ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ขุมพลัง 2.0 ลิตร ไบเทอร์โบ เกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ
ฟอร์ด ประเทศไทย เผยโฉม “ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่” รถกระบะสายพันธุ์แกร่ง ที่มาพร้อมขุมพลังใหม่เปี่ยมสมรรถนะ และเทคโนโลยีล้ำสมัยยิ่งขึ้น เพื่อมอบความสะดวกสบายและความปลอดภัยอย่างเหนือชั้น
รูปลักษณ์ได้รับการปรับเปลี่ยนเพื่อสื่อถึงความสมบุกสมบันแบบออฟโรดและความโฉบเฉี่ยวยามอยู่บนท้องถนนได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เริ่มจากกระจังหน้าที่ออกแบบมาอย่างเรียบง่ายแต่มีมิติที่เด่นชัด และกันชนล่างปรับให้ช่องนำอากาศกว้างขึ้นด้วยดีไซน์ที่ลงตัว เรนเจอร์ ไวล์ดแทรค และรุ่น Limited มาพร้อมไฟเดย์ไลท์ LED และไฟหน้า HID เพื่อทัศนวิสัยที่ดียิ่งขึ้น
เรนเจอร์ ใหม่ แต่ละรุ่นยังมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันชัดเจน ด้วยสีและการตกแต่งที่สื่อถึงลักษณะที่โดดเด่นของแต่ละรุ่น ไม่ว่าจะเป็นรุ่นที่พร้อมรองรับทุกงานหนัก เช่น เรนเจอร์ XL XLS หรือรุ่นไวล์ดแทรค ที่พร้อมลุยไปทุกที่
การตกแต่งเส้นสายด้วยโครเมียมในเรนเจอร์ XLT และ Limited รวมไปถึงการตกแต่งแบบโดดเด่นในเรนเจอร์ ไวล์ดแทรค สะท้อนเอกลักษณ์ของแต่ละรุ่นได้เป็นอย่างดี เรนเจอร์ ไวล์ดแทรค ยังมาพร้อมสีภายนอกใหม่เฉพาะรุ่น นั่นคือสี ‘เซเบรอ’ สีส้มประกายบลอนด์ ซึ่งตัดกันอย่างงดงามกับกระจังหน้าสีเทาเข้ม สปอร์ตบาร์และล้ออัลลอย 18 นิ้ว ยังช่วยเสริมความโดดเด่นให้กับตัวรถได้เป็นอย่างดี
ห้องโดยสารของเรนเจอร์ ใหม่ ตอบสนองทุกการใช้งาน ตกแต่งโทนสีดำ พร้อมพื้นผิววัสดุตรงจุดสัมผัสที่ทนทานเพื่อคุณภาพการใช้งานที่ยาวนาน พร้อมเพิ่มความหรูหราด้วยการตกแต่งรายละเอียดด้วยโครเมียมและการเดินด้ายสีเงิน เพิ่มระบบตัดเสียงรบกวนในห้องโดยสาร (Active Noise Cancellation) ในรุ่นไวล์ดแทรค ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออีกด้วย
ใช้ระบบซิงค์ 3 (SYNC 3) รองรับ Apple Carplay และ Andriod Auto พร้อมบลูทูธ จอทัชสกรีน ฟูลคัลเลอร์ ขนาด 8.0 นิ้ว และกล้องมองหลัง ผู้ขับขี่ยังสามารถใช้งาน Apple Maps และระบบแผนที่นำทางด้วยดาวเทียม ยังมาพร้อมระบบจดจำเสียงและระบบสั่งงานเสียงด้วยภาษาไทยเพื่อการใช้งานที่คล่องตัวยิ่งขึ้น
เครื่องยนต์ดีเซล มีให้เลือก 3 แบบ
1.รุ่นแร็พเตอร์ และรุ่นไวล์ดแทรค 4×4 ใช้ เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ไบเทอร์โบ มาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด
ใช้ระบบ Sequentail Turbocharging ที่ผสานการทำงานของเทอร์โบชาร์จเจอร์ทั้ง 2 ตัว ให้กำลังสูงสุด 213 แรงม้า ที่ 3,750 รอบต่อนาที แรงบิด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,750 รอบต่อนาที เครื่องยนต์ไบเทอร์โบให้แรงบิดที่เหนือกว่า และอัตราทดเกียร์ที่แคบลงของเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ สามารถบรรทุกและลากจูงได้สูงสุดถึง 3,500 กิโลกรัม
เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ในรุ่นไวล์ดแทรค 4×2 และรุ่นใหม่ลิมิเต็ด (Limited) ให้กำลังสูงถึง 180 แรงม้า และแรงบิด 420 นิวตันเมตร สำหรับรุ่น Limited มาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ยังมีรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะให้เลือกอีกด้วย
ส่วนรุ่น XLT XLS และ XL มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร เทอร์โบมอบกำลัง 160 แรงม้า และแรงบิด 385 นิวตันเมตร พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติและเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ
เรนเจอร์ ใหม่ ติดตั้งระบบเตือนการชน (Pre-Collision Assist) ที่ผสานระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (AEB) และระบบตรวจจับยานพาหนะ (Vehicle Detection) เป็นครั้งแรกในตลาดรถกระบะ ระบบนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อตรวจจับคนเดินถนนและยานพาหนะด้านหน้า และจะทำการช่วยเบรกจนหยุดนิ่งเมื่อระบบพบว่าคนขับไม่สามารถตอบสนองได้ทัน ช่วยลดอัตราการชนท้ายและการชนคนเดินถนนลง โดยระบบนี้จะทำงานเมื่อใช้ความเร็วสูงกว่า 3.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping System) และระบบแจ้งเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกจากเลน (Lane Departure Warning) รวมถึงระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) พร้อมระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning System) ยังคงมีอยู่ในฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ เช่นเดิม
เทคโนโลยีเที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ ซึ่งได้รับการติดตั้งเป็นครั้งแรกในรถระดับเดียวกัน ยังรวมถึงระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ (Active Park Assist – APA) ซึ่งช่วยให้การเทียบจอดรถข้างทางเป็นเรื่องง่าย โดยระบบกึ่งอัตโนมัติจะบังคับทิศทางของรถให้เข้าสู่ช่องจอด ผู้ขับขี่เพียงควบคุมคันเร่งหรือเบรกเท่านั้น
นอกจากนี้ เรนเจอร์รุ่นไวล์ดแทรค และ LTD มาพร้อมระบบผ่อนแรงฝากระบะท้าย (Easy Lift Tailgate) ครั้งแรกในตลาดรถกระบะ ด้วยกลไกซึ่งช่วยผ่อนแรงของผู้ใช้ลง 70 เปอร์เซ็นต์ ช่วยให้เปิดปิดฝากระบะท้ายง่ายดายและสะดวกสบายยิ่งขึ้น
ระบบช่วงล่างของฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิมเพื่อลดการโคลงตัวและการควบคุมการทรงตัวที่ดีขึ้น
ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ มีสีภายนอกให้เลือก 7 สี ได้แก่ สีใหม่ 2 สี นั่นคือ สีส้มเซเบรอ (เฉพาะรุ่นไวล์ดแทรค) และสีฟ้าไลท์นิ่ง บลู (Lightning Blue) และสีมาตรฐาน ได้แก่ สีเงินอะลูมิเนียม เมทัลลิค (Aluminuim Metallic) สีดำแอพโซลูท แบล็ค เมทัลลิค (Absolute Black Metallic) สีเทาเมทีออร์ เกรย์ เมทัลลิค (Meteor Grey Metallic) สีขาวโฟรเซ่น ไวท์ (Frozen White) และสีแดงทรู เร้ด (True Red)
เรนเจอร์ แร็พเตอร์ มีสีภายนอกให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีเทาคองเคอร์ เกรย์ (Conquer Grey) ซึ่งเป็นสีใหม่เฉพาะแร็พเตอร์เท่านั้น และสีฟ้าไลท์นิ่ง บลู (Lightning Blue) สีแดงเรซ เร้ด (Race Red) สีดำแชโดว์ แบล็ค (Shadow Black) และสีขาวโฟรเซ่น ไวท์ (Frozen White)
นอกจากนี้ ลูกค้าฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ จะได้รับความคุ้มค่าและความสะดวกสบาย ด้วยบริการฟรีค่าแรงในการตรวจเช็คตามระยะ สูงสุดถึง 5 ปี หรือภายในระยะ 75,000 กิโลเมตร เพียงเข้าตรวจเช็คระยะทุก 15,000 กิโลเมตร หรือทุก 1 ปี
ราคาจำหน่าย
• แร็พเตอร์ – ราคา 1,699,000 บาท
• ไวล์ดแทรค – มีให้เลือก 2 รุ่น ราคาตั้งแต่ 1,029,000 – 1,265,000 บาท
• ลิมิเต็ด (LTD) – มีให้เลือก 4 รุ่น ราคาตั้งแต่ 889,000 – 1,029,000 บาท
• XLT – มีให้เลือก 4 รุ่น ราคาตั้งแต่ 749,000 – 869,000 บาท
• XLS – มีให้เลือก 4 รุ่น ราคาตั้งแต่ 659,000 – 789,000 บาท
• XL – มีให้เลือก 3 รุ่น ราคาตั้งแต่ 559,000 – 649,000 บาท
• กระบะฐานล้อสั้น (Short Wheel Base) – มีให้เลือก 2 รุ่น ราคาตั้งแต่ 589,000 – 799,000 บาท