สัมผัสแรก!! ALL NEW MAZDA BT-50 MY21
รีวิวรถใหม่2020 : มาแล้ว!! ALL NEW MAZDA BT-50 เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการต้นปี64
All NEW Mazda BT-50 แอดมินได้เห็นและลองขับ มาสด้า บีที-50 รถปิคอัพที่มีสไตล์ที่แตกต่างและโดดเด่น หลังจากหยุดพัฒนาไปพักใหญ่ การ กลับมาครั้งนี้ มาสด้าร่วมมือกับค่ายอีซูซุ ในการผลิตรถปิคอัพรุ่นใหม่ เพื่อให้ได้รถปิคอัพที่มีความสมบูรณ์ และถูกใจผู้บริโภคมากที่สุด โดยยังยึดหลักการออกแบบดีไซน์ภายนอก ภายในและระบบความปลอดภัยในสไตล์ของมาสด้า ยุคใหม่ แม้ว่า มาสด้า บีที-50 ใหม่ จะใช้พื้นฐานตัวถังเดียวกับ อีซูซุ ดีแม็คซ์ แต่การออกแบบใหม่ ยังยึดแนวทางการออกแบบในสไตล์ KODO Design ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้า กันชนหน้า และ ไฟหน้าใหม่ (ดูคล้าย SUV อย่าง CX-8)
BT-50 ใหม่ ออกแบบตามแนวคิด โคโดะ ดีไซน์ และมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน ตอบสนองความต้องการของผู้ที่มีไลฟ์สไตล์แอคทีฟ และยังมอบความสุนทรีย์ รวมถึงความสะดวกสบายของห้องโดยสาร ที่ผู้โดยสารทุกคนสามารถผ่อนคลายและเพลิดเพลินกับสนทนาไปตลอดการเดินทาง รถปิกอัพมาสด้า BT-50 ใหม่ จึงกลายเป็นรถที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อนำมาซึ่งความสุนทรีย์และความสะดวกสบายของผู้โดยสารทุกคนคุณค่าของรถปิกอัพ มาสด้า BT-50 ใหม่ การออกแบบที่ผสมผสานระหว่างแนวคิดโคโดะและความแข็งแกร่ง
การออกแบบภายนอก มาสด้า BT-50 ใหม่ ออกแบบตามแนวคิด โคโดะ ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวอันสง่างาม มาผสมผสานกับความทรงพลัง ความทนทาน และประโยชน์ใช้สอยที่เป็นเอกลักษณ์ของรถปิกอัพมาสด้า ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่ให้สามารถ “ใช้งานได้ทุกโอกาส” ฝากระโปรงหน้ารถที่สูง ทำให้ด้านหน้าดูบึกบึนและทรงพลังตามแบบฉบับของรถปิกอัพนอกจากนั้น เส้นสายที่ลากยาวต่อเนื่องจากไฟหน้าไปตามแนวสะท้อนของด้านข้างรถต่อเนื่องไปจนถึงไฟท้าย ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่ง ด้วยรูปแบบที่เรียบง่ายของ โคโดะ ดีไซน์ ทำให้สามารถตัดทอนองค์ประกอบที่ไม่จำเป็นออกไปได้ทั้งหมด
ด้านหน้ารถประกอบด้วยกระจังหน้าลายซี่แนวขวาง และซิกเนเจอร์วิงส์ที่แผ่ขยายออกทางด้านข้างและไฟหน้ารูปทรงกระบอกสูบ ก็ทำให้ดูดุดันและแสดงถึงความ งดงามอันประณีตที่มองแล้วรู้ได้ทันทีว่าเป็นรถมาสด้า เมื่อมองจากด้านหลัง ซุ้มล้อที่ดูโดดเด่นให้ภาพลักษณ์ที่ทรงwลัง กระบะท้ายที่ทอดยาวไปจนถึงสัญลักษณ์มาสด้าที่ด้านหลัง สร้างความรู้สึกที่ต่อเนื่องจากด้านหน้ารถไปจนถึงด้านหลัง
ชุดไฟไฟหน้าแบบ LED ได้รับการออกแบบให้มีรูปทรงโฉบเฉียว และเป็นทรงกระบอก ทำให้ได้แสงไฟที่สว่างไสว ดูมีมิติและชัดเจน ที่เห็นแล้วรู้ว่าทันทีว่าเป็นลักษณะการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของ มาสด้า ส่วนไฟท้ายก็เป็นรูปทรงกระบอกเช่นเดียวกับไฟหน้า ซึ่งสอดคล้องกับสไตล์การออกแบบไฟnรงกลมอันเป็นลักษณะเฉพาะของมาสด้า
