คาราวาน มาสด้าปันสุข ทริปที่ 2 บุกขอนแก่น
ข่าวรถวันนี้ : คาราวานมาสด้าพร้อมปันสุข ทริปที่ 2 บุกขอนแก่นพิจิตรเพชร เผยกลยุทธ์เด็ดมัดใจลูกค้าพร้อมพุ่งเป้าเติบโตอย่างยั่งยืน
มาสด้าเดินหน้ากิจกรรม “Mazda Caravan ปันสุข” ทริปที่สองมุ่งหน้าสู่จังหวัดขอนแก่น ด้วยขบวนมาสด้าสีแดง โซล เรด คริสตัล ภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟทุกรุ่น และการออกแบบอย่างสง่างามจาก โคโดะ ดีไซน์ รวม 11 คัน นำคณะสื่อมวลชนออกไปพิสูจน์สมรรถนะพร้อมเติมเต็มความสุขกับกิจกรรมจิตอาสาส่งมอบอุปกรณ์การเรียนการสอน อุปกรณ์กีฬา และเติมเต็มความฝันของเด็กๆ ด้วยการมอบทุนการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนทุกคนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ พร้อมบุกโชว์รูมมาสด้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ไปร่วมสัมภาษณ์พิเศษผู้บริหารรุ่นใหม่ไฟแรงจาก “มาสด้า พิจิตรเพชร” กลุ่มธุรกิจแถวหน้าในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อร่วมพูดคุยถึงยุทธศาสตร์และแนวคิดนำพามาสด้าก้าวสู่ความสำเร็จ โดยยึดหลัก “ลูกค้าคือหัวใจสำคัญ” เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และกลยุทธ์การปรับตัวรับกระแสความเปลี่ยนแปลงให้ทันท่วงที รวมถึงร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในการสร้างความพึงพอใจสูงสุดในการดูแลลูกค้า เพื่อก้าวสู่ความเป็นเลิศและเป็นโชว์รูมที่พร้อมที่สุดในภาคอีสาน
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย แม่ทัพใหญ่ในการจัดกิจกรรม กล่าวว่า การเดินทางไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือในครั้งนี้นับเป็นทริปที่สองของ “Mazda Caravan ปันสุข” ที่มาสด้าตั้งใจนำคณะสื่อมวลชนเดินทางไปร่วมกิจกรรมจิตอาสาและร่วมแบ่งปันสิ่งดีๆ กลับคืนสู่สังคม หลังจากทริปแรกที่เดินทางไปยังจังหวัดจันทบุรีประสบความสำเร็จอย่างงดงาม โดยครั้งนี้ขบวนได้ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางจังหวัดขอนแก่น ด้วยคาราวานรถยนต์มาสด้าสีแดง โซล เรด คริสตัล ภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟทุกรุ่นรวมทั้งสิ้น 11 คัน ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ทดสอบสมรรถนะของรถยนต์มาสด้า และสัมผัสถึงเทคโนโลยีความปลอดภัยสุดล้ำ i-Activsense ที่ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุได้รอบคัน การเชื่อมต่อไร้ขีดจำกัด Mazda Connect ที่ทำให้ไม่พลาดทุกการติดต่อ รวมถึงเทคโนโลยีอื่นๆ อีกมากมายที่มอบความสะดวกสบายและความสุนทรีย์ในการขับขี่ไปตลอดระยะทางกว่า 1,000 กิโลเมตร
สำหรับวันที่สองของกิจกรรมขบวนคาราวานมาสด้าได้มุ่งหน้าไปยังโชว์รูมมาสด้าขอนแก่นพิจิตรเพชร เพื่อร่วมสัมภาษณ์พิเศษผู้บริหารรุ่นใหม่ไฟแรงทั้ง 2 ท่าน ถึงกลยุทธ์การทำงานสู่ความสำเร็จในการบริหารงานกลุ่มพิจิตรเพชร ก่อนมุ่งหน้าไปทำกิจกรรมจิตอาสาร่วมกัน ณ โรงเรียนบ้านโคกนางามปลาเซียมอัมพวัน ซึ่งเป็นโรงเรียนขนาดเล็กเปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงประถมศึกษาปีที่ 6 โดยมีจำนวนนักเรียนเพียง 85 คน และมีครูทั้งหมด 7 คน โดยคณะฯ ได้ส่งมอบอุปกรณ์การเรียนการสอน อุปกรณ์กีฬา และมอบทุนการศึกษา พร้อมทั้งเลี้ยงอาหารกลางวันให้กับเด็กนักเรียน ก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร
นายแพทย์สุภณัฐ สร้างถาวร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อุบลพิจิตรเพชร มอเตอร์คาร์ จำกัด เผยว่า เนื่องจากกลุ่มพิจิตรเพชร เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญ และคลุกคลีอยู่ในแวดวงยานยนต์มาเป็นระยะเวลากว่า 26 ปี ซึ่งเราได้เล็งเห็นว่ามาสด้าเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง จึงได้เข้าร่วมเป็นผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2554 เริ่มขยายสาขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ประกอบด้วย สาขาอุบลราชธานี สาขาขอนแก่น และสาขาอำเภอเดชอุดม รวม 3 สาขา ด้วยงบประมาณการลงทุนกว่า 1,400 ล้านบาท ซึ่งแต่ละสาขาล้วนเป็นโชว์รูมขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพสูง เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และมีพื้นที่ให้บริการมากกว่า 11,000 ตรม. โดยเป็นโชว์รูมและศูนย์บริการแบบครบวงจร ทั้งส่วนงานขาย ศูนย์บริการ รวมทั้งศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากมาสด้า
