Toyota Fortuner Legender ครบเครื่องทั้งหล่อ/ลุย
รีวิวรถใหม่ 2020 : Toyota Fortuner Legender สัมผัสแรกบนถนนจริง ฟันธง! ครบเครื่อง ทั้งหล่อ/ลุย
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เชิญ คาร์อินเนอร์ ร่วมกิจกรรมทดสอบรถยนต์อเนกประสงค์ Toyota Fortuner Legender โฉมใหม่ เส้นทาง กรุงเทพ ฯ – เขาระเบิด – พัทยา เพื่อให้ลองสัมผัสกับสมรรถนะ ของ ฟอร์จูนเนอร์ เลเจนเดอร์ ใหม่ ที่ได้รับการยกระดับความหรูหรา และสมรรถนะที่ทรงพลังขึ้นไปอีกขึ้น
Toyota Fortuner รุ่น Legender มาพร้อมกับดีไซน์ที่หรูหราขึ้น ยกระดับให้โฉบเฉี่ยว และแตกต่างจาก ฟอร์จูนเนอร์ รุ่นพื้นฐาน กระจังหน้าใหม่ออกแบบให้ดูเล็กลง และตกแต่งด้วยสีดำมัน เพิ่มคิ้วขอบไฟหน้าสีดำมันยาวลงมารับกับหน้ากระจังและกันชนหลังดีไซน์ใหม่ เครื่องยนต์ 2.8 GD Super Power ใหม่ เพิ่มสมรรถนะการขับขี่แรงขึ้นกว่าเดิม 15% ด้วยกำลังสูงสุด 204 แรงม้า และฟังก์ชัน Sport Mode ขับขี่เร้าใจขึ้น เพิ่ม Balance shaft ช่วยลดเสียงและแรงสั่นสะเทือนที่ส่งเข้าสู่ห้องโดยสาร กล้องมองรอบคัน เพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ ติดตั้งแท่นชาร์ไฟแบบไร้สาย และ ระบบประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อม Kick Sensor มาพร้อมระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense
“Legender” เป็นรุ่นพิเศษที่เข้ามาทดแทนการหายไปของรุ่น TRD ได้รับการออกแบบให้แตกต่างจากรุ่นมาตรฐานชัดเจนสะท้อนภาพลักษณ์สปอร์ต ดีไซน์หรูหรา แบบ Sport Premium PPV”เส้นสายดูเฉียบคมขึ้น ตามหลักอากาศพลศาสตร์ มีสัดส่วนกระจังหน้าที่แตกต่าง เพิ่มความทันสมัยด้วย ไฟหน้า DayTime Running Light แบบ Light Guiding ดีไซน์ใหม่ ที่มาพร้อมกับไฟเลี้ยว LED แบบ Sequential ไฟสูงและไฟต่ำแบบ LED พร้อมปรับดีไซน์กันชนหลังใหม่ให้รับกับดีไซน์ด้านหน้า ล้ออัลลอย ขนาด 20 นิ้ว ลายใหม่ มาพร้อมกับหลังคาทูโทน ที่ดูโดดเด่น
ห้องโดยสาร ติดตั้งเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสที่รองรับ Apple CarPlay เชื่อมต่อทุกความบันเทิงได้อย่างอิสระ พร้อมระบบ T-Connect ที่เชื่อมต่อรถและผู้ใช้รถให้เป็นหนึ่งเดียว มีกล้องมองภาพรอบคันพร้อมมุมมองแบบ 3 มิติ เพิ่มทัศนวิสัย และให้ความปลอดภัยสูงสุด และสัญญาณเตือนกะระยะ หรือ Park Sensor ให้จอดรถได้ง่ายและปลอดภัยมากขึ้น ติดตั้งแท่นชาร์จไร้สาย เพื่อตอบสนองการใช้งานในปัจจุบัน และยังสามารถลงทะเบียนผ่าน Application T-Connect by Toyota ที่มีฟังก์ชันหลากหลาย อาทิ บริการผู้ช่วยส่วนตัว ตลอด 24 ชั่วโมง ค้นหาตำแหนงรถ เส้นทาง ร้านอาหาร ศูนย์บริการ แจ้งเหตุฉุกเฉิน รวมถึงประตูท้ายติดตั้งระบบ Activated Kick Door เปิดประตูหลังได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องใช้มือสัมผัสตัวรถ
