คอร์เวทท์ สติงเรย์ ปี 2020
รีวิวรถใหม่2019 :
เชฟโรเลต สานต่อตำนานความสำเร็จที่ยาวนานของคอร์เวทท์ ด้วยการ เผยโฉม คอร์เวทท์ สติงเรย์ รุ่นปี 2020 ครั้งแรกของคอร์เวทท์รุ่นโปรดักชั่นเครื่องยนต์วางกลาง สติงเรย์ รุ่นปี 2020 คือการสร้างจินตนาการใหม่เพื่อส่งมอบอีกระดับของสมรรถนะ เทคโนโลยี ความประณีต และความหรูหราให้แก่ลูกค้า
มีต้นกำเนิดมาจากสนามแข่งและวิศวกรรมการบินอย่างแท้จริง โครงสร้างรถที่เยื้องมาด้านหน้าได้แรงบันดาลใจมาจากเครื่องบินขับไล่ F22 และ F35 รวมถึงเครื่องบินรบยุคใหม่และรถแข่งฟอร์มูล่าวัน เอกลักษณ์แบบคลาสสิกของคอร์เวทท์ยังนำมาประยุกต์ใช้กับสติงเรย์ อย่างรูปลักษณ์ด้านหน้าอันโดดเด่นที่สื่อถึงความเป็นรถสมรรถนะสูง สันขอบแนวนอนแบบคลาสสิก ซุ้มล้อหน้าที่ดุดัน และไฟหน้าแบบคู่ติดตั้งอยู่ในตำแหน่งคล้ายรุ่นก่อน
“คอร์เวทท์แสดงถึงความเป็นสุดยอดนวัตกรรมและการผลักดันของจีเอ็มออกจากกรอบเดิมได้เสมอ รถสมรรถนะสูงที่มีเครื่องยนต์อยู่ด้านหน้าได้ถึงขีดจำกัดของสมรรถนะแล้ว จึงมีความจำเป็นต้องพัฒนารูปแบบใหม่” มาร์ก รอยส์ ประธานกรรมการ จีเอ็ม กล่าว “คอร์เวทท์รุ่นใหม่ยังคงมีรูปลักษณ์และความรู้สึกที่ให้ความสะดวกสบายและความสนุกสนานสไตล์คอร์เวทท์ แต่มีการขับขี่ที่เหนือกว่ารถทุกรุ่นในประวัติศาสตร์ของคอร์เวทท์ ลูกค้าจะได้สัมผัสความตื่นเต้นเร้าใจจากการที่เราให้ความใส่ใจในรายละเอียดและสมรรถนะในทุกมิติ”
เครื่องยนต์วางกลางทำให้สติงเรย์ รุ่นปี 2020 มีคุณสมบัติ การกระจายน้ำหนักที่ดียิ่งขึ้น โดยถ่ายเทน้ำหนักไปทางด้านหลังเพื่อเพิ่มสมรรถนะบนทางตรงและบนสนามแข่ง ตอบสนองได้ดียิ่งขึ้นและให้การควบคุมที่แม่นยำด้วยตำแหน่งผู้ขับขี่ที่ใกล้กับเพลาล้อหน้ามากขึ้นจนเกือบจะอยู่บนล้อหน้า อัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงที่เร็วที่สุดสำหรับคอร์เวทท์รุ่นเริ่มต้น – ประมาณ 3 วินาทีเมื่อมาพร้อมกับแพ็กเกจ Z51
ทัศนวิสัยเสมือนนั่งอยู่ในรถแข่งด้วยการปรับตำแหน่งฝากระโปรง มาตรวัดและพวงมาลัยต่ำลง ทำให้การมองเห็นผู้ขับขี่และผู้โดยสารมีความชัดเจน จากการพัฒนาจุดแข็งด้านการใช้งานของคอร์เวทท์ด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระใต้ฝากระโปรงสองตำแหน่งที่มีความจุรวม 12.6 ลูกบาศก์ฟุต เหมาะสำหรับกระเป๋าสัมภาระหรือถุงกอลฟ์ซัก 2 ใบ