ห้องโดยสารออกแบบให้สอดคล้องกับภายนอก ผสมผสานระหว่างภาพลักษณ์ที่โดดเด่นของมาสด้า กับความทนทานและทรงwลังของรถปิกอัพ การออกแบบคอนโซลในแนวราบที่ขยายออกไปถึงประตูทั้งสองด้าน ทำให้ห้องโดยสารมีความสะดวกสบายและมีพื้นที่กว้างขวาง คอนโซลหน้าที่ดูแข็งแรง และช่องแอร์ ก็ยังช่วยเพิ่มความรู้สึกที่แข็งแกร่งและทรงwลังให้กับรถปิกอัพ แผงคอนโซลหน้ามาพร้อมกับแผ่นรองหัวเข่าและใช้การออกแบบที่เน้นผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลางอันเป็นเอกลักษณ์ของมาสด้า และสุดท้าย การเดินตะเข็บด้ายอย่างแผงหน้าปัดคอนโซลหน้า และแผ่นรองหัวเข่า ก็ช่วยเพิ่มสัมผัสถึงคุณภาพของห้องโดยสาร
มาตรวัดเรือนไมล์แบบอนาล็อก 2 ชุด โดยปีหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่อยู่ตรงกลาง และมีแผงหน้าปัดด้านหลังสีดำสนิท จึงทำให้ตัดกันอย่างชัดเจนระหว่าง ตัวอักษรสีขาวกับขอบสีเงินของมาตรวัดแบบอนาล็อก ซึ่งให้ความรู้สึกลุ่มลึกและดุดัน ช่องแอร์และการตกแต่งของแผงคอนโซลหน้า ช่องแอร์ถูกวางตำแหน่งในส่วนกลาง ด้านซ้าย และด้านขวา ของคอนโซลหน้า ทำให้ดูมีมิติ และตกแต่งคอนโซลหน้าด้วยแถบที่ลากยาวจากกลางคอนโซลต่อเนื่องไปยังเบาะนั่งผู้โดยสาร ซึ่งช่องแอร์และแถบกลางคอนโซลนี้ได้ถูกตกแต่งด้วยสีเงินเข้มที่ให้ความรู้สึกสงบ กรอบช่องแอร์สีเงินเข้มก็ยังช่วยเสริมสร้างความสง่างาม ในขณะที่สีดำด้านที่ตกแต่งแผงคอนโซลก็ให้ภาพลักษณ์ที่หนักแน่นของเมทัลลิกผสมผสานการแสดงออกถึงความแข็งแกร่งของรถปิกอัพกับความลงตัวของการออกแบบ
ติดตั้งหน้าจอแสดงผลแบบสัมผัส WXGA มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลความละเอียดสูง WXGA ขนาด 7 นิ้วหรือ 9 นิ้ว ซึ่งตั้งอยู่ด้านบนของคอนโซลหบ้า และยังมีจอแสดงผล Multi-informationDisplay ขนาด 4.2 นิ้ว ที่สามารถควบคุมระบบนำทางด้วยการสัมผัสได้ และยังมี AppleCarPlay และฟังก์ชั่น Android Auto” และในบางรุ่นยังรองรับฟังก์ชั่นการควบคุมการทำงานด้วยเสียง อีกด้วย
เครื่องยนต์มีให้เลือก 2 ขนาด
1.) รุ่น เครื่องยนต์ ดีเซลขนาด 1.9 ลิตร หรือ 1,898 ซีซี กระบอกสูบข่วงชัก 80.0 x 94.4 มม. อัตราส่วนกำลังอัด 16.5: 1 ให้กำลังสูงสุด 150 (110) แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350/นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-2,600 รอบต่อนาที เคลมอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 16 .1 กิโลเมตร/ลิตร