เครื่องยนต์พัฒนาใหม่ ในรุ่น 2.8 ลิตร ให้กำลังสูงสุดได้ถึง 204 แรงม้า (PS) พร้อมแรงบิดที่ 500 นิวตันเมตร (Nm) ในช่วงความเร็วรอบเครื่องยนต์ที่กว้างตั้งแต่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที อีกทั้งยังเพิ่มเพลาปรับสมดุล (Balance Shaft) ในเครื่องยนต์ 2.8 ลิตร ช่วยลดเสียงและแรงสั่นสะเทือนที่ส่งเข้าสู่ห้องโดยสาร เพิ่มความเงียบและความนุ่มนวลในการขับขี่มากยิ่งขึ้น
และในโหมด Off-Road เครื่องยนต์มีการปรับลดความเร็วรอบเดินเบา (จาก 850 รอบต่อนาที เป็น 680 รอบต่อนาที) สามารถลุยเส้นทาง Off-Road ได้อย่างมั่นคง ราบรื่น ไม่สะดุด สามารถแสดงข้อมูลตำแหน่งองศาของล้อบนหน้าจอ MID และติดตั้งสัญญาณเตือนกะระยะด้านท้าย และมุมกันชนหน้า-หลัง เพื่อช่วยตรวจสอบสิ่งกีดขวางรอบข้างขณะขับขี่ ติดตั้งระบบบังคับเลี้ยวแบบ VFC (Variable Flow Control) ควบคุมพวงมาลัยแปรผันตามระดับความเร็วให้สามารถควบคุมรถได้อย่างมั่นใจ มีโหมดการขับขี่ Sport Mode ช่วยให้การขับขี่ของคุณสนุกสนานมากยิ่งขึ้น ด้วยการปรับการทำงานของคันเร่งให้ตอบสนองเร็วยิ่งขึ้น และปรับการทำงานของพวงมาลัยให้มีน้ำหนักมากขึ้น เหมาะสำหรับการเร่งแซงและการขับขี่ที่ใช้ความเร็วสูง
เล่าสู่กันฟัง ในช่วงกิจกรรมทดสอบ
เราออกสตาร์ทจาก กรุงเทพมหานคร ที่ Toyota Driving Experience Park (TDEX) ถนนบางนา-ตราด มุ่งหน้า จ.ชลบุรี โดยมีไฮไลท์สำคัญบนเขาระเบิด ที่เป็นลานร่มร่อน เส้นทางที่จะขึ้นไปด้านบนลานและจุดชมวิวอันสวยงามนี้ มีระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร จำเป็นต้องใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เนื่องจากสภาพเส้นทาง เป็นเส้นทางธรรมชาติ ทาง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จึงได้พานักทดสอบ มาร่วมสัมผัสสมรรถนะ ของ ฟอร์จูนเนอร์ เลเจนเดอร์ ใหม่ บนเส้นทางธรรมชาติ ในโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อ เพื่อให้ลองการทำงานของระบบต่าง ๆ ที่ถูกติดตั้งไว้ใน ฟอร์จูนเนอร์ เลเจนเดอร์ รุ่นท็อป ขับเคลื่นอ 4 ล้อ คันนี้
แอดมินได้ขับ Toyota Fortuner Legender 2.8 4WD รุ่นท็อปสุด ออกจาก TDEX ถนนบางนา-ตราด รถรุ่นนี้ ใช้เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.8 ลิตร ที่มาพร้อมกับเทอร์โบแปรผันลูกใหญ่ขึ้น 58 มม. สามารถรีดกำลังได้มากขึ้นเป็น 204 แรงม้า และให้แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที รวมถึงยังติดตั้ง Balance Shaft เพลาปรับสมดุล ที่ช่วยลดแรงสั่นและเสียงให้เบาลง ทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะเดิม พร้อม Sequential Shift มีโหมดการขับขี่ให้เลือก 3 โหมด (Eco/Normal/Sport)
ด้านสมรรถนะ การตอบสนองของเครื่องยนต์และเกียร์นั้น เป็นไปตามคาดเพราะเราได้สัมผัสกับความแรงและการตอบสนองกับขุมพลังบล็อคนี้ ในรีโว ร็อคโค่ รุ่นท็อป มาแล้ว กำลังเครื่องยนต์มีให้เรียกใช้ได้แบบเหลือๆ กดคันเร่งเมื่อไหร่ก็มาตามเท้า ไหลต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการตัดต่อกำลังของเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ยังให้ความนุ่มนวลแต่ต่อเนื่องดีมาก
ระบบพวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พีเนียน พร้อมพาวเวอร์ช่วยผ่อนแรงแบบ VFC (Variable Flow Control) ที่จะปรับน้ำหนักพวงมาลัยแปรผันตามความเร็ว ด้านความรู้สึกจากการควบคุมพวงมาลัย ที่ความเร็วต่ำ น้ำหนักพวงมาลัยยังค่อนข้างหนืดและมีน้ำหนักอยู่มาก ไม่เบาเหมือนพวงมาลัยไฟฟ้า ต้องออกแรงในการบังคับควบคมอยู่พอสมควร แต่ก็ได้ความนิ่งเข้ามาแทน เมื่อใช้ความเร็วสูงขึ้น จะเด่นชัดเมื่อวิ่งทางตรง โดยเฉพาะเส้นมอเตอรเวย์ ในช่วงการขับทดสอบ
ฟอร์จูนเนอร์ เลเจนเดอร์ ปรับเซ็ตมาช่วงล่างมาใหม่ ดูแตกต่างจากรุ่นมาตรฐาน มองง่าย ๆ ว่า ช่วงล่างรุ่นนี้ เข้ามาทดแทน ช่วงล่างของ ฟอร์ทูเนอร์ ในรุ่น TRD นั่นเอง ไม่ว่าจะเปิดสปริง สีแดงสดสไตล์สปอร์ต ที่เซ็ทมาค่อนข้างแน่นหนึบ เอาใจผู้บริโภคหัวใจสปอร์ต อย่างแท้จริง แต่โช้คอัพและสปริง ของ Legender ในแต่ละรุ่นก็ได้รับการปรับจูนค่าเคของสปริงและค่าความหนืดของโช้คให้แตกต่างกันไปตามน้ำหนักของตัวรถด้วย
ช่วงขับทดสอบบนถนนมอเตอร์เวย์สาย 7 กรุงเทพฯ – ชลบุรี แอดมินได้ลองทดสอบระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense บางส่วนที่ติดตั้งมา ไม่ว่าจะเปิดระบบ Lane Departure Alert ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ และ Dynamic Radar Cruise Control ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ โดยภาพรวมระบบทำงานได้ดี สั่งงานง่ายสะดวกรวดเร็ว ส่วนระบบ Pre-Collision System ระบบความปลอดภัยก่อนการชน นั้น ไม่สามารถทำการทดสอบได้ เพราะต้องทดสอบในสถานที่ปิดมากกว่า
ด้านระบบ Lane Departure Alert ที่คอยเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ สามารถเปิดใช้งานได้ง่าย ที่ตำแหน่งบนพวงมาลัยด้านขวา เมื่อเปิดระบบแล้ว ระบบก็พร้อมทำงานในการตรวจจับเส้นจราจร เมื่อตัวรถขับเบี่ยงออกนอกเส้นจราจรแล้ว โดยไม่เปิดไฟเลี้ยว ครั้งแรกจะมีการหน่วงกลับเข้ามาให้อย่างเดียว แต่ถ้ารถยังมีการเบี่ยงออกนอกเลนอีก ระบบก็จะส่งเสียงเตือน พร้อมกับการหน่วงพวงมาลัยกลับด้วย ยังดีที่ระบบนี้สามารถปรับตั้งความแรงของการดึงกลับของพวงมาลัยได้ เพราะถ้าตั้งแรงสุด ระบบจะดึงหน่วงกลับค่อนข้างแรง แต่ถ้าตั้งไว้เบาสุด ก็ดูลงตัวเลยทีเดียว
ช่วงการทดสอบบนเขาระเบิด ระยะทางไป/กลับ 20 กิโลเมตร จากตีนเขาสู่ลานร่มบิน ฟอร์จูนเนอร์ เลเจนเดอร์ ติดตั้ง ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Sigma 4 มีระบบป้องกันล้อหมุนฟรีแบบ A-TRC และมีการปรับลดความเร็วรอบเดินเบา จาก 850 รอบต่อนาที เป็น 680 รอบต่อนาที ช่วยให้สามารถลุยเส้นทาง Off-Road ได้ดีมากขึ้น เลเจนเดอร์ ยังติดตั้งระบบดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ เหยียบแป้นเบรกเพียงเล็กน้อย ระบบเสริมแรงเบรก BA และระบบกระจายแรงเบรก EBD ทำหน้าที่เสริมกันดี ทำงานรวดเร็วและมั่นใจได้