ภายนอกของสติงเรย์ รุ่นปี 2020 มีความโดดเด่นและล้ำสมัยด้วยเครื่องยนต์วางกลางที่เหมาะสมและสะดุดตา แต่ยังคงเต็มเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์แบบคอร์เวทท์อย่างชัดเจน มีความปราดเปรียวและแข็งแกร่ง รูปทรงที่โฉบเฉี่ยวทรงพลังถ่ายทอดความรู้สึกแห่งการเคลื่อนไหวและพละกำลังจากทุกมุมมอง
สติงเรย์ รุ่นใหม่นี้ได้รับการสร้างสรรค์อย่างประณีตและใช้วัสดุพรีเมียมระดับซูเปอร์คาร์ รวมทั้ง มีการออกแบบที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด การจัดวางเครื่องยนต์ในตำแหน่งใหม่เป็นจุดสำคัญที่ส่งผลการออกแบบรถรุ่นนี้อย่างแท้จริง นี่คือหัวใจของคอร์เวทท์ เจนเนอเรชั่นใหม่ ที่เปรียบดังอัญมณีที่เปล่งประกายเจิดจรัสอยู่ในตู้โชว์ เราสามารถมองเห็นเครื่องยนต์ได้ผ่านกระจกหลังขนาดใหญ่ นอกจากนี้ความใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ ทำให้การวางสายไฟ ท่อ น็อต และสลักเกลียว เหมือนอย่างที่เราพบเห็นกันในดีไซน์ของรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการแข่งขันยุคใหม่และที่สำหรับใช้งานบนถนนทั่วไป
สปอยเลอร์หน้าและสปอยเลอร์หลังสองชิ้นแบบเปิดเพิ่มแรงกดรวมกันได้ทั้งหมด 400 ปอนด์ ทำให้มีการยึดเกาะถนนขณะเข้าโค้งได้ดียิ่งขึ้นไฟหน้าดีไซน์เรียบง่ายและกลมกลืนไปกับไฟโปรเจคเตอร์ใหม่ล่าสุด ซ่อนมือจับประตู ฝากระโปรง และฝาท้ายเพื่อไม่ให้ส่งผลต่อดีไซน์ของรถโดยรวม ช่องรับอากาศด้านข้างขนาดใหญ่สำหรับการระบายอากาศเครื่องยนต์และเพิ่มความลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ เสารูปทรง A สัมพันธ์กับความเร็วและเพิ่มทัศนวิสัย กระจกหลังขนาดใหญ่โชว์เครื่องยนต์ พร้อมร่องระบายอากาศ 7 ช่อง ไฟท้ายแบบคู่ LED พร้อมไฟเลี้ยวแบบวิ่งตามทิศทางการเลี้ยว ปลายท่อไอเสีย 4 ชุดติดตั้งอยู่ด้านริมของตัวรถทั้งสองฝั่ง
ห้องโดยสารโดดเด่นขึ้น ไม่เพียงถูกเลื่อนมาด้านหน้า 16.5 นิ้ว แต่ยังโอบล้อมตัวผู้ขับขี่ ส่งเสริมความรู้สึกแบบรถสมรรถนะสูงและแนวคิดอากาศยาน ระบบควบคุมอากาศแนวตั้งและช่องแอร์ที่มีขนาดบางมากลดความสูงของแผงแดชบอร์ดหน้า จึงทำให้ห้องโดยสารเตี้ยและให้ความรู้สึกกว้างขวาง พวงมาลัยวงเล็กแบบสองก้านตัดตรงที่ขอบบนและขอบล่างรุ่นใหม่ไม่บดบังมุมมองต่อหน้าจอแสดงผลมาตรวัดขนาด 12 นิ้วที่ปรับเปลี่ยนได้ สติงเรย์ ปี 2020 มาพร้อมวัสดุห้องโดยสารระดับพรีเมียม สร้างสรรค์ด้วยคุณภาพและความพิถีพิถัน ขั้นสูง วัสดุหนังที่ตัดเย็บด้วยมือ พร้อมเดินตะเข็บด้ายแบบหนา ใช้โลหะแท้ ฝาปิดลำโพงสแตนเลส พร้อมระบบเครื่องเสียง Bose Performance Series การตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์สำหรับเบาะ GT2 และ Competition Sport Seats มีวัสดุอลูมิเนียมหรือคาร์บอนไฟเบอร์แท้ให้ลูกค้าเลือกตกแต่งคอนโซลและแผงประตู ลูกค้าสามารถสร้างสรรค์งานออกแบบของตนเอง ด้วยอ็อปชั่นที่มีให้เลือกสรรมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาสำหรับคอร์เวทท์
ห้องโดยสารด้านหน้าและหลัง รวมถึงแดชบอร์ดหล่อขึ้นจากวัสดุ “ลอยตัว” ชนิดพิเศษที่ทำจากไฟเบอร์กลาสและเรซินเอกสิทธิ์เฉพาะซึ่งมีน้ำหนักเบาอย่างยิ่ง วัสดุประเภทนี้เบามากจนสามารถลอยอยู่บนผิวน้ำได้ โดยนำมาผสมผสานกับไฟเบอร์กลาสและคาร์บอนไฟเบอร์ประเภทอื่นๆ เพื่อลดมวลน้ำหนัก พร้อมกับทำให้เสียงรบกวนและแรงสั่นสะเทือนลดลง โทนสีห้องโดยสาร 6 รูปแบบ ดำ Jet Black, เทา Sky Cool Gray, แดง Adrenaline Red, น้ำตาล Natural/ Natural Dipped, ฟ้า Two-Tone Blue และแดง Morello Red
การควบคุม ดีเอ็นเอของการขับขี่ที่สนุกสนานในคอร์เวทท์สติงเรย์ได้รับการออกแบบเพื่อความสะดวกสบายในการขับขี่ที่เหนือชั้นบนถนนทั่วไปและการควบคุมที่สมดุลในสนามแข่ง“ด้วยการออกแบบระบบกันสะเทือนที่ซับซ้อน เทคโนโลยียางที่สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ และความ ใส่ใจในรายละเอียดทางโครงสร้างอย่างลึกซึ้ง เราได้ยกระดับการขับขี่และการควบคุมให้สูงขึ้น” จูเอชเตอร์ กล่าว “ไม่มีคอร์เวทท์รุ่นอื่นใดที่ให้ความรู้สึกสะดวกสบาย คล่องตัว และมั่นคงได้อย่างสมบูรณ์แบบเท่ารุ่นใหม่นี้”
สติงเรย์ใหม่มาพร้อมโช๊คอัพสปริงที่สร้างบุคลิกการขับขี่และการควบคุมแบบใหม่ทั้งหมด โครงสร้างเครื่องยนต์วางกลางมอบระบบบังคับเลี้ยวที่รวดเร็ว เฉียบคม และมั่นคง ควบคู่กับระบบบังคับเลี้ยวอิเลคโทรนิคทีได้รับการปรับปรุงใหม่ทำให้การสั่งการของผู้ขับขี่ได้รับการตอบสนองอย่างทันทีทันใด
ตำแหน่งการนั่งใหม่ทำให้จุดศูนย์ถ่วงตัวรถอยู่ใกล้กับสะโพกด้านในของผู้ขับขี่ ดังนั้นผู้ขับขี่จึงเป็นศูนย์กลางของตัวรถขณะควบคุมทิศทาง ตำแหน่งที่นั่งเช่นนี้ได้เปลี่ยนแปลงความรู้สึกสัมผัสในการควบคุมและการตอบสนองของตัวรถไปอย่างสิ้นเชิง
เบาะนั่ง มี 3 รูปแบบให้เลือกได้แก่
GT1 สไตล์แบบสปอร์ตที่มุ่งเน้นความสะดวกสบายพร้อมมอบการโอบกระชับที่ดีสำหรับสถานการณ์การขับขี่ด้วยความเร็วสูง โดดเด่นด้วยหนัง Mulan และมีอ็อปชั่นพยุงหลังสองทิศทางและการปรับปีกเบาะ
GT2 ครั้งแรกสำหรับคอร์เวทท์ที่เบาะประเภทนี้มีรูปลักษณ์ที่ได้แรงบันดาลใจจากสนามแข่งผสมผสานความสะดวกสบายสำหรับการขับขี่ทางไกลด้วยโฟมที่มีความหนาสองชั้น ตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์สลับหนัง Napa ปีกเบาะรองนั่งหุ้มหนัง Mulan ด้านหลังเบาะพ่นสีดำสนิท มีการพยุงหลังสองทิศทางและการปรับปีกเบาะ รวมถึงการปรับอุณหภูมิและระบายอากาศ
Competition Sport ออกแบบมาเพื่อผู้ขับขี่ที่เอาจริงเอาจังกับการขับขี่ในสนามแข่ง เบาะประเภทนี้มีส่วนปีกเบาะรองนั่งที่โอบกระชับอย่างเต็มที่ หุ้มหนัง Napa เต็มรูปแบบและพนักพิงศีรษะตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ รวมถึงฟังก์ชั่นปรับอุณหภูมิและระบายอากาศ พร้อมด้วย
ผ้าทอที่มีความทนทานสูงรูปแบบใหม่ที่ถ่ายทอดแรงบันดาลใจมาจากเสื้อเกราะเคฟลาร์
การเดินตะเข็บมีให้เลือก 2 สี เหลืองและแดง ขณะที่ห้องโดยสารสีดำมาตรฐานจะมาพร้อมการเดินตะเข็บสีเทา Sky Cool Gray สีเข็มขัดนิรภัย 6 สี ดำ Black, ฟ้า Blue, น้ำตาล Natural, แดง Torch Red, เหลือง Yellow และส้ม Orange
เครื่องยนต์ Small Block V-8 LT2 ความจุ 6.2 ลิตร เจนเนอเรชั่นใหม่ของเชฟโรเลต ซึ่งเป็นขุมพลัง V-8 แบบไร้ระบบอัดอากาศรุ่นเดียวในกลุ่มเดียวกัน มีพละกำลัง 495 แรงม้า (369 กิโลวัตต์) และแรงบิด 470 ฟุต-ปอนด์ (637 นิวตันเมตร) เมื่อติดตั้งท่อไอเสียสมรรถนะสูง – ถือเป็นรถคอร์เวทท์รุ่นเริ่นต้นที่มีแรงม้าและแรงบิดสูงที่สุด
เครื่องยนต์ LT2 เจนเนอเรชั่นใหม่ประกบคู่กับระบบเกียร์ดูอัลคลัตช์ 8 สปีดรุ่นแรกของเชฟโรเลต มอบความรวดเร็วปานสายฟ้าแลบในการเปลี่ยนเกียร์และการถ่ายทอดกำลังที่เป็นเลิศ ระบบส่งกำลังชุดนี้ได้รับการออกแบบร่วมกับ TREMEC เพื่อคุณสมบัติที่ดีที่สุด 2 ด้าน ทั้งสัมผัสจิตวิญญาณสุดเร้าใจแบบเกียร์ธรรมดาและความสะดวกสบายในการขับขี่ระดับพรีเมียมแบบเกียร์อัตโนมัติ ฟีเจอร์ดับเบิลแพดเดิลแบบปลดคลัตช์ยังเปิดโอกาสให้ผู้ขับขี่ปลดการทำงานของคลัตช์ด้วยการรั้งแป้นแพดเดิลชิฟท์ค้างไว้เพื่อการควบคุมที่เหมือนเกียร์ธรรมดามากขึ้น
แพดเดิลชิฟท์ช่วยให้ผู้ขับขี่เลือกเกียร์ได้ตามต้องการ “อัลกอริทึมของการเปลี่ยนเกียร์ถูกพัฒนาให้มุ่งเน้นผู้ขับขี่เป็นพิเศษ ผู้ขับขี่สามารถสัมผัสได้ว่ากำลังขับขี่ด้วยจิตวิญญาณแห่งความสนุกโดยแท้ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบการขับขี่ใดก็ตาม และจะคงตำแหน่งเกียร์ต่ำให้นานยิ่งขึ้นเพื่อเพิ่มการตอบสนองของคันเร่ง”
เครื่องยนต์ Small Block V-8 รุ่นใหม่ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพการถ่ายทอดแรงบิดเพื่อใช้ประโยชน์จากความเร็วระดับเสี้ยววินาทีของเกียร์ DCT วิศวกรได้ปรับแต่งเกียร์ DCT โดยให้เกียร์ 1 มีอัตราทดต่ำมากเพื่อให้ตัวรถพุ่งออกตัวได้อย่างรวดเร็วและมีการยึดเกาะถนนที่ดีขึ้น เกียร์ 2 ไปจนถึงเกียร์ 6 มีอัตราทดทำให้เครื่องยนต์รักษาพละกำลังเกือบจะอยู่ในระดับสูงสุด เกียร์ 7 และเกียร์ 8 มีอัตราทดสูง ทำให้การขับขี่ทางไกลเป็นไปอย่างสะดวกสบายและง่ายดายโดยมีแรงเค้นทางกลไกต่ำและ
มีประหยัดน้ำมันได้อย่างดีเยี่ยม
เกียร์ DCT ทำงานร่วมกับระบบ Electronic Transmission Range Selector ด้วยการใช้ ตัวเปลี่ยนเกียร์ไฟฟ้าจึงไม่มีอินเตอร์เฟซแสดงผลแบบกลไกระหว่างคันเกียร์และชุดเกียร์ ตัวเปลี่ยนเกียร์ไฟฟ้าของคอร์เวทท์ประกอบด้วยสลักแบบดึงสองตัวสำหรับเกียร์ถอยหลัง (Reverse) และเดินหน้า (Drive) รวมถึงสวิทช์จอด (Park) เกียร์ว่าง (Neutral) และเกียร์ต่ำ/ธรรมดา (Low/Manual) ตัวเปลี่ยนเกียร์ได้รับการออกแบบให้มีความสวยงามสะดุดตามากขึ้นและมีขนาดเล็กกว่าตัวเปลี่ยนเกียร์มาตรฐาน
คอร์เวทท์รุ่นใหม่ เพิ่มรูปแบบการขับขี่จาก 4 รูปแบบการขับขี่เป็น 6 รูปแบบการขับขี่ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถปรับเปลี่ยนประสบการณ์ขณะขับขี่ได้ตามความต้องการและตอบสนองการเดินทาง ทุกรูปแบบ รูปแบบการขับขี่เดิมประกอบด้วย Weather, Tour, Sport และ Track และอีก 2 รูปแบบการขับขี่ใหม่
โครงสร้างของคอร์เวทท์สร้างขึ้นล้อมรอบส่วนกลางของตัวรถซึ่งเปรียบดังกระดูกสันหลัง ทำให้เกิดเป็นโครงสร้างที่มีน้ำหนักเบาและความแข็งแรงของการบิดเกลียวซึ่งรองรับการติดตั้งระบบกันสะเทือนที่ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยการลดชิ้นส่วนตัวถังที่ไม่จำเป็น ลูกค้าคอร์เวทท์จะได้สัมผัสประสบการณ์แห่งการขับขี่ขั้นสูงสุดด้วยศักยภาพการยึดเกาะขณะขับเคลื่อนที่ยอดเยี่ยม รถรุ่นนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเชื่อมต่อเป็นส่วนหนึ่งของถนนอย่างเหนียวแน่นโดยมีแรงสั่นสะเทือนน้อยระหว่างการขับขี่ด้วยความเร็วสูงหรือการเดินทางไกล
ครั้งแรกสำหรับคอร์เวทท์ที่มีจำหน่ายทั้งรุ่นพวงมาลัยซ้ายและพวงมาลัยขวา การออกแบบอันชาญฉลาดเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในห้องโดยสาร ทั้งการขยายระยะการปรับเบาะเลื่อนไปด้านหลังได้อีก 1 นิ้วและเพิ่มองศาการปรับเอนอีกเกือบเท่าตัว คอร์เวทท์ สติงเรย์ รุ่นใหม่สร้างด้วยกลยุทธ์การผสมผสานวัสดุอัจฉริยะ ส่งเสริมให้เกิดคุณสมบัติสำคัญ อาทิ
โครงสร้างหลักที่แข็งแกร่ง เหนียวแน่น และมีน้ำหนักเบาที่ประกอบด้วยชิ้นส่วนอลูมิเนียมขึ้นรูปแรงดันสูง 6 ชิ้น เรียกว่า Bedford Six ซึ่งผลิตที่ศูนย์การผลิตจีเอ็ม พาวเวอร์เทรนในเมืองเบดฟอร์ด รัฐอินเดียน่า ช่วยลดจำนวนข้อต่อในตัวรถ จึงทำให้โครงสร้างมีความเหนียวแน่นมากขึ้นซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมและการเข้าโค้งในสนามแข่ง
ช่วงล่างด้านหน้ายกตัวขึ้นได้ภายในเวลา 2.8 วินาทีเพื่อเพิ่มระยะห่างจากพื้นบริเวณกันชนหน้าประมาณ 40 มม. ป้องกันการกระแทกเนิน หลุม ทางขึ้นที่ลาดชัน และสิ่งกีดขวางอื่นๆ บนถนน โดยระบบนี้ทำงานที่ความเร็วไม่เกิน 24 ไมล์ต่อชั่วโมงและปรับตั้งมาให้ทำงานโดยอัตโนมัติผ่านระบบ จีพีเอสที่จดจำสิ่งกีดขวางได้สูงสุด 1,000 ตำแหน่ง มีระบบช่วยออกตัวทำงานได้ดีขึ้นด้วยการกระจายน้ำหนักไปด้านหลัง ทำให้สติงเรย์รุ่นใหม่ออกตัวได้รวดเร็วยิ่งกว่าคอร์เวทท์ทุกรุ่นในประวัติศาสตร์ รวมถึง Z51 Performance Package ที่เพียบพร้อมเทคโนโลยีใหม่มากมายสำหรับสติงเรย์ ปี 2020 ช่วงล่างสมรรถนะสูงซึ่งสามารถปรับตั้งได้ด้วยมือ จานเบรกขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมโลโก้ Z51 บนคาลิปเปอร์เบรก ปรับปรุงการระบายอากาศ อัตราทดเพลาแบบจำเพาะ ช่องระบายอากาศสำหรับเบรกหน้า ท่อไอเสียสมรรถนะสูง เฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิปอิเลคโทรนิคผนวกรวมอยู่ในชุดเพลาส่งกำลังซึ่งควบคุมแรงบิดระหว่างสองล้อหลัง ช่วยรักษาเสถียรภาพได้อย่างยอดเยี่ยม
ระบบ Magnetic Ride Control 4.0 ซึ่งอ่านสภาพถนนได้ดีขึ้น ส่งต่อข้อมูลที่แม่นยำผ่านไปยังเครื่องวัดความเร็วที่ติดตั้งกับช่วงล่าง ช่วยเพิ่มการตอบสนองของระบบอิเลคโทคนิคต่อการควบคุมของผู้ขับขี่ได้อย่างรวดเร็วและราบรื่นมากขึ้น ผลลัพธ์คือคุณภาพการขับขี่ที่ดีที่สุดในระดับเดียวกัน เพิ่มเสถียรภาพการควบคุมรถให้ดียิ่งขึ้นกับเทคโนโลยีควบคุมสมรรถนะการขับขี่ (Performance Traction Management)
คุณสมบัติที่โดดเด่นจากการใช้แพลทฟอร์มรถยนต์ดิจิทัลรุ่นใหม่ของจีเอ็ม ซึ่งเป็นโครงสร้างอิเลคโทรนิคเต็มรูปแบบที่รองรับการริเริ่มใช้งานเทคโนโลยียุคใหม่ของบริษัทฯ โครงสร้างนี้ลดจำนวนสายไฟพร้อมกับทำให้การถ่ายโอนสัญญาณระหว่างระบบต่างๆ ในตัวรถมีความรวดเร็วมากขึ้น และสามารถติดตั้งหน้าจอที่มีความละเอียดสูงขึ้น แพลทฟอร์มดังกล่าวยังทำให้ตัวรถมีการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นได้อย่างต่อเนื่องผ่านการอัพเดทไร้สายและเพิ่มความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์
ฟีเจอร์เทคโนโลยีใหม่ ประกอบด้วย ระบบอินโฟเทนเมนท์เจนเนอเรชั่นใหม่ของคอร์เวทท์ที่ทำงานได้รวดเร็วและง่ายขึ้น แสดงผลผ่านหน้าจอที่มีความละเอียดสูงกว่า การเชื่อมต่อบลูทูธแบบวัน ทัช ครั้งแรกในรถยนต์เชฟโรเลต พร้อมการสื่อสารไร้สายระยะสั้น Near Field Communication การชาร์จไฟไร้สาย ระบบสั่งงานด้วยเสียงที่มีการเรียนรู้ระหว่างใช้งาน แจ้งสภาพการจราจรแบบเรียลไทม์ได้ดียิ่งขึ้น จอแสดงผลมาตรวัดรุ่นใหม่ขนาด 12 นิ้วที่รองรับการปรับแต่งได้ และเปลี่ยนตามรูปแบบการขับขี่ทั้ง 6 รูปแบบ
ฟีเจอร์ที่เกี่ยวกับระบบไฟฟ้าประกอบด้วย หน่วยความจำตำแหน่งเบาะนั่งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร พวงมาลัยสามารถปรับเปลี่ยนอุณหภูมิได้
ระบบแจ้งเตือนแรงดันลมยางช่วยเตือนผู้ขับขี่เมื่อแรงดันลมยางถึงระดับสูงสุด ระบบเครื่องเสียง Bose รุ่นใหม่ 2 ระบบประกอบด้วยลำโพงพรีเมียม 10 ตำแหน่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และระบบ Bose Performance Series ลำโพง 14 ตำแหน่งเป็นอุปกรณ์เสริม ฝาครอบลำโพงได้รับการติดตั้งเป็นส่วนหนึ่งของส่วนล่างประตูเพื่อความหรูหราและยังช่วยป้องกันความเสียหายจากเท้าของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
ระบบ Performance Data Recorder ครั้งแรกในอุตสาหกรรมยานยนต์ ระบบวิเคราะห์การขับขี่ที่ล้ำสมัยถูกปรับปรุงใหม่ด้วยกล้องความละเอียดสูงและอินเตอร์เฟซรุ่นใหม่ในรถ ลูกค้าสามารถบันทึกการขับขี่ทั้งในสนามแข่งและบนถนนทั่วไปในการเดินทางจากจุดเริ่มต้นถึงจุดหมาย ระบบ PDR สามารถปรับตั้งให้บันทึกได้โดยอัตโนมัติเหมือนกับกล้องติดรถที่เริ่มบันทึกทุกครั้งที่คอร์เวทท์ เคลื่อนที่ หรือปรับตั้งให้เริ่มบันทึกเมื่ออยู่ในรูปแบบการขับขี่ Valet
สีตัวถัง 12 สี ได้แก่ แดง Torch Red, ขาว Arctic White, ดำ Black, เงิน Blade Silver Metallic, เทา Shadow Gray, เทา Ceramic Matrix Gray, แดง Long Beach Red, ฟ้า Elkhart Lake Blue และส้ม Sebring Orange รวมถึง 3 สีใหม่ล่าสุด ฟ้า Rapid Blue, บรอนซ์ Zeus Bronze และเหลือง Accelerate Yellow
เชฟโรเลต คอร์เวทท์ สติงเรย์ ปี 2020 ขึ้นสายการผลิตที่ศูนย์การผลิตโบว์ลิงกรีนของจีเอ็มในช่วงปลายปี 2562 ราคาจำหน่ายและข้อมูลเพิ่มเติมจะได้รับการประกาศอีกครั้งเมื่อใกล้ถึงวันเปิดตัว