ติดตั้งระบบควบคุมการฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงที่ทำงานแม่นยำอัตราทดเกียร์ที่เหมาะสม เสริมการควบคุมอัตราเร่งที่เพิ่มความเร็วรอบเมื่อออกจากจุดสตาร์ท และระบบหล่อเย็น EGR ถูกติดตั้งมาในฝาสูบ พร้อม Water Jacket ช่องทางระบายความร้อนด้วยน้ำภายในเสื้อสูบและฝาสูบในท่อทางเดิน EGR ซึ่งเครื่องยนต์นี้ให้การประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง มีความเงียบและทนทาน และให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังเมื่อเร่งเครื่องออกจากจุดสตาร์ท
ชุดส่งกำลังมีให้เลือกทั้งแบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ และเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ สิ่งที่ต้องการสำหรับการเลือกใช้งานระบบเกียร์ธรรมดา ซึ่งรถปิกอัw มาสด้า BT-50 ใหม่ ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น โดยเพิ่มความแข็งแรงของคันเกียร์เพื่อให้การเปลี่ยนเกียร์ราบลื่น มั่นคง และกระชับมากยิ่งขึ้น ระบบเกียร์อัตโนมัติมีขนาดกะทัดรัด มีชุดตัดต่อกำลังที่มีน้ำหนักเบา และระบบล็อคอัพที่ทรงพลัง ซึ่งส่งผลให้รถมีการตอบสนองที่ดีเยี่ยมเมื่อออกตัวและประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น
2.) รุ่นเครื่องยนต์ ดีเซลขนาด 3.0 ลิตร คอมมอนเรล เทอร์โบ ความจุ 2,999 ซีซี กระบอกสูบช่วงชัก 95.4 x 104.9 มม. อัตราส่วนกำลังอัด 16.3: 1 ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 และแรงบิดที่ 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,600 เคลมอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 14.1 กิโลเมตร/ลิตร มาพร้อมระบบคอมมอนเรลแรงดันสูงที่ฉีดเชื้อเพลิงที่แรงดันสูงสุดถึง 250 เมกะปาสกาล(MPa) และ VGS เทอร์โบที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ มีการเคลือบฉนวนที่ลูกสูบและเกียร์ Double-scissors ที่ช่วยลดเสียงรบกวน สิ่งเหล่านี้ถูกรวมอยู่ในเครื่องยนต์จึงทำให้สามารถเพิ่มแรงบิดในรอบต่ำ ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันต่ำ และช่วยลดเสียงรบกวน
ระบบขับเคลื่อนแบบ 4×4 ในรุ่น 4×4 ใช้เพลาขับที่ทำจากอลูมิเนียมจึงทำให้มีน้ำหนักเบาขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเกียร์ส่งกำลัง โดยช่วยให้สามารถสลับโหมดการขับเคลื่อนและการทำงาน 4H/4L ได้เร็วขึ้นเมื่ออยู่ในโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อ นอกจากนี้รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือ 4×4 ยังมาพร้อมกับ
ระบบล็อกเฟืองท้ายแบบไฟฟ้า ที่ช่วยเพิ่มพลังขับเคลื่อนสูงสุดได้อย่างรวดเร็วและเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่บนถนนที่ขรุขระ
ระบบกันสะเทือนด้วยระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระปีกนกคู่ (Double-Wishbone) และชุดแหนบ (Leaf Spring) ทำให้ช่วงล่างของรถปิกอัพมาสด้า BT-50 สามารถให้การควบคุมรถอย่างมีเสถียรภาพและขับขี่สะดวกสบายยิ่งขึ้น ในรุ่น ยกสูง ยังได้มีการเสริมตัวยึดด้านหน้ากันโคลง เพื่อเพิ่มความสมดุลให้กับตัวรถมากขึ้น
