที่วางจำหน่ายในประเทศโดยไม่ได้จำกัดปีที่รถยนต์เปิดตัว ซึ่งมาสด้า3 นับเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ติดต่อกันถึง 2 ปีซ้อน ภายหลังจากที่เคยได้รับรางวัลนี้มาแล้วเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา.
ข่าวรถวันนี้ (11/04/2021) : มาสด้า จัดประชุมผู้จำหน่ายเสริมศักยภาพความแข็งแกร่ง พร้อมก้าวสู่ศตวรรษใหม่อย่างยั่งยืนภายใต้ความเป็นหนึ่งเดียวกัน
มาสด้าจัดประชุมผู้จำหน่ายทั่วประเทศผ่านช่องทางออนไลน์ ส่งมอบนโยบายและแผนกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจในปีงบประมาณ 2564 “2021 Mazda Next Century Way Forward” เตรียมความพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมรถยนต์แห่งโลกอนาคต และก้าวสู่ศตวรรษใหม่อย่างยั่งยืน พร้อมยืนยันตลาดรถยนต์จะกลับมาผงาดในเร็วๆนี้ พร้อมมองเป้าปีนี้ที่ 50,000 คัน เติบโตขึ้น 25% หรือส่วนแบ่งการตลาด 6%
นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2563 ที่ผ่านมา เรียกได้ว่ามาสด้าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ซึ่งล้วนเกิดจากผลตอบรับของลูกค้าจากการเปิดตัวแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาด ทั้งรถยนต์นั่ง รถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวี และรถปิกอัพ รวมถึงแผนกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นช่องทางออนไลน์ จึงทำให้สามารถปิดยอดจำหน่าย ณ สิ้นปีงบประมาณ 2563 ได้ที่จำนวนรวมกว่า 40,000 คัน หรือครองส่วนแบ่งการตลาด 5.1% ซึ่งยอดขายของมาสด้าในประเทศไทยถือเป็นยอดจำหน่ายอันดับที่ 8 และครองมาเก็ตแชร์เป็นอันดับที่ 5 ของมาสด้าทั่วโลก นั่นหมายความว่ามาสด้าประเทศไทยยังคงเป็น 1 ใน 5 อันดับประเทศ ที่มาสด้ามีส่วนแบ่งการตลาดรวมสูงที่สุด และมีศักยภาพด้านการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและเป็นตลาดหลักสำคัญของมาสด้าทั่วโลก
สำหรับเป้าหมายของการประชุมครั้งนี้ คือ เพื่อส่งมอบนโยบายหลักสำคัญ การกำหนดยุทธศาสตร์และทิศทางในการดำเนินธุรกิจในด้านต่างๆ ของปีงบประมาณ 2564 พร้อมสร้างความพร้อมเพื่อรับมือและแนวทางการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไทย โดยในปีนี้มาสด้ายังคงเดินหน้าผสานการทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้จำหน่าย ภายใต้แนวทาง ONE MAZDA ความเป็นหนึ่งเดียว ONE TEAM เป็นทีมที่แข็งแกร่งที่สุด และ ONE GOAL มีเป้าหมายเติบโตเป็นหนึ่งเดียว โดยความร่วมกับผู้จำหน่ายทั่วประเทศในครั้งนี้ เพื่อยกระดับการพัฒนาและส่งมอบบริการแบบครบวงจรที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคใหม่มากยิ่งขึ้น พร้อมรับฟังลูกค้าและผู้จำหน่ายมากยิ่งขึ้นเพื่อให้บรรลุเป้าประสงค์เดียวกันและเพื่อให้การประชุมครั้งนี้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงยังได้มีการประกาศรายชื่อผู้จำหน่ายที่มีผลงานยอดเยี่ยมทั้งด้านการขายและการเอาใจใส่ดูแลลูกค้า ประจำปี 2563 ให้กับผู้จำหน่ายที่มีความเป็นเลิศในทุกๆ ด้าน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการดำเนินธุรกิจภายใต้แบรนด์มาสด้าต่อไป
“ผมต้องขอขอบคุณผู้จำหน่ายทุกท่านเป็นอย่างสูง ที่ร่วมแรงร่วมใจและทำให้ผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จท่ามกลางสภาวะตลาดที่ซบเซาอันเนื่องมาจากวิกฤตโควิด-19 สำหรับในปี 2564 นี้ เรายังมอบนโยบายสำคัญเพื่อให้ผู้จำหน่ายเกิดความเชื่อมั่นว่า มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จะให้การสนับสนุนผู้จำหน่ายในทุกภูมิภาคอย่างเต็มกำลัง เพื่อให้มาสด้าเป็นแบรนด์ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการและส่งมอบบริการที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้าได้ ซึ่งผมเชื่อว่า ด้วยสปริตของพวกเราชาวมาสด้า ในปีนี้เราจะสามารถเติบโตและบรรลุเป้าหมายต่างๆ ที่วางไว้ได้อย่างแน่นอน” นายชาญชัย กล่าวเพิ่มเติม
ติดตามความเคลื่อนไหวและกิจกรรมของมาสด้าผ่านทางโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ www.mazda.co.th และ MazdaThailandOfficial Facebook/YouTube/Instagram/LINE
ข่าวรถวันนี้ : (5/04/2021) มาสด้า เผยมอเตอร์โชว์ปีนี้สุดคึกคักกวาดยอดจองทะลุกว่า 3.5 พันคัน
มาสด้า ปลื้มหลังลูกค้าหลั่งไหลเข้าจองรถจนแน่นบูธ เผยผลตอบรับจากงานมอเตอร์โชว์ปีนี้ดีเกินคาด โดยเฉพาะมาสด้า2 รถยนต์นั่งรุ่นยอดนิยมที่ยังคงร้อนแรงมากที่สุด ตามมาด้วยครอสโอเวอร์เอสยูวีมาสด้า CX-30 และครอสโอเวอร์น้องเล็กมาสด้า CX-3 ที่โดดเด่นด้วยคุณภาพเหนือราคาจนสามารถตอบรับความต้องการได้อย่างเหนือระดับ ทำให้ยอดจองรถมาสด้าทะลุกว่า 3.5 พันคัน พร้อมกันนี้มาสด้ายังได้ขยายระยะเวลาของแคมเปญออกไปจนถึงสิ้นเดือนนี้เพื่อเอาใจคนอยากมีรถกับดอกเบี้ยต่ำสุด 0% ฟรีประกัน ฟรีค่าแรง ฟรีน้ำมัน สำหรับลูกค้าที่พลาดโอกาสทองช่วงงานฯ สามารถเข้ามาจับจองเป็นเจ้าของได้ที่งานโชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2564 นี้เท่านั้น
นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมบูธมาสด้าในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้เรียกได้ว่าค่อนข้างคึกคัก ถึงแม้ว่าเราจะไม่มีรถยนต์รุ่นใหม่ที่นำมาเปิดตัวภายในงานฯ แต่ก็มีรถยนต์ที่เป็นแม็กเน็ตดึงดูดใจให้คนหลั่งไหล่เข้ามาที่บูธมาสด้าอย่างไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นรถปิกอัพ ALL-NEW MAZDA BT-50 รุ่นที่มาพร้อมชุดแต่ง KENSHO หรือทัพรถยนต์นั่งและรถอเนกประสงค์เอสยูวีตระกูล CX-Series ในสีเทา โพลี เมทัล เกรย์ ที่นำมาเนรมิตโฉมใหม่ด้วยชุดแต่งพิเศษ รวมถึงจัดแคมเปญที่เรียกได้ว่าแรงและคุ้มค่ามากที่สุดแห่งปี จึงเป็นปัจจัยสนับสนุนกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจจองซื้อรถภายในงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งถ้าเทียบกับงานมอเตอร์โชว์ปีที่ผ่านมาแล้ว เรียกได้ว่ายอดจองสูงขึ้นกว่าเดิมถึง 46% (จาก 2,365 คัน ในปี 2563)
“งานมอเตอร์โชว์ปีนี้ มาสด้าประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ด้วยยอดจองทั้งหมด 3,454 คัน แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง จำนวน 1,625 คัน หรือคิดเป็นสัดส่วนถึง 47% ของยอดจองทั้งหมด รถยนต์ครอสโอเวอร์ตระกูล CX-Series จำนวน 1,758 คัน หรือเป็นสัดส่วน 50% และรถปิกอัพจำนวน 70 คัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 2% ทั้งนี้แล้ว รถยนต์นั่งมาสด้า2 เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ตามมาด้วยครอสโอเวอร์มาสด้า CX-30, ครอสโอเวอร์น้องเล็กมาสด้า CX-3,รถยนต์นั่งมาสด้า3, มาสด้า CX-5, มาสด้า BT-50 และมาสด้า CX-8 ตามลำดับ ซึ่งเป็นตัวเลขใกล้เคียงกับที่เราได้ประมาณการณ์ไว้ และเราได้เตรียมดำเนินการส่งมอบรถให้กับลูกค้าที่จองทันที” นายชาญชัยกล่าว
สำหรับลูกค้าที่ตัดสินใจไม่ทันในช่วงมอเตอร์โชว์ มาสด้าใจดีขยายโปรโมชั่นสุดพิเศษนี้ ด้วยข้อเสนอสุดคุ้มที่เรียกว่าเป็นโอกาสทองของคนต้องการมีรถ ไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ยต่ำสุด 0% ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กม. ฟรีค่าแรงเช็กระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กม. ฟรีบัตรเติมน้ำมันมูลค่าสูงสุด 10,000 บาท เรียกได้ว่าคุ้มค่ามากที่สุด ผู้ที่สนใจจองซื้อยนตรกรรมมาสด้าสามารถคว้าโอกาสทองนี้ได้ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2564 นี้เท่านั้น
ข่าวรถวันนี้ : มาสด้า ห่วงใยลูกค้าชวนตรวจสุขภาพรถฟรี ขับขี่ปลอดภัยช่วงสงกรานต์
มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ร่วมมือกับกรมขนส่งทางบกและผู้จำหน่ายรถยนต์มาสด้าทั่วประเทศ ผุดโครงการ “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัยเทศกาลสงกรานต์ 2564” พร้อมเชิญชวนลูกค้ามาสด้ามาเข้ารับการบริการตรวจเช็กสภาพรถฟรี 20 รายการ และรับของที่ระลึกสุดพิเศษ เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนได้เตรียมความพร้อมของรถก่อนการเดินทาง และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนในช่วงวันหยุดยาวกับเทศกาลสงกรานต์ โดยลูกค้าสามารถเข้ารับบริการได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 30 เมษายน 2564 ณ โชว์รูมและศูนย์บริการมาสด้าทั่วประเทศ
นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ความปลอดภัยในการเดินทางบนท้องถนนนับเป็นสิ่งที่มาสด้าตระหนัก และให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลสำคัญๆ ที่ประชาชนจำเป็นต้องเดินทางกลับภูมิลำเนา และใช้รถใช้ถนนเป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้ เราจึงมีความห่วงใยและขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนน เพื่อยกระดับความปลอดภัยของพี่น้องชาวไทยทุกคนให้เดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ ผ่านโครงการ “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัยเทศกาลสงกรานต์ 2564” โดยมาสด้าพร้อมให้การบริการตรวจเช็กสภาพรถฟรี 20 รายการ พร้อมมอบส่วนลดและเครดิตเงินคืนกับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ รวมถึงมอบข้อเสนอพิเศษต่างๆ มากมาย เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผู้เดินทางทุกคนได้เตรียมความพร้อมทั้งรถทั้งคนขับ เพื่อเดินทางอย่างปลอดภัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์
สำหรับรายการตรวจเช็กสภาพฟรี 20 รายการ ประกอบด้วย การตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องและความสกปรกของน้ำมันเครื่อง, ตรวจสภาพยาง, ตรวจระดับน้ำหม้อน้ำ หม้อพักน้ำ พร้อมฝาปิดหม้อน้ำ, ตรวจสภาพการทำงานของไฟส่องสว่างและไฟสัญญาณ, ตรวจสอบระบบไฟชาร์จ, ตรวจสภาพสายพานและความตึงของสายพานพร้อมปรับตั้ง, ตรวจสอบท่อยางหม้อน้ำและรอบรั่ว, ตรวจสอบน้ำมันเบรกและน้ำมันคลัตช์, ตรวจสอบคลัตช์, ตรวจสอบระดับน้ำมันกลั่นในแบตเตอรี่ ขั้วแบตเตอรี่, ตรวจระดับน้ำล้างกระจก, ตรวจสอบอุปกรณ์ปัดน้ำฝน, ตรวจสภาพการรั่วซึมของน้ำมันในห้องเครื่องยนต์, ตรวจสอบเบรก, ตรวจสอบเบรกมือ, ตรวจสอบไส้กรองอากาศ, ตรวจสอบสภาพการทำงานของเครื่องยนต์, ตรวจเข็มขัดนิรภัย, ตรวจสอบระบบส่งกำลัง ระบบบังคับเลี้ยวและระบบกรองน้ำหนัก และตรวจสอบระดับก๊าซไอเสีย
ลูกค้าที่สนใจเข้าร่วมโครงการ “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัยเทศกาลสงกรานต์ 2564” สามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์โดยกดเพิ่มเพื่อนกับมาสด้าผ่านทาง Mazda Official LINE Account @MazdaThailand เพื่อรับคูปองตรวจเช็กฟรี 20 รายการ และนำมาใช้บริการได้ที่ศูนย์บริการมาสด้าทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2564 สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการมาสด้าหรือติดต่อสอบถามเพิ่มเติมที่มาสด้าสปีดไลน์ 02 030 5666
โปรดติดตามความเคลื่อนไหวและกิจกรรมของมาสด้าผ่านทางโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ www.mazda.co.th และ MazdaThailandOfficial Facebook/YouTube/Instagram/LINE
ข่าวรถวันนี้ : มาสด้า ฉีดยาแรงกระตุ้นกำลังซื้อฟรีดอกเบี้ย ฟรีประกัน ฟรีค่าแรง ฟรีน้ำมัน
นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงจากมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ให้การต้อนรับคณะผู้จัดงานฯ และคณะสื่อมวลชนกิตติมศักดิ์ ที่เดินทางเข้าร่วมแสดงความยินดีในพิธีเปิดบูธจัดแสดงรถยนต์มาสด้า ภายในงานมอเตอร์โชว์ โดยปีนี้มาสด้าพร้อมส่งมอบความสนุกสนานในการขับขี่ให้กับลูกค้า ด้วยการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ที่ตอบสนองการใช้งานและความต้องการลูกค้าได้อย่างลงตัว อาทิ ALL-NEW MAZDA BT-50 ปิกอัพใหม่สไตล์เอสยูวีที่ผนวกคุณสมบัติที่ดีที่สุดของรถปิกอัพรวมเป็นหนึ่งเดียว กับราคาเริ่มต้น 553,000 บาท เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้นกับดอกเบี้ย 1.99% ฟรีประกันชั้นหนึ่ง และฟรีค่าแรงเช็กระยะ 5 ปี 100,000 กม. พร้อมเปิดแพ็คเกจพิเศษให้ลูกค้าเพื่อเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้นดอกเบี้ยต่ำสุด 0% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กม. ฟรีค่าแรงเช็กระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กม. ฟรีบัตรเติมน้ำมันมูลค่าสูงสุด 10,000 บาท
มาสด้า2 2021 COLLECTION สัมผัสความสปอร์ตพรีเมียม ราคาเริ่มต้น 546,000 บาท พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ ดอกเบี้ย 0% ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance 1 ปี รวมทั้งรุ่นพิเศษ 100th Anniversary Edition และมาสด้า3 ต้นแบบแห่งความสง่างาม เรียบหรู ทุกมุมมองเสมือนงานศิลปะ การันตีความเป็นที่สุดจากงานดีไซน์ระดับโลก พร้อมเงื่อนไขสุดพิเศษดอกเบี้ย 0% ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance ฟรีบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บาท และรุ่นพิเศษ 100th Anniversary Edition ดอกเบี้ย 0% ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กม. ฟรีค่าแรงเช็กระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กม.
มาสด้า CX-30 ผู้พิชิตรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมปีล่าสุดจากสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย และติด Top 3 World Car of the Year 2020 มาพร้อมดอกเบี้ย 0.99% ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance 1 ปี ฟรีบัตรเติมน้ำมัน 5,000 บาท และรุ่นพิเศษ 100th Anniversary Edition ดอกเบี้ย 0% ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance 1 ปี และมาสด้า CX-3 2021 Collection ครอสโอเวอร์เอสยูวีที่สะท้อนไลฟ์สไตล์อันโดดเด่น หนึ่งเดียวในคลาสที่ตอบโจทย์ความต้องการกับครอสโอเวอร์เอสยูวีคันแรกของคุณ ในราคาเริ่มต้น 769,000 บาท เป็นเจ้าของได้ง่ายกับดอกเบี้ย 0.99% ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance 1 ปี
มาสด้า CX-5 หนึ่งเดียวของรถอเนกประสงค์เอสยูวีที่มีให้เลือกถึง 3 เครื่องยนต์ ที่พัฒนาในอีกขั้น หรูหรา ด้วยวัสดุ Real Wood ผสานกับสีเงินซาตินโครม ยกระดับความพรีเมียมด้วยเบาะหนัง Nappa สีแดง Deep Red ดอกเบี้ย 0% ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance 1 ปี และมาสด้า CX-8 พรีเมียม 3-Row Crossover SUV ที่สะท้อนภาพลักษณ์แห่งความสมบูรณ์แบบ ภูมิฐาน หรูหรามีระดับ มีให้เลือกทั้งแบบ 6 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง ดอกเบี้ย 0% ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance 1 ปี