ฮุนได มอเตอร์ ติดอันดับแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุดระดับโลก
ฮุนได มอเตอร์ ติดอันดับที่ 35 ของการจัดอันดับมูลค่าแบรนด์สูงสุดระดับโลก ติดต่อกัน 2 ปีซ้อน มูลค่าแบรนด์ฮุนไดระดับโลกอยู่ที่ 13.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 5.1% เปอร์เซ็นต์ และยังคงเป็นที่ 6 ในการจัดอันดับแบรนด์รถยนต์ทั่วโลก สืบเนื่องจากการเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและการกำหนดแผนงานเพื่อขับเคลื่อนสู่อนาคต
ฮุนได มอเตอร์ ยังคงครองตำแหน่งอยู่ใน 40 อันดับแรกของการจัดอับดับแบรนด์ทั่วโลกอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 แล้ว จากการจัดอันดับโดยผู้เชี่ยวชาญด้านแบรนด์ระดับโลก ถึงแม้ว่าจะมีการแข่งขันที่ท้าทายอย่างมากในตลาดโลก แต่ในปีนี้ฮุนได มอเตอร์ ก็ยังคงได้รับการจัดอันดับที่ 35 ของแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุดของโลก ด้วยมูลค่าแบรนด์ที่เติบโตขึ้นถึง 13.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 5.1%
ฮุนได มอเตอร์ มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์มากกว่าการเป็นแค่แบรนด์รถยนต์ ดังนั้นเราจึงสร้างแบรนด์ไปในทิศทางของ “โมเดิร์น พรีเมียม” และก้าวสู่ช่องทางใหม่ๆในตลาดรถยนต์ เพื่อให้ผู้บริโภคได้สัมผัสถึงคุณค่าของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี” มร.วอนฮอง โช หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท ฮุนได มอเตอร์ จำกัด กล่าว “ปรัชญาของแบรนด์และแผนงานในอนาคตเป็นสิ่งที่ทำให้มูลค่าแบรนด์ฮุนไดเพิ่มมากขึ้น และนอกจากนี้ คุณภาพ เทคโนโลยี และราคา รวมไปถึงความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมของเรา จะนำพาแบรนด์เราไปสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนในอนาคต”
ฮุนได มอเตอร์ มียอดจำหน่ายรถยนต์ทั่วโลก 4.86 ล้านคัน และยังคงรั้งตำแหน่งที่ 6 ด้านมูลค่าแบรนด์ในกลุ่มยานยนต์ทั่วโลก นำหน้าแบรนด์ออดี้, นิสสัน, โฟลค์สวาเกน และ ปอร์เช่ ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวแบบก้าวกระโดดของผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของเกาหลีใต้ ซึ่งมีมูลค่าแบรนด์เพิ่มขึ้นถึงสี่เท่าตัวนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 ที่มีมูลค่า 3.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ
“องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ ฮุนได มอเตอร์ เป็นแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงและเติบโตอย่างต่อเนื่อง คือ ความมุ่งมั่นในการพัฒนาวิสัยทัศน์ของ “ยานยนต์แห่งอนาคต” แม้จะอยู่ในสภาวะตลาดที่ยากลำบากก็ตาม” มร.ไมค์ โรชา ผู้อำนวยการส่วนการประเมินมูลค่าแบรนด์ระดับโลก กล่าว “ฮุนได มอเตอร์ ตระหนักถึงวิสัยทัศน์ในการพัฒนายานยนต์แห่งอนาคต โดยพัฒนาเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติและการเชื่อมต่อกับทุกคน ภายใต้ทิศทางของการเป็นแบรนด์ “โมเดิร์น พรีเมียม””
การเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านผลิตภัณฑ์นอกเหนือจากการรักษามาตรฐานด้านคุณภาพสูงสุดในตลาดแล้ว ฮุนได มอเตอร์ ยังให้ความสำคัญกับการเปิดตัวของรถอเนกประสงค์ขนาดเล็กรุ่นใหม่ ฮุนได โคน่า ที่มาพร้อมสโลแกน “The new Species” โดยมียอดจองล่วงหน้าถึง 10,000 คัน ตั้งแต่เดือนแรกที่รถรุ่นนี้เปิดตัวสู่ตลาดในประเทศ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จของการเติบโตอย่างรวดเร็วในรถยนต์เซกเมนท์นี้
นอกจากนี้ฮุนได มอเตอร์ ยังเปิดตัวรถรุ่น i30N ซึ่งเป็นรถยนต์รุ่นแรกในไลน์ N ที่เน้นในเรื่องของสมรรถนะ และเป็นรถที่เข้าร่วมโครงการมอเตอร์สปอร์ตของฮุนได มอเตอร์ แสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ที่ต้องการมอบประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นให้กับผู้ขับขี่ และนั่นคือสิ่งสำคัญในการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่
และนี่คือปีที่สำคัญในการกำหนดทิศทางสู่อนาคตของ ฮุนได มอเตอร์ แบรนด์ฮุนไดจะขับเคลื่อนสู่ช่องทางใหม่ๆในอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมถึงการเปิดตัวรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีก 15 รุ่น ภายในปี พ.ศ. 2563 รวมไปถึงรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ฮุนได ไอโอนิค และรถยนต์ไฟฟ้าเซลส์เชื้อเพลิงที่กำลังจะเกิดขึ้น แบรนด์ฮุนไดได้ก้าวไปสู่การศึกษาวิจัยในด้านรถยนต์ขับขี่อัตโนมัติและเทคโนโลยีเพื่อการเชื่อมต่อ ผ่านโครงการไอโอนิค และเปิดกว้างให้กับหน่วยงานอื่นๆเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆด้วย
ฮุนได มอเตอร์ ยังคงสร้างความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ผ่านประสบการณ์ที่มีลักษณะเฉพาะตัวของผู้บริโภคทั่วโลก รวมถึงการเป็นผู้สนับสนุนการก่อตั้งงานศิลปะที่ Tate Modern กรุงลอนดอน และที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะในรัฐลอสแองเจอริส นอกจากนี้ ฮุนได มอเตอร์ ยังได้เปิดตัวสตูดิโอที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ในเมืองโกยาง ประเทศเกาหลีใต้ เพื่อมอบประสบการณ์และเป็นช่องทางในการสื่อสาร ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีแห่งอนาคตไปสู่ผู้บริโภค
ฮุนได มอเตอร์ ยังได้ถ่ายทอดปรัชญาแบรนด์โมเดิร์นพรีเมียม ผ่านแคมเปญการตลาดที่มีชื่อเสียงระดับโลกในชื่อ “A Better Super Bowl” ซึ่งถ่ายทำในช่วงปลายฤดูกาลการแข่งขันฟุตบอลและเปิดโอกาสให้ทหารในค่ายได้รับชมการแข่งขันพร้อมๆไปกับครอบครัวของพวกเขา โดยใช้เทคโนโลยีดาวเทียม ในมุมมองแบบ 360 องศา โดยมีผู้เข้าชมแคมเปญนี้จำนวนมากกว่า 41ล้านครั้ง และได้รับคำชมอย่างมากในด้านความคิดสร้างสรรค์และการเล่าเรื่อง
นอกจากนี้ ฮุนได มอเตอร์ยังได้นำเสนอแคมเปญ “Shackleton’s Return”ไปสู่ผู้ชมทั่วโลก ซึ่งเป็นแคมเปญเกี่ยวกับหลานชายของนักสำรวจขั้วโลกในตำนานที่ชื่อ เซอร์ เออร์เนส แช๊คเคิลตัน ในขณะที่เขาสำรวจทวีปแอนตาร์กติกา ด้วยรถยนต์ฮุนได ซานตาเฟ รุ่น ดีเซล 2.2 ลิตร ภายในสองเดือนหลังจากเปิดตัวแคมเปญนี้ มีผู้ชมผ่านทางยูทูปจำนวนมากกว่า 140 ล้านครั้ง ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดสำหรับการรับชมแคมเปญรถยนต์