ประสิทธิภาพในการลดเสียงรบกวน ลดการสั่นสะเทือน และอดความกระด้าง (NVH)
ติดตั้งแผงคอนโซลกลางที่ยึดกับเฟื้นตัวถังและการติดตั้งแผงคอนโซลหนได้รับการปรับให้เหมาะสมเพื่อลดการสั่นสะเทือนที่ส่งมาจากโครงแชสซี มีการติดตั้งโฟมเข้าไปภายในเสาแต่ละต้นเพื่อช่วยดูดซับเสียงจากแผงประตูด้านข้าง รวมไปถึงพรมปูพื้นและฉบวนได้ถูกผลิตขึ้นเป็นชั้นเดียวกันทำให้สามารถดูดซับเสียงได้อย่างดีเยี่ยม รถปิกอัพมาสด้า BT-50 ได้ใช้มาตรการดังกล่าวเพื่อพัฒนาให้ห้องโดยสารเงียบมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดนอกจากนี้ แผงหน้าปัดยังติดตั้งอยู่กับตัวถังโดยตรงเพื่อลดการสั่นสะเทือนที่ส่งไปยังพวงมาลัย ประสิทธิภาพเบรกดิสก์เบรกหน้าสำหรับรถปิกอัw มาสด้า BT-50 บีทั้งหมด 2 ขนาด ได้แก่ ขนาด 17 และ 15 นิ้วในขณะที่ด้านหลังใช้ดรัมเบรกขนาด 15 นิ้ว ซึ่งจากการปรับตั้งทำให้สามารถหยุดล้อได้อย่างยอดเยี่ยม และการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหม้ออบเบรก ก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการควบคุมเบรก
เทคโนโลยีความปลอดภัยเชิงป้องกันในรถปิกอัพ มาสด้า BT-50 ใหม่
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA
- ระบบช่วยจอด Parking Aid
- ระบบช่วยควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC
- ระบบช่วยออกตัวรถขณะอยู่บนทางลาดชัน หรือ HLA
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSMเป็นระบบเซ็นเซอร์เพื่อตรวจจับเมื่อมีรถเคลื่อนที่เข้ามาทางด้านหลังเมื่อเปลี่ยนเลน โดยระบบจะส่งสัญญาณเตือนบนกระจกเพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัย ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์ตัวเดียวกันที่ใช้กับ
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) ที่ช่วยส่งสัญญาณเตือนคนขับเมื่อตรวจพบว่ามีรถยนต์กำลังเคลื่อนที่เข้ามาจากทางด้านหลัง
- ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน Hill Descent Control (HDC)
- ระบบควบคุมเครื่องยนต์และเบรกเพื่อควบคุมอัตราเร่งและรักษาความเร็วเมื่อขับรถลงทางลาดชัน ช่วยให้ผู้ขับขี่มีสมาธิในการควบคุมพวงมาลัย และมั่นใจยิ่งขึ้นเมื่อขับรถลงจากทางลาดชัน
- ระบบช่วยออกตัวรถขณะอยู่บนทางลาดชัน (HLA) เมื่อคนขับยกเท้าออกจากแป้นเบรกเพื่อเร่งเครื่องยนต์จากจุดออกตัวบuทางลาดชัด เบรกจะยังคงทำงานเพื่อป้องกันไม่ให้รถไหลไปข้างหลัง เพื่อช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
- ระบบช่วยจอด Parking Aid เซ็นเซอร์ 4 ตัวบนกันชนด้านหน้าและด้านหลังจะช่วยกะระยะห่างระหว่างรถกับวัตถุ โดยระบบจะส่งเสียงแจ้งเตือนผู้ขับขี่เมื่อรถเคลื่อนเข้าไปใกล้วัตถุจนถึงระยะห่างที่กำหนด
- ติดตั้งถุงลมนิรภัย SRS ฝั่งคนขับและฝั่งผู้โดยสารที่เป็นอุปกรณ์ความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน