ลอง“ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่” ขุมพลังฟูลไฮบริด
รีวิวทดสอบ : ลอง“ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่” ขุมพลังฟูลไฮบริด พร้อมระบบความปลอดภัยขั้นสูง HONDA SENSING
คลิปทดสอบ
ภายนอก ชุดแต่ง RS จะทำตลาดเฉพาะรุ่นท็อป เครื่องยนต์ไฮบริด หรือ e:HEV เท่านั้น รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ไม่มีชุดแต่ง RS แล้ว
โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกที่บ่งบอกความเป็นรุ่นไฮบริด ชัดเจนด้วยโลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า และสัญลักษณ์ e:HEV ที่ด้านท้าย โดดเด่นด้วยกระจังหน้าและกันชนหน้าสไตล์สปอร์ต และมือจับประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถตกแต่งด้วยโครเมียม ไฟหน้าตกแต่งด้วยโครเมียมพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้าและไฟท้ายแบบ LED สไตล์เอกลักษณ์เฉพาะตัว เสาอากาศแบบครีบฉลาม และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วสีใหม่
กระจังหน้าตกแต่งด้วยโครเมียม และกันชนหน้าดีไซน์สปอร์ต พร้อมสัญลักษณ์ RS ไฟหน้าตกแต่งด้วยโครเมียมพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้าและไฟท้ายแบบ LED กระจกมองข้างสีดำ มือจับประตูด้านนอกสีดำตกแต่งด้วยโครเมียม เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ สปอยเลอร์หลังสีดำพร้อมสัญลักษณ์ RS ด้านท้าย และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 18 นิ้ว
ห้องโดยสาร รุ่น RS ดูสปอร์ตขึ้น เบาะไฟฟ้าคู่หน้า เบาะหลังรุ่น RS พับได้แล้วในแบบ 60/40 แต่ขั้นตอนปรับพับเบาะยุ่งยากไปนิด เพราะต้องลงมาเปิดฝาท้ายเพื่อดึงก้านเปิดตัวล็อคเบาะ รุ่นไฮบริดยังได้ช่องลมแอร์ด้านหลัง พร้อมข่องเสียบชาร์จไฟแบบ USB 2 ตำแหน่งด้วย
มาตรวัดเรือนไมล์ เด่นขึ้นมาก เป็นหน้าจอดิจิทัล ขนาด 10.2 นิ้ว ดูทันสมัย จอเครื่องเสียง ขนาด 9 นิ้ว พร้อม HONDA CONNECT ในรุ่นท็อป รองรับการเชื่อมต่อทั้ง APPLE CARPLAY และ ANDROID AUTO มีกล้องมองหลังพร้อมเส้นกะระยะ ปรับมุมมองได้ กล้องเพิ่มมุมมองฝั่งซ้าย HONDA LANEWATCH *ส่วนตัวแอดมินยังอยากได้กล้องรอบทิศทางและเซ็นเซอร์ Blid spot ด้วย จะลงตัวมาก ๆ
ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ มาพร้อมขุมพลังขับเคลื่อนแบบฟูลไฮบริด e:HEV ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม–ไอออน โดยระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างชาญฉลาด เหมาะสมกับการขับขี่ในทุกสถานการณ์ โดยมีทั้งหมด 3 โหมด ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) พร้อมโหมดการขับขี่ที่เลือกได้ตามสไตล์ 3 โหมด ได้แก่ ECON Mode / Normal Mode / Sport Mode
ใข้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร บล็อกใหม่ แบบฉีดตรง เข้าสู่ห้องเผาไหม้ แทนรุ่นเดิม เพราะได้ค่าไอเสียที่ดีขึ้น ประหยัดขึ้น กำลังแรงม้า แรงบิด ต่างจากเดิมเล็กน้อย ทำงานร่วมกันกับระบบ HYBRIDS IMMD ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า ฟูลไฮบริด 2 ตัว มาพร้อมกับสายไฟในระบบไฮบริดแบบใหม่ เปลี่ยนจากทองแดง เป็น อลูมิเนียมผสม ข้อดีคือน้ำหนักเบาลงประมาณ 37% นำสัญญาณได้ดี ถ่ายเทพลังได้ดี จัดทรงได้ง่าย ด้านอายุการใช้งาน แตกต่างกันหรือไม่ ต้องดูในระยะยาว แต่การรับประกันยังอุ่นใจ ระบบไฮบริด 5 ปีแบบสบายๆ แบตเตอรี่ 10 ปี
สำหรับการทดสอบ พบว่าอัตราเร่งดีมากๆ ทำ 0-100 กม./ชม. ใน 8.4 วินาที ผ่านเครื่องมือทดสอบ อัตราเร่งเมื่อเทียบผลทดสอบแล้ว ความแรงดีกว่าเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบ อยู่นิดๆ เพียงเศษเสี้ยว วินาที แต่ก็จัดเป็นรถที่แรง ตอบสนองดีมาก ความเร็วปลายตัดที่ 191 กม./ชม. ตามข้อจำกัดของมอเตอร์ ด้านอัตราสิ้นเปลือง ในเมืองประหยัดเยี่ยม 18-20 กม./ลิตร มีให้เห็น นอกเมือง 16-18 กม./ลิตร สบาย กระทืบหนักๆ กินขึ้น ลงมาอยู่ที่ 14-15 กม./ลิตร ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่
สำหรับข่วงล่าง ไม่ใช่แนวสปอร์ต เหมือนชุดแต่ง แม้ว่าจะปรับ ค่าเคสปริง เพื่อรองรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นประมาณ 100 กิโลกรัม เน้นความนุ่มนวลนั่งสบาย สไตล์รถครอบครัว มีจังหวะบั๊ม รีบาวด์ ให้เห็นเป็นธรรมชาติ ไม่แข็ง และไม่นุ่มเกินไป
มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda Sensing ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการทำงานหลัก ๆ ดังนี้
- ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS) ระบบช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วเมื่อมีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน หรือคนเดินถนนที่อยู่ในระยะไม่ปลอดภัย และเมื่อมีความเสี่ยงต่อการชน ระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
- ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
- ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)
พร้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยล้ำสมัย* อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor) กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) และระบบ Auto Brake Hold ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมเตือนผู้โดยสารด้านหลัง (Front Passenger and Rear Seat Belt Reminder) และไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder) เป็นต้น
ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ได้แก่
- รุ่น e:HEV RS ราคาประมาณการไม่เกิน 1,270,000 บาท***
- รุ่น e:HEV EL+ ราคาประมาณการไม่เกิน 1,150,000 บาท***
มีสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น e:HEV RS สีดำคริสตัล (มุก) สีขาวแพลทินัม (มุก) สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และสีฟ้ามอร์นิงมิสต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น e:HEV EL+ และสีภายใน มีทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ และสีเทาเบจ ซึ่งขึ้นอยู่กับสีภายนอก โดยรุ่น e:HEV RS สีภายในจะเป็นสีดำเท่านั้น
สำหรับ ซีดานไฮบริด รุ่นนี้ แม้ว่าจะมีคู่แข่งในตลาดเจ้าเดียว แต่ก็น่าจะขายดี เพราะได้ทั้งความสดใหม่ ตอบสนองดี ประหยัด มีระบบความปลอดภัยชั้นสูงครบ.
คลิกชมรีวิวทดสอบที่