“แม้ว่าสถานการณ์ในช่วงที่ผ่านมากลุ่มพิจิตรเพชรจะเผชิญกับวิกฤตต่างๆ มากมาย ทั้งน้ำท่วมและการระบาดของโควิด-19 แต่ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจจริงและความปรารถนาดีในการให้บริการลูกค้า จึงทำให้ธุรกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้ โดยมีการวางรากฐานและปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริการเพื่อให้สอดรับกับรูปแบบวิถีใหม่ พร้อมกับเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยในเรื่องสุขภาพของพนักงานและลูกค้าตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจที่จะมาเข้ารับบริการ นอกจากนี้ การให้บริการในส่วนของงานขายอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ จึงหันมาเน้นในเรื่องของการบริการหลังการขายมากยิ่งขึ้น ด้วยการลงทุนกับศูนย์บริการและศูนย์ซ่อมสีและตัวถังเพิ่มเติม เพื่อสร้างศักยภาพการแข่งขันในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” นายแพทย์สุภณัฐ กล่าวเพิ่มเติม
นายสิทธิธัช สร้างถาวร กรรมการผู้จัดการ บริษัท พิจิตรเพชร ขอนแก่นเซลส์ จำกัด กล่าวว่า สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของการเข้ามาสานต่อธุรกิจของครอบครัว คือ การมองหาจุดสมดุลระหว่างรูปแบบการทำงานแบบเก่าและรูปแบบการทำงานสไตล์ใหม่เพื่อให้ทุกคนนำมาประยุกต์ปรับตัวเข้าด้วยกัน เพื่อให้ทุกคนสามารถเดินไปข้างหน้าด้วยกันได้ โดยเฉพาะในยุคใหม่ที่กระแสดิจิทัล ดิสรัปชั่น ได้เข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากต่อการทำธุรกิจรถยนต์ เราจึงต้องปรับตัวให้ทันต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา สิ่งสำคัญคือ “ลูกค้า” เราให้ความสำคัญกับลูกค้า เรายึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางของการทำงานควบคู่ไปกับการเสริมสร้างทัศนคติและความเข้าใจของทีมงาน ผ่านการฝึกอบรมเสริมสร้างความรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อให้พร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกรูปแบบ
“วิสัยทัศน์ของกลุ่มพิจิตรเพชร คือ เราต้องการที่จะเติบโตในธุรกิจยานยนต์อย่างมั่นคงและยั่งยืนตลอดไป ดังนั้น เราจึงเน้นการวางรากฐานการทำงานให้แข็งแกร่ง โดยเฉพาะการพัฒนาบุคลากรให้มีคุณภาพและเกิดความเชี่ยวชาญรอบด้าน เพื่อให้กลุ่มพิจิตรเพชรเป็นแบรนด์ผู้จำหน่ายรถยนต์มาสด้าที่ได้รับการยอมรับทั้งด้านการขาย การบริการ การดูแลลูกค้าเสมือนคนในครอบครัว และกลายเป็นโชว์รูมอันดับต้นๆ ในใจผู้บริโภคของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อลูกค้าต้องการซื้อรถยนต์คันต่อไปต้องนึกถึงเราก่อนเสมอ” นายสิทธิธัช กล่าวเพิ่มเติม
นอกจากนี้การจัดกิจกรรม “MAZDA CARAVAN ปันสุข” ยังเป็นการทดสอบสมรรถนะของรถยนต์มาสด้าภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟทุกรุ่น ได้แก่ Mazda MX-5, Mazda2, Mazda3, Mazda CX-3, Mazda CX-30, Mazda CX-5 และ Mazda CX-8 ที่จะจัดขึ้นในรูปแบบคาราวานรถยนต์สีแดง โซล เรด คริสตัล อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะมาสด้าเท่านั้น ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการผลักดันแบรนด์มาสด้าให้เป็นที่จดจำของลูกค้าในระดับภูมิภาค และได้แบ่งปันสิ่งดีๆ กลับคืนสู่สังคม
ขบวนคาราวาน “MAZDA CARAVAN ปันสุข” ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังผู้จำหน่ายรถยนต์มาสด้า และส่งมอบสื่อการเรียนการสอน อุปกรณ์กีฬา และทุนการศึกษา ให้แก่เด็กนักเรียนและประชาชนในจังหวัดต่างๆ ทั้ง 4 ภูมิภาคด้วยกัน โดยเริ่มจากจังหวัดจันทบุรี เป็นที่แรก และตามมาด้วยจังหวัดขอนแก่น ซึ่งถัดไปคือจังหวัดเชียงใหม่ และทริปสุดท้ายคือจังหวัดกระบี่และอำเภอหาดใหญ่ ตามลำดับ โดยเริ่มแบ่งปันความสุขมาตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม 2563 และต่อเนื่องไปตลอดเดือนกันยายน นับเป็นอีกหนึ่งโครงการที่เป็นแรงผลักดัน และสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งความยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องต่อแนวคิดในการทำงานของมาสด้า เพื่อให้โลกของเรายังคงสวยงาม เพื่อให้ผู้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดี และเพื่อสร้างสังคมที่ยั่งยืนตลอดไป.