ขากลับ ต้องขับย้อนทางเดิม ลงจากลานร่มบิน เพียงเปิดระบบ DAC ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน ทำให้ขับในช่วงขาลง มีความมั่นใจและรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น โดยระบบนี้มีการปรับจูนมาใหม่ ให้ทำงานได้ละเอียดขึ้น ช่วยชะลอความเร็วในขณะลงทางชันได้ดี ไม่ต้องกังวลกับความเร็วของรถ เพื่อใส่ใจกับการควบคุมพวงมาลัย ทิศทางของล้อ ในพื้นที่ ที่มีอุปสรรคมาก ๆ ได้
ด้านอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันจากการทดสอบในทริปนี้ เกือบ 300 กิโลเมตร ทั้งบนถนนใหญ่ ทางเรียบไฮเวย์ และขับขึ้นเขาและลงเขาระเบิด ไป/กลับ อีก 20 กิโลเมตร ในโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อ อัตราการสิ้นเปลืองเฉลี่ย จากมาตรวัดเรือนไมล์ ทำได้ 9-10 กม./ลิตร ซึ่งอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของรถ PPV ยิ่งอัพเกรดเทอร์โบ แรงม้า แรงบิด มากขึ้น ให้การตอบสนองได้ดีขึ้น ตัวเลขที่ออกมาจึงอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ย
ด้านความปลอดภัย (Safety) ติดตั้งระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense ในรถอเนกประสงค์ PPV ของโตโยต้า ที่เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยขั้นสูงสุดไว้มากมาย อาทิ ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System) ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ (Dynamic Cruise Control) และ ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน (Lane Departure Alert)
ฟันธง.!!.
โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ เลเจนเดอร์ (Toyota Fortuner Legender) ยกระดับความโดดเด่นให้ดูแตกต่างจาก ฟอร์จูนเนอร์ รุ่นพื้นฐาน เพิ่มออฟชั่นมาเต็มเหนี่ยว ทั้งระบบความปลอดภัย ระบบการเชื่อมต่อที่ทันสมัย ฟีเจอร์และอุปกรร์อำนวยความสะดวกรองรับการใช้งาน ในยุคนี้ได้เป็นอย่างดี ช่วงล่างแน่นหนึบถ่ายทอดอารมณ์ช่วงลางสปอร์ต ทดแทนการหายไปของช่วงล่าง TRD ได้อย่างสมบรูณ์แบบ สำหรับแฟนพันธ์ุแท้โตโยต้า และคนรุ่นใหม่ที่รักการท่องเที่ยว รถรุ่นนี้สอบผ่านแน่นอน เพราะการลุยในเส้นทางธรรมชาติครั้งนี้ ตอบโจทย์ด้านสมรรถนะได้เป็นอย่างดี
โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ รุ่น Legender มี 4 รุ่นย่อย สีภายนอกให้เลือก 3 สี (สีใหม่ 1 สี) ได้แก่ Emotional Red Black Top (ใหม่) – White Pearl CS Black Top – Attitude Black Mica
ราคา โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ รุ่น Legender
- 2.8 Legender เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อน 4 ล้อ 1,839,000 บาท
- 2.8 Legender เกียร์อัตโนมัติ 1,769,000 บาท
- 2.4 Legender เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อน 4 ล้อ 1,634,000 บาท
- 2.4 Legender เกียร์อัตโนมัติ 1,564,000 บาท
(*** สำหรับสี Emotional Red Black Top และ สี White Pearl CS Black Top เพิ่ม 20,000 บาท)