The new C-Class รุ่นประกอบในประเทศ แรง ประหยัด ราคาโดนใจ
บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาสส์ ใหม่ (The new C-Class) รุ่นประกอบในประเทศเจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ โดดเด่น เทคโนโลยีล้ำสมัย เทียบเท่าตระกูล The S-Class
มร .ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหาร ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย มีแนวทางการดำเนินงานภายใต้ กลยุทธ์ “เดอะ เบสท์” (THE BEST) เพื่อสะท้อนความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ที่จะนำเสนอ “สิ่งที่ดีที่สุด” ให้กับลูกค้าทั้งในวันนี้และวันข้างหน้า ซึ่งจากความสำเร็จและการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาของ The new C-Class เจนเนอเรชั่นปัจจุบัน ทำให้ในปี 2560 ที่ผ่านมา The C-Class แบบซาลูนและเอสเตทมียอดขายทั่วโลกรวมกันสูงถึงกว่า 415,000 คัน”
ซี-คลาสส์ มีดีไซน์ภายนอกใหม่ รุ่น The C 220 d Avantgarde จะใช้กระจังหน้าสีเงินเสริมโครเมี่ยม พร้อมตราสัญลักษณ์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ และล้ออัลลอยแบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 18 นิ้ว รุ่น Exclusive กระจังหน้าแบบคลาสสิค พร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์อยู่เหนือฝากระโปรงหน้า และล้ออัลลอยแบบ multi-spoke ขนาด 18 นิ้ว ส่วนรุ่น AMG Dynamic จะติดตั้งกระจังหน้าแบบ diamond grille สีเงิน พร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และ ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 19 นิ้ว ตกแต่งด้วยสีดำ โดยมีกันชน หน้า-หลังและสเกิร์ตข้างเป็นดีไซน์สปอร์ตแบบ AMG Bodystyling โคมไฟหน้าและหลัง แบบใหม่ได้รับการออกแบบโดยใช้เส้นโค้งเป็นองค์ประกอบหลัก พร้อมใช้วัสดุคุณภาพสูงเพื่อสร้างความประทับใจสูงสุดในแง่รูปลักษณ์ และความรู้สึก รวมถึงการใช้ไฟหน้าแบบ LED High Performance
รุ่น Avantgarde ใช้เทคโนโลยีไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED รุ่น Exclusive และ AMG Dynamic มาพร้อมระบบไฟสูงแบบ ULTRA RANGE Highbeam ครั้งแรกในรถยนต์ C-Class ซึ่งไฟหน้านี้ประกอบด้วยหลอดไฟ LED ที่ทำงานโดยอิสระจำนวน 84 หลอดต่อโคมไฟหน้า 1 โคม ที่สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ อีกทั้งยังสามารถปรับความเข้มแสง โดยใช้ระบบไฟหน้าให้เข้ากับ สภาพการจราจรโดยรอบได้ ซึ่งระบบไฟหน้า MULTIBEAM LED มีคุณสมบัติพิเศษมากมายที่เหนือกว่าระบบไฟหน้า LED มาตรฐาน (ที่มีหลอดไฟ LED 19 หลอดต่อโคมไฟหน้า 1 โคม) เช่น ระบบไฟส่องสว่างขณะขับผ่านสี่แยกหรือวงเวียน ระบบไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเมือง และระบบไฟส่องสว่างสำหรับสภาวะอากาศเลวร้าย ทั้งนี้ ระบบไฟสูงแบบ ULTRA RANGE Highbeam จะทำงานอัตโนมัติ หากระบบตรวจจับได้ว่าไม่มีผู้สัญจรในทางรถสวน ถนนข้างหน้าเป็นทางตรง และผู้ขับขี่กำลังใช้ความเร็วตั้งแต่ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป ระบบไฟสูงแบบ ULTRA RANGE Highbeam จะช่วยให้ไฟหน้าของรถมีความสว่างในระดับที่สูงขึ้นตามความเร็วของรถ โดยสามารถส่องสว่างได้ไกลถึง 650 เมตร นอกจากนี้ในรุ่น The C 220 d AMG Dynamic ยังมีหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ ที่เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้าอีกด้วย
ห้องโดยสาร ออกแบบให้มีความหรูหรา สปอร์ต มีโครงสร้างที่ดูต่อเนื่องเป็นชิ้นเดียว มาพร้อมกับพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control ในขณะที่ The C 220 d Exclusive และ The C 220 d AMG Dynamic พวงมาลัยปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้าและปรับน้ำหนักตามความเร็วรถ
ในรุ่น AMG Dynamic ใช้พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ตกแต่งสปอร์ตท้ายตัด พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control รุ่น Avantgarde และ Exclusive เบาะหุ้มด้วยหนัง ARTICO และ AMG Dynamic ใช้เบาะหุ้มหนังแบบสปอร์ต เบาะด้านหลังสามารถพับ แบบ 1/3 และ 2/3 ติดตั้งปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ (Push Start) ในขณะที่รุ่น Exclusive และ AMG Dynamic มีระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO เสริมเข้ามาด้วย และยังนำเทคโนโลยีและรูปแบบการใช้งานมาจากรถยนต์ The S-Class โดยมีระบบ All-Digital instrument display ที่เป็นหน้าจอเรือนไมล์แบบดิจิทัล รุ่น AMG Dynamic มี 12.3 นิ้ว และยังสามารถปรับรูปแบบการแสดงผลได้ 3 รูปแบบ คือ Classic, Progressive และ Sport มาพร้อมกับหน้าจอมัลติมีเดียบริเวณกลางคอนโซล ระบบเสียง MB Audio 20 จอขนาด 10.25 นิ้ว ควบคุมระบบต่างๆ เพียงปลายนิ้วสัมผัส ระบบ Touch pad ไม่ว่าจะเป็นระบบ Apple CarPlay™ ระบบถอยจอดอัตโนมัติ หรือระบบแผนที่นำทาง 3 มิติรูปแบบใหม่ในรุ่น Exclusive และ AMG Dynamic
นอกจากนี้ยังเพิ่มสุนทรียภาพในการเดินทางด้วยระบบไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารที่ปรับสีได้ถึง 64 สี และในรุ่น The C 220 d Exclusive ยังได้ติดตั้งฟังก์ชั่นปรับสมดุลอากาศภายในห้องโดยสาร (AIR BALANCE package) ที่ช่วยฟอกอากาศ พร้อมปรับอากาศให้มีกลิ่นหอมด้วยน้ำหอมชนิดเดียวกับในรถยนต์ The S-Class เพื่อยกระดับความสบายในการโดยสาร
เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ แถวเรียง เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ความจุกระบอกสูบ 2.0 ลิตร หรือ 1,950 (ซีซี) ให้กำลังสูงสุด 194 แรงม้า ที่ 3,800 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 6.9 วินาที ความเร็วสูงสุดโดยประมาณ 240 กม./ชม.
ระบบเทคโนโลยี และระบบความปลอดภัย ที่มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่รุ่นล่าสุดสำหรับตระกูล The C-Class ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับระบบที่ใช้ในรถยนต์ The S-Class อาทิ ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ช่วยเสริมเรื่องความปลอดภัย และยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น อาทิ โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (Electronic Stability Program – ESP®), ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (Anti-lock braking system – ABS), ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-Start Assist, ไฟเบรกกระพริบฉุกเฉิน (Adaptive brake light), ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ ABA (Active Brake Assist system), ระบบรักษาความเร็ว (Cruise Control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC), ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST Service interval indicator), ระบบเตือนแรงดันลมยาง (Tyre pressure loss warning system), ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST), เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC)
ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดแบบอัตโนมัติ (Active Parking Assist), ระบบ DYNAMIC SELECT คือแบบ Sport, Sport+ และ Comfort, ฟังก์ชั่นเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ Apple CarPlay™ & Android Auto และระบบสำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ Bluetooth นอกจากนั้นยังมีระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า (Distance Pilot DISTRONIC) กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง (Surround view camera) และระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® surround sound system ที่เป็นฟังก์ชั่นที่เพิ่มเข้ามาในรุ่น AMG Dynamic ระบบแผนที่นำทางที่ติดตั้งเฉพาะในรุ่น Exclusive และ AMG Dynamic และกล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยรถ (Reversing camera) ที่มีเฉพาะในรุ่น Avantgarde และ Exclusive
The new C-Class มีสามรุ่นย่อย ได้แก่
The C 220 d Avantgarde ราคา 2,349,000 บาท
The C 220 d Exclusive ราคา 2,690,000 บาท
The C 220 d AMG Dynamic ราคา 2,890,000 บาท
ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้แล้วที่ผู้จำหน่าย เมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการทั้ง 32 แห่งทั่วประเทศ
The gallery